ต้องพัฒนาอีก : ‘ทาคุ อิโตะ’ ชี้ชัดความแตกต่างวงการบอล ‘ไทย’ เทียบกับ ‘ญี่ปุ่น’
หลังจากทีมงาน Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษแบบส่วนตัวกับ ทาคุ อิโตะ แนวรุกวัย 29 ปี จากสโมสร นครปฐม ยูไนเต็ด ซึ่งมีดีกรีไม่ธรรมดา เคยผ่านการเล่นเวทีฟุตบอลอาชีพในประเทศเยอรมัน และ ญี่ปุ่น มาก่อนหน้านี้ ทำให้เขาเห็นถึงความแตกต่างของวงการฟุตบอลแต่ละที่ชัดเจน
แน่นอนว่า เยอรมัน ขึ้นชื่อว่าเป็นเต้ยของวงการลูกหนังอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องการพัฒนาด้านต่างๆ ที่พร้อมสรรพ สนาม, บุคลากร และ แฟนบอล ล้วนอยู่ในขั้นระดับสูง สมกับเป็นประเทศที่มีพัฒนาลีกฟุตบอลแบบมืออาชีพมีครบทุกองค์ประกอบ
แต่เมื่อทาง ทาคุ ได้ย้ายมาเล่นในประเทศไทย แล้วเขาต้องเริ่มต้นจากลีกล่างๆ เก็บประสบการณ์ครบทุกดิวิชั่นตั้งแต่ ไทยลีก 4 จนถึง ไทยลีก 2 แล้วกำลังจะได้เล่นบนลีกสุงสุดเป็นครั้งแรก เขาได้ชี้ชัดถึงความแตกต่างของ วงการฟุตบอลไทย เทียบกับ ญี่ปุ่น เอาไว้ว่า
“การจะก้าวมาเป็นนักเตะอาชีพในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ง่าย เพราะมีการแข่งขันกันสูง นักเตะฝีเท้าดีหลายคนต้องพลาดโอกาสคัดเข้าสโมสรไม่ผ่านแล้วเลิกไปก็มี เพราะที่นั่นเขาเลือกแต่นักเตะระดับท็อปของรุ่นที่จะได้ไปต่อ”
“สนามฟุตบอลของ เจ ลีก 3 หรือ เจ ลีก 2 ก็มีคุณภาพที่ดีกว่า ไทยลีก 3 หรือ ไทยลีก 4 ซึ่งมันส่งผลมากต่อแท็คติกการเล่นของแต่ละทีม ถ้าทีมไหนถนัดเล่นแบบต่อบอล แล้วมาเจอสภาพสนามที่ไม่มีคุณภาพดีพอก็เล่นแบบที่ถนัดไม่ได้”
ส่วนประเด็นเรื่องของนักเตะไทย ทาคุ ให้ความเห็นเกี่ยวกับเป็นความเป็นมืออาชีพเอาไว้ว่า
“นักเตะไทยบางคนในไทยลีก 3 หรือ ไทยลีก 4 นัดซ้อม 4 โมง บางทีมาเลท 6 โมงก็มี แต่ที่ญี่ปุ่นไม่สามารถทำแบบนี้ได้เลย เพราะเรื่องความตรงต่อเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก มันแสดงถึงความมีวินัยและความรับผิดชอบ”
“การซ้อมของนักเตะไทยบางคนในลีกล่างๆ ก็ไม่ทุ่มเทแบบ 100% ไม่อยากวิ่ง ไม่อยากเข้าฟิตเนส ซึ่งถ้าเป็นที่ญี่ปุ่น การทำแบบนั้นให้โค้ชเห็นมันส่งผลต่อโอกาสในการลงสนาม แต่ถ้าที่ไทยถ้าเป็นตัวเก่งๆ บางทีก็จำเป็นต้องส่งลงเล่น ต่อให้เขาจะไม่เต็มที่ในการซ้อม แล้วสุดท้ายมันก็ส่งผลต่อผลงานในสนามที่ต้องมีแรงวิ่งตลอด 90 นาที”
“การดูแลร่างกายในช่วงวันหยุดก็สำคัญ ถ้าคนที่มีความเป็นมือาชีพสูงๆ ก็ต้องเลือกพักผ่อนให้ร่างกายได้ฟื้นฟู หรือเลือกที่จะไปซ้อมพิเศษเพิ่มเติม แต่บางคนก็เลือกที่จะไปเที่ยว กิน ดื่ม ซึ่งมันย่อมส่งผลต่อเส้นทางการเป็นนักเตะอาชีพของแต่ละคนว่าจะไปลงเอยในทิศทางไหน”
อย่างไรก็ตาม ทาคุ เสริมว่า บางทีนักเตะจากแดนอาทิตย์อุทัย ที่ดีกรีเคยผ่านการเล่นระดับ เจลีก หรือ เจลีก 2 ก็อาจไม่ประสบความสำเร็จในการค้าแข้งในเมืองไทย เพราะไม่สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมได้ พูดภาษาไทยไม่ได้ แถมภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ดีมากนัก
รวมไปถึงการรับสาส์นที่เป็นแท็คติกจากโค้ช ที่อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน และสภาพสนามที่ไม่เหมาะกับการเล่นในสไตล์ของตัวเอง ดังนั้นเรื่องผลงานในการทดสอบฝีเท้าช่วงแรก อาจไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินว่านักเตะคนไหน เก่ง หรือ ไม่เก่ง ต้องดูเรื่องของการปรับตัวต่อไป ซึ่งก็มีหลายรายที่ไม่ไหวแล้วยอมแพ้เก็บกระเป๋าไปเล่นที่ลีกอื่นให้เห็นมาแล้ว
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ออนไลน์
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ทาคุ อิโตะ : จากคนไม่รู้อะไรเลยสู่แข้งต่างชาติที่เล่นครบทุกดิวิชั่นในบอลไทย