ต้องมีอะไรผิดพลาดตรงไหน : ทำไม "มาริโอ เวย์" ถึงไม่เวิร์ก ?
หลังจากการประกาศอำลาทีมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เฮดโค้ชวัย 37 ปี ที่รับงานคุมสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด มาได้ทั้งหมด 1,064 วัน นำทัพลูกทีมลงแข่งขันทั้งหมด 99 นัด (ข้อมูลจากผู้บรรยายไทยลีกเกมล่าสุด) เป็นผลมาจากการเซ่นฟอร์มที่บุกไปพ่ายยับให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ขาดลอย 2-5 ยังไม่ชนะใครเลยในซีซั่นนี้
กลายเป็นว่าทัพ กิเลนผยอง จำเป็นต้องยุติแนวทางการทำทีมแบบ ‘มาริโอ เวย์’ ที่เป็นเหมือน ดีเอ็นเอ ของทีมตลอดหลายฤดูกาลหลังไปพร้อมๆ กัน เนื่องจากหัวเรือมากแพสชั่นได้จากไปแล้ว
ซึ่งหน้าที่การคุมทัพชั่วคราวในเกมที่จะเปิดบ้านรับมือ นครปฐม ยูไนเต็ด จะตกเป็นของ อุทัย บุญเหมาะ รักษาการณ์ และทำงานร่วมกับทีมงานสตาฟฟ์โค้ชอย่าง เจษฎา จิตสวัสดิ์, ดานโญ่ เซียก้า และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
จากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาลนี้ ไม่ได้หมายความว่าฝีมือของ มาริโอ จะไม่ถึงขั้นในการคุมทีม เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ปัญหาที่ทำให้ผลงานตกลงนั้นมีหลายปัจจัยที่กระทบโดยตรง แล้วตัวของเฮดโค้ชก็ไม่สามารถแก้ไขเพียงคนเดียวได้ หรือทำการเปลี่ยนแปลงให้ทีมดีขึ้นในชั่วพริบตา
สาเหตุที่ทำให้ มาริโอ เวย์ ไม่ประสบผลในซีซั่นนี้ ได้รับผลกระทบมาจากปัจจัยใดบ้าง? การอำลาของเฮดโค้ชเพียงคนเดียวจะทำให้ทีมดีขึ้นได้จริงหรือไม่? สิ่งที่หายไปจากทีมแล้วทำให้ผลงานตกลงคืออะไร? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ขาดสปอนเซอร์ขาดใจ
ไม่มีทางที่จะปฏิเสธได้เลยว่า เมืองทอง ยูไนเต็ด เป็นสโมสรที่ประสบปัญหาด้านงบประมาณการทำทีม ไม่ต่างจากสโมสรระดับกลางหรือล่างๆ ในศึก ไทยลีก เพราะทุกวันนี้พวกเขาเหลือเพียงแค่ชื่อเสียงและความสำเร็จเก่าๆ ให้แฟนบอลได้รำลึกถึงเท่านั้น
กิเลนผยอง นั้นมียุครุ่งเรืองที่สามารถใช้เงินได้อย่างฟู่ฟ่าไม่อั้น หลังได้สปอนเซอร์รายใหญ่ด้านอปุกรณ์ก่อสร้างอย่าง เอสซีจี มาเป็นผู้สนับสนุนหลักตั้งแต่ปี 2555 เซ็นสัญญากันยาวถึง 5 ปี มีทุนให้ถลุงระดับ 600 ล้านบาท ซึ่งนี่เป็นเพียงแค่สปอนเซอร์เพียงรายเดียว ยังไม่นับเจ้าอื่นๆ ยิบย่อยอีกมากมาย
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่จะเห็นบอร์ดบริหารของทีม สามารถจ้างดาวเตะระดับชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติมาเสริมทัพแบบต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน หรือแม้แต่ เคลย์ตัน ซิลวา ก็เคยมาค้าแข้งในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม (เดิม) มาแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อหมดสัญญากับสปอนเซอร์เจ้าใหญ่ พร้อมกับสื่อสิ่งพิมพ์อย่าง บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด มหาชน (สยามกีฬา) ซึ่งเป็นท่อน้ำเลี้ยงหลักของทีม เข้าสู่สภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน ผลกระทบเลยส่งช่วงต่อกันมาเป็น ‘โดมิโน่’ แล้วหนึ่งในธุรกิจหลักอย่างทีมฟุตบอลย่อมเจอเอฟเฟ็กต์ไปด้วยแบบไม่มีทางเลี่ยง
พอมาถึงฤดูกาลนี้ที่เงินสนับสนุนจาก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จ่ายช้าไม่ตรงตามวันที่กำหนด แถมยังเป็นการจ่ายแบบลดจำนวนลง ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดไม่มี เมืองทอง ยูไนเต็ด เลยต้องตกอยู่ในสภาพเงินช็อตไปด้วย
แต่แล้วช่วงก่อนเปิดฤดูกาลทาง เมืองทอง ก็เกือบตกลงกับสปอนเซอร์คาดหน้าอกแบรนด์รถเจ้าใหญ่ ตามที่ เจ-วรปัฐ อรุณภักดี เปิดเผยผ่านทางการไลฟ์สดกับช่อง คิดไซด์โค้ง เอาไว้ว่า
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คือ มาสด้า อยู่แล้ว เพราะเคยสนับสนุน นครราชสีมา ที่ตกชั้น ซึ่งถ้าเป็นสปอนเซอร์เจ้าใหญ่ๆ พวกเขาย่อมต้องการสนับสนุนทีมใน ไทยลีก 1 ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะไปตกลงกับทาง เมืองทอง ด้วยตัวเลขประมาณ 30-50 ล้าน ที่กำลังสวยในยุคนี้”
“ถ้าได้งบตรงนี้มา เมืองทอง ก็จะมีงบไปเสริมตัวต่างชาติอย่างแน่นอน ผมการันตีเรื่องนี้ได้เลย”
บทสรุปของดีลนี้กลายเป็นทั้งสองฝ่ายกลับคุยกันได้ไม่ลงตัว สุดท้ายดีลก็ล่มไปในที่สุด ทำให้งบประมาณการทำทีมของ เมืองทอง นั้นจำกัดจำเขี่ย จำเป็นต้องใช้เงินเท่าที่มี ตัวต่างชาติที่ดึงมาร่วมทีมก็ไม่ครบโควต้า
ส่วนเงินก้อนใหญ่ก็ไปลงทุนกับการดึงตัว “กันต์-ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร” ที่ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ไม่พร้อมลงเล่นในตอนนี้ ทำให้ขุมกำลังที่พร้อมใช้งานของ มาริโอ ไม่เต็มประสิทธิภาพที่ควรจะเป็น ต้องดันดาวรุ่งที่ไม่มีประสบการณ์ขึ้นมาในบางตำแหน่ง
แล้วปัญหาตรงฟูลแบ็คสองฝั่งที่เรื้อรัง โดนคู่แข่งเล่นงานจากเกมรับที่หลวมโครกก็ยังไม่สามารถหาผู้เล่นที่เข้ามาแล้วแก้ได้ตรงจุด การหายไปของ สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ได้ตัวแทนมาเป็น ทริสตอง โด เด็กเก่าหน้าเดิมที่แค่พอถูไถ
ด้านแบ็คซ้ายไร้งบประมาณจนต้องไปดึงเอา โจ้แจ๋ว-สุวิทย์ ไปพรมราช เทพจากบอลเดินสายที่ใช้งานในเกมเข้มข้นอย่างบอลอาชีพจริงๆ ยังไม่ได้ และ ณัฐวัฒน์ โทบ้านซ้ง ที่ชั้นยังไม่ถึง ล้วนทำให้ทีมขาดความลงตัวในการเล่นเกมรับจนรวนไปทั้งระบบ
แนวคิดดีแต่บกพร่องเมื่อปฏิบัติ
แม้ว่า มาริโอ จะมีแนวทางการทำทีมที่น่าสนใจ กล้าใช้นักเตะที่เติบโตมาจากอคาเดมี่ที่มีความสามารถในทีมชุดใหญ่จริง ให้เจอกับเกมจริงเพื่อเก็บประสบการณ์ มีแนวทางการเล่นที่ดุดันในเกมรุก สามารถปลุกใจให้ลูกทีมฮึกเหิมได้จากแพสชั่นที่ล้นเหลือ แต่สุดท้ายสิ่งที่เขาขาด คือ ประสบการณ์ และ ความเก๋า
ช่วงเวลาที่ เมืองทอง เจอวิกฤติหนักเมื่อฤดูกาลก่อน แล้วทาง มาริโอ เหมือนจะประกาศอำลาทีมกรายๆ เตรียมตัวเก็บกระเป๋าออกจากถิ่น ธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม สถานการณ์นั้นกลับเปลี่ยนแปลงไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อบอร์ดบริหารตกลงในการดึงเอา มิลอส โจซิค เข้ามาเป็นผู้ช่วยคัดท้ายอีกแรง
โดยทาง โจซิค เคยกล่าวถึงบทบาทของเขาผ่านทางการสัมภาษณ์กับทีมงาน คิดไซด์โค้ง เอาไว้ว่า
“มาริโอ บอกให้ทีมงานเมืองทองติดต่อไปหาผม เพื่อดึงตัวผมกลับมาคุมทีม แล้วพวกเขาก็โทรมาจริงๆ ตอนแรก มาริโอ เลือกที่จะอำลาทีมไป มันไม่ใช่ความลับและเดาไม่ยากหรอก”
"แต่หลังจากเราทั้งคู่ได้พูดคุยกับบอร์ดบริหารแล้ว ข้อสรุปออกมา คือ เราจะทำงานร่วมกัน ผมเป็นโค้ชระดับ โปร ไลเซนส์ มีประสบการณ์คุมทีมมากมาย ดังนั้นผมต้องนำเอาสิ่งเหล่านั้นมาช่วยเหลือและสนับสนุน มาริโอ ทุกทางเท่าที่เป็นไปได้"
"ผมรู้วิธีที่จะทำให้พวกเขากลับมา เพราะพวกเขามีสตาฟฟ์โค้ชและนักเตะที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แค่นำเอาประสบการณ์ของผมไปหาจุดเปลี่ยนให้ผ่านวิกฤติต่างๆ ให้ได้เท่านั้น ด้วยการใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาของผมเติมเต็มลงไป เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ทีมต้องการ”
การเข้ามาของ โจซิค ช่วยปรับแก้รายละเอียดต่างๆ ตามที่เขาบอกว่า หน้าที่ของเขาไม่ได้จัดการเฉพาะเรื่องของเกมรับ จากเดิมที่ทาง เมืองทอง เล่นเกมเพรสซิ่งได้ดุดัน มีเกมบุกที่อันตราย และ ศักยภาพของนักเตะที่ดีเป็นทุนเดิม เหลือเพียงแค่เรื่องการปรับแก้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เมื่อมีคนมาดูแลส่วนนั้นให้ทุกอย่างเลยลงตัว
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น คือ เมืองทอง สามารถคว้าชัย 8 นัดติดต่อกัน เก็บไป 24 แต้มเต็ม ทยานกลับมาเป็นทีมหัวตารางในเวลาไม่กี่เดือน มีลุ้นเบียดแย่งพื้นที่ไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์ระดับทวีปเอเชียอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ต้องพลาดไปอย่างน่าเสียดาย
แต่แล้วเมื่อ โจซิค อำลาทีมไปเหลือเพียงแค่แนวคิดและคำสอน ส่งผลให้ มาริโอ ต้องทำงานร่วมกับทีมสตาฟฟ์ที่ขาดประสบการณ์ รายละเอียดเรื่องการเก็บข้อมูล วิธีการเล่นเกมรับแต่ละโซน, ช่วงเวลาที่เข้าบีบคู่แข่งให้เหมาะสม หรือตอนไหนควรตั้งรับต่ำ ไม่มีคนคอยบอกคอยแนะนำข้างกายเหมือนเคย
ยิ่งพอนักเตะที่มีอยู่ในมือตอนนี้ ไม่ได้เป็นทีมที่มีศักยภาพทัดเทียมได้เท่ากับทีมอื่นๆ แถบหัวตารางที่เติมผู้เล่นชั้นนำกันแบบเต็มสูบ แถมเปิดหัวฤดูกาลด้วยการเจอกับโปรแกรมโหดต่อเนื่องอย่าง เชียงราย ยูไนเต็ด (แพ้ 0-1), แบงค็อก ยูไนเต็ด (เสมอ 0-0), การท่าเรือ เอฟซี (แพ้ 1-3) และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด (แพ้ 2-5)
ภาพรวมที่ออกมาเลยไม่ต่างกับการเอา ‘ไม้ซีกไปงัดไม้ซุง’ ยิ่งคนงัดมีดีแค่แนวคิด กับการปลุกใจนักเตะให้สู้ ไม่มีแผนสอง ไม่มีการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ผลลัพธ์ที่ออกมาเลยเก็บไปได้แค่แต้มเดียว ทีมต้องมาจมอยู่ตำแหน่งรองบ๊วยแบบที่เห็น
นักเตะขาดประสบการณ์
มาริโอ เคยอธิบายถึงวลีฮิต ‘มาริโอ เวย์’ ไว้คร่าวๆ ว่า ความจริงแล้วมันไม่มีจริงหรอกคำนี้ มันเป็นแค่แนวทางเหมือนกับในยุคก่อนที่เขาเคยเล่นอยู่ ที่เติมดีเอ็นเอนักสู้เข้าไปให้นักเตะทุกคนมีความห้าวหาญ ไม่ว่าจะเป็น ดาวรุ่ง, ตัวเก๋า หรือ นักเตะซูเปอร์สตาร์ เพื่อให้มีจิตวิญญาณของทีม เมืองทอง ในแบบเดียวกัน
สิ่งที่ตัวของเขาหวังผลเอาไว้ระยะยาว คือ การสร้างกลุ่มนักเตะหน้าใหม่ขึ้นมา ซึ่งแต่ละคนต้องมีแนวทางการเล่นที่เป็นเอกลักษณ์ของสโมสร พัฒนาตัวเองจนสามารถต่อยอดไปเป็นกำลังหลักให้กับ ทีมชาติไทย ได้ในอนาคต
ทุกอย่างเป็นการวางแผนที่ดี สารตั้งต้นที่เป็นนักเตะในอคาเดมี่ของทัพ กิเลนผยอง ก็ล้วนรวมเอาไว้แต่ดาวรุ่งระดับหัวกะทิทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เยาวชนเหล่านี้ยังขาด คือ เรื่องของประสบการณ์และกระดูกฟุตบอล ที่ยังไม่โตพอจะเจอกับความกดดันในลีกสูงสุดของประเทศไทย
ซึ่งตัวของ มาริโอ เองก็เคยออกมายอมรับกลายๆ เอาไว้ว่า
"ลูกทีมของผมเล่นได้ดีมาก แต่ยังมีหลายๆ อย่างที่พัฒนาได้อีก ผมมั่นใจว่าทำงานอย่างหนักมาตลอดสองปีกว่าๆ กับสโมสรแห่งนี้"
เมื่อผู้เล่นของเขายังอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์พร้อมใช้งาน โปรแกรมที่ต้องเผชิญเป็นงานที่หนักหนา ไม่สามารถเก็บผลลัพธ์ได้ตามที่ต้องการได้ ความกดดันจากบอร์ดบริหารและแฟนบอล ย่อมถาโถมเข้ามาใส่ชายที่นั่งแท่นเป็นเฮดโค้ชอย่าง ‘มาริโอ ยูรอฟสกี้’ แบบไม่มีทางหนีพ้น
ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ในการเล่นของนักเตะแต่ละคน เมื่อถูกคู่ต่อสู้ฉกฉวยโอกาสและลงโทษพวกเขาได้ ปลายทางเลยกลายเป็นความพ่ายแพ้ ซึ่งจะไปโทษว่าเป็นความผิดของ มาริโอ เพียงคนเดียวคงไม่ถูกนัก
แต่ทุกคนในสโมสรรวมไปถึงนักเตะและบอร์ดบริหาร ย่อมต้องมีส่วนช่วยกันแบ่งรับผิดชอบทั้งหมด จากปัจจัยที่กล่าวมาเบื้องต้น ซึ่งตั้งต้นมาจากเรื่องของงบประมาณการทำทีมที่ฝืดเคืองเป็นตัวจุดประกายผลงานอันพังพินาศ
ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะแก้ไขได้ด้วยการลาออกของ มาริโอ แบบทันทีทันควันคงไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าถามว่าจะเอาโค้ชมีชื่อคนไหนมาแทน ต้องกลับไปถามบอร์ดบริหารว่า ‘เหลืองบประมาณจ้างเขาเท่าไหร่?’ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ายังค้างเงินเดือนนักเตะบางรายอยู่ด้วยซ้ำ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.youtube.com/watch?v=o_QDdxTgYf0
https://thinkcurve.co/maapub-chna-8-rwdpab-mil-s-occhchikh-tham-aairkab-emuue-ngth-ng/
บทความที่เกี่ยวข้อง :
มาริโอ ยูรอฟสกี้ ลาออกจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด หลังพ่ายบีจี 5-2