ตำแหน่งไร้ตัวสำรอง : เมื่อ เฟรงกี้ เดอ ยอง กำลังเป็นร่างทรง อันเดรีย ปิร์โล่ ครั้งบอลโลก 2006
หากจะให้ชี้นักเตะที่สำคัญกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และโดดเด่นกว่าใครในฟุตบอลโลก 2022 ก็คงจะหนีไม่พ้น คอดี้ กักโป อย่างไม่ต้องสงสัย
ในรายของ กักโป นั้นยิงทุกเกมในรอบแบ่งกลุ่ม ทว่ามีนักเตะหนึ่งคนที่ถูกเรียกว่าอะไหล่ชิ้นส่วนที่สำคัญกับ เนเธอร์แลนด์ ชุดนี้ที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดอะไหล่ชิ้นนี้ “ไม่มีตัวสำรอง” อีกด้วย
นี่คือเรื่องราวของวิธีการเล่นของ เฟรงกี้ เดอ ยอง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ที่ว่ากันว่าเหมือน อันเดรีย ปิร์โล่ ในฟุตบอลโลก 2006 ไม่มีผิด
ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ก่อนจะถึงบอลโลก
แม้จะประสบกับปัญหาตัวจริงบ้างไม่ตัวจริงบ้างกับต้นสังกัดอย่าง บาร์เซโลน่า แต่กับทีมชาตินั้น เฟรงกี้ เดอ ยอง นั้นสำคัญมากที่สุดในตำแหน่งเเดนกลางของทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ มาเสมอ
โดยเฉพาะเมื่อถึงยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ตัวของ ฟาน กัล ให้ความสำคัญกับการเล่นของ เดอ ยอง มาก ๆ จนถึงขั้นที่ว่าในปี 2021 เขาออกตัวแทน เดอ ยอง ที่มักจะถูก ชาบี เอร์นันเดซ กุนซือของ บาร์เซโลน่า ให้ลงเล่นน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
"แฟรงกี้ เดอ ยอง โดนวิจารณ์เหรอ?" ฟาน กัล ตอบคำถามนักข่าวถึงฟอร์มของนักเตะรายนี้ในระดับสโมสร
"มันก็ปกตินะที่บาร์เซโลนา คือถ้าคุณมีผลงานอย่างที่เขามีตลอดสองปีหลังสุด มันก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนักหรอก
"แต่เวลาที่อะไรๆ มันแย่ คนในบาร์เซโลนาก็มักจะโทษชาวต่างชาติเสมอนั่นแหละ"
ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็ตามที่ ฟาน กัล ออกตัวให้แบบนั้น แต่ที่แน่ ๆ วิธีการเล่นของ เดอ ยอง เข้ากับวิธีการเล่นของ เนเธอร์แลนด์ เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิธีที่ค่อยๆต่อบอลกันขึ้นมาจากเเดนหลังเพื่อไปทำเกมรุก ทำให้เขาต้องการกองกลางตัวรับที่ ออกบอลได้ดีหรือไปกับบอลได้ยอดเยี่ยม
นอกจากวิธีการเล่นเข้าที่เข้าทางแล้ว ฟาน กัล ยังออกออกแบบวิธีการเล่นในแบบที่ “ใช้ศูนย์กลางในการออกบอล” โดยให้สิทธิ์กับ เดอ ยอง แต่เพียงผู้เดียวในตำแหน่ง หากไม่เจ็บ ไม่แบน เดอ ยอง จะเป็นเหมือนฟันเฟืองชิ้นหลักที่ทำให้เกมของ เนเธอร์แลนด์ ขับเคลื่อนไปได้
เรื่องนี้ตัวของ เดอ ยอง ก็บอกกับสื่อกก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มขึ้นว่า เขารู้สึกว่าตัวเองเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อเกมทีมชาติมาถึง โดยให้เหตุผลว่าเขาชอบวิธีการเล่นแบบที่เขาได้เป็นคนแรกที่รับบอลจากกองหลัง จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะคอยกำหนดจังหวะการเล่นของทีม จะเร็ว จะช้า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเขาทั้งหมด เขาจะเป็นคนที่สัมผัสบอลมากที่สุดในทีม เรียกได้ว่าเป็นผู้บัญชาการเกมของ เนเธอร์แลนด์ ก็คงไม่ผิดนัก
“ผมชอบเป็นคนเเรกที่ไปรับบอลจากองหลัง เเละเป็นคนพาบอลขึ้นไปเพื่อเริ่มต้นเกมบุกของทีม หน้าที่ของผมในทีมชาติ คือ เล่นกับลูกบอลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” เเฟรงกี้ เดอ ยอง ให้สัมภาษณ์
ซึ่งในตำแหน่งนี้ที่ บาร์เซโลน่า เป็นหน้าที่ของ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ที่ยึดตำแหน่งยืนอยู่หน้ากองหลัง จนทำให้ เดอ ยอง ต้องลองเปลี่ยนตำแหน่งไปเล่นในบทบาทของหมายเลข 8 หรือบางครั้งเขาก็ต้องถอยไปเล่นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเลยก็มี … แต่ที่ เนเธอร์แลนด์ เขาได้เล่นในแบบที่ตัวเองอยากเล่น และกลายเป็นความเหนือชั้นที่แสดงออกมาให้โลกเห็นในเวลานี้
สบายใจเมื่อใส่เสื้อทีมชาติ
อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น เดอ ยอง คือเบอร์ 1 ในใจฟาน กัล ตลอดมา วิธีการเล่นของทีม ขึ้นอยู่กับสิ่งที่อยู่ในสมองและสัญชาติญาณของเขาอย่างแท้จริง
มีการยกสถิติของ เดอ ยอง ในเกมที่ดีที่สุดของเขา อย่างเกมเนชั่นลีกส์ ที่เจอกับ เบลเยี่ยม เกมนั้น เดอ ยอง โชว์ลีลากลบแผงกลาง เบลเยี่ยม ทุกคน ด้วยสถิติการแย่งบอล การวางบอลยาว และการดวลลูกกลางอากาศชนะ 100% นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่ได้บอลมากที่สุดถึง 93 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 93% สร้างโอกาสการเข้าทำให้กับทีมได้ถึง 4 ครั้ง
จบเกม เนเธอร์แลนด์ ไล่ถล่ม เบลเยี่ยม ทีมอันดับ 2 ของฟีฟ่า แรงกิ้ง ไปถึง 4-1 … ที่เอาสถิติก่อนฟุตบอลโลกมาพูด ก็เพื่อจะเอามาเปรียบเทียบกับสิ่งทีเกิดขึ้นในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ณ เวลานี้ เพราะมันสะท้อนถึงวิธีการเล่นของ เดอ ยอง ออกมาได้ดีที่สุด
วิธีการเล่นของเขาตรงกับที่เขาบอกทุกประการ คือการเป็นกองกลางตัวสุดท้ายที่ยืนอยู่หน้ากองหลัง แต่วิธีการเล่นจะแตกต่างจากนักเตะตำแหน่งนี้คนอื่น ๆ ที่เน้นการปะทะแย่งบอล แต่เดอ ยอง เป็นประเภทสร้างเกมจากเเดนหลัง
หากใครได้ดู เนเธอร์แลนด์ เล่นจะเห็นได้ถึงคลาสของ เดอ ยอง เป็นอย่างดี เพราะไม่ใช่เเค่เรื่องการผ่านบอลที่แม่นยำแน่นอน แต่ เดอ ยอง ยังมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมมาก ๆ สำหรับการเป็น "เรจิสต้า" เพราะเขาเป็นคนที่เสียบอลในเเดนกลางน้อยมาก จังหวะการพลิกบอล เปลี่ยนจังหวะจากช้าไปเร็ว ถือเป็นอาวุธสำคัญของ เนเธอร์แลนด์ ในการสร้างเกมรุกในฟุตบอลโลกครั้งนี้แบบสุด ๆ
ยิ่งในเกมกับ เซเนกัล นัดแรก จะได้เห็นการตะลุยขึ้นหน้าขอ เดอ ยอง และสร้างสรรค์โอกาสให้กับทีมชัดมาก โดยเฉพาะลูกเปิดที่เขาโยนให้ โคดี กักโป สอดขึ้นมาโหม่งและเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 โดยก่อนประตูนั้นจะเกิดขึ้น เดอ ยอง ไม่ค่อยได้ขึ้นมาเติมเกมสูงมากนัก แต่พอได้โอกาสบอลจากด้านข้างของเขาก็แม่นยำ และสร้างความแตกต่างได้ในเกมนี้ หลังจากที่ เซเนกัล เองก็ปิดพื้นที่และเล่นเกมสวนกลับได้ดีมาตลอดเกือบ 90 นาที
จากนั้นในเกมที่ 2 กับ เอกวาดอร์ และเกมที่ 3 กับ กาตาร์ เดอ ยอง ก็ออกอาการ “ยิ่งเล่นยิ่งเหนือ” และมีการเริ่มสังเกตกันว่า วิธีการและประสิทธิภาพของเขานั้น ชักจะมีความคับคล้ายคับคลาผู้เปิดตำนานของตำแหน่ง “เรจิสต้า” ที่เคยฝากผลงานระดับพรีเมี่ยมไว้ในฟุตบอลโลกปี 2006 นั่นก็คืออันเดรีย ปิร์โล่ นั่นเอง
เรจิสต้า 2022
Regista (เรจิสต้า) ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า "ผู้กำกับ" ซึ่งพอเอามาใช้กับฟุตบอลมันก็คือผู้กำกับบนสนามหญ้าของทีม เป็นคนกำหนดจังหวะการเล่นของทีม ถ้าพูดให้เห็นภาพก็คือ คนที่ทำหน้าที่คอยสร้างสรรค์เกมรุกหรือเพลย์เมคเกอร์ของทีมนั้นเเหละ เพียงเเค่ถอยลงมาต่ำเพื่อให้หลุดพ้นจากการประกบติดหนึบของกองหลังฝ่ายตรงข้าม มีเวลาในการเล่นกับลูกบอลมากขึ้น
ตำเเหน่งการยืน จะยืนต่ำลงมาอยู่ข้างหน้าแผงกองหลังเหมือนกองกลางตัวรับ เเต่วิธีการทำงานจะต่างกันออกไป กองกลางตัวรับส่วนใหญ่จะทำหน้าที่คอยวิ่งไล่บอล เข้าปะทะ เเย่งบอล เน้นเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ เเต่ เรจิสต้า ไม่ได้เน้นทำหน้าที่เล่นเกมรับเป็นหลัก เเต่เป็นคนที่จะคอยกำกับจังหวะการเล่นของทีม เป็นศูนย์กลางการออกบอลของทีม จะเล่นช้า เล่นเร็ว จะวางบอลสั้น บอลยาว ขึ้นอยู่กับเขาหมด
เปรียบเสมือนควอเตอร์เเบคของทีม จุดเด่นที่สำคัญของตำเเหน่งนี้คือวิสัยทัศน์ ความเข้าใจเกมเเละการจ่ายบอล เเต่ข้อเสียคือจะเล่นเกมรับไม่ค่อยดี ไม่ได้มีมายด์เซ็ตสำหรับการเล่นเกมรับเท่าไหร่
กลับมาที่ เดอ ยอง กันอีกครั้ง ตำแหน่งและวิธีการเล่นของ เดอ ยอง ชวนให้นึกถึง อันเดรีย ปิร์โล่ ในฟุตบอลโลกปี 2006 โดยในครั้งนั้นถือว่าเป็นครั้งแรกที่โลกได้เห็นวิธีการเล่นของ เรจิสต้า มิดฟิลด์ที่อยู่หน้ากองหลัง แต่ไม่ต้องเข้าปะทะ แบบเต็ม ๆ ตาเป็นครั้งแรก
คุณสมบัติของนักเตะในตำแหน่งนี้ต้องมีครบทั้งการเอาตัวรอด วิสัยทัศน์การอ่านเกม สายตาที่เฉียบคม และการตัดสินใจภายในเสี้ยวนาที ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เล่นยากมาก เพราะแทบไม่มีพื้นที่ให้ความผิดพลาด หากผิดพลาดเข้ามาหมายถึงทีมจะเสียสมดุลทันที
หากให้เปนียบเทียบมันคล้าย ๆ กับ เดอ ยอง เป็นคนแบกอาวุธของทีม เอาไปส่งให้ถึงมือเหล่าตัวรุกคนอื่น ๆ ถ้า เดอ ยอง ทำอาวุธตกกลางทาง คู่แข่งก็จะเอาอาวุธนั้นมาเล่นงานทีมของเขา ดังนั้นตำแหน่ง เรจิสต้า จึงเป็นตำแหน่งที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเล่นได้แบบนี้
ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท อดีตนักเตะของ เนเธอร์แลนด์ ยังเคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เฟรงกี้ เดอ ยอง คือคนที่สำคัญที่สุดในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ชุดนี้ และในประเทศเนเธอร์แลนด์ ไม่สามารถหานักเตะคนไหนที่มีคุณสมบัติเเบบเดอ ยอง ได้อีกเเล้ว
"ผมจะอธิบายให้คุณฟังว่าทำไม เฟรงกี้ ถึงเก่งในทีมชาติขนาดนี้"
"นั่นก็เพราะเขาคือมิดฟิลด์คนเดียวที่มีคุณสมบัติแบบนี้ที่นี่ ไม่มีใครเหมือนอีกแล้ว และเขาทำในสิ่งที่เขาต้องการได้ทั้งหมด
สิ่งที่อยู่ในหัวสมองของเขาก็เหลือร้ายเฉียบเเหลมเหลือเชื่อ" ฟาน เดอ ฟาร์ท กล่าว
นี่คือนักเตะที่ไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้ หาก เดอ ยอง เจ็บหรือพลาดการลงเล่นไปแม้แต่เกมเดียว นั่นหมายความ เนเธอร์แลนด์ จะต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ไปเป็นอีกแบบเลย
จับตาดูวิธีการเล่นของ เดอ ยอง ในฟุตบอลโลกครั้งนี้เอาไว้ให้ดี และหากใครที่เกิดไม่ทันยุค ปิร์โล่ หรือแม้กระทั่งยังไม่เข้าใจว่าตำแหน่ง เรจิสต้า นั้นแตกต่างจากกองกลางประเภทอื่น ๆ อย่างไร เพียงคุณได้ดู เดอ ยอง คุณจะเห็นคุณภาพ และวิธีการเล่นที่เหมือนกับลอกแบบกันมาไม่มีผิด
ในขณะที่ผู้คนกำลังจับตาดู โคดี กักโป ที่กำลังลุ้นดาวซัลโวในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เฟรงกี้ เดอ ยอง กำลังปิดทองหลังพระในแบบของเขาอยู่ และฟอร์มของเขาจะแสดงให้คุณค่อย ๆ ได้เห็นว่าทำไม เนเธอร์แลนด์ ชุดนี้จึงไม่สามารถขาดเขาได้ แม้แต่เกมเดียว ... จากนี้ไปจับตาดูเขาไว้ได้เลย
แล้วเราจะได้เห็นว่าที่เรากล่าวมาถึงเขาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด
อ้างอิง