ทาจิกิสถาน ยู-23 คู่แข่งเกมตัดสินทัพช้างศึกจูเนียร์ ได้ไปลุ้นแชมป์เอเชียต่อหรือพอแค่นี้?
ศึก เอเอฟซี ยู-23 เอเชียน คัพ 2024 มาถึงนัดส่งท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งผลงานของทีมชาติไทย ยู-23 ภายใต้การทำทีมของ โค้ชหระ-อิสสระ ศรีทะโร โดยมีทาง มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ คอยประคองอยู่ ถือว่าโชว์ฟอร์มได้น่าสนใจเลยทีเดียว จากการเก็บ 3 คะแนน จากการชนะ 1 นัด และแพ้ 1 นัด
การเจอกับ อิรัก ยู-23 นัดเปิดหัว เราเก็บสามแต้มได้จากการบดเอาชนะไป 2-0 ด้วยรูปเกมที่ไม่ได้เป็นรอง ส่วนผลงานในการเจอกับแชมป์เก่า ซาอุดิอาระเบีย ยู-23 ถือว่าค่อนข้างน่าผิดหวัง จากการพ่ายไปแบบขาดลอย 0-5 แต่ยังมีลุ้นผ่านเข้าสู่รอบ น็อค เอาท์ อยู่
ทางด้าน ทาจิกิสถาน ยู-23 คู่แข่งนัดชี้ชะตาของ ช้างศึกจูเนียร์ หากมองตามชื่อชั้นแบบผ่านๆ อาจดูเป็นทีมที่น่าจะอ่อนชั้นสุดในกลุ่ม ซี แถมผลงานของพวกเขาก็ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลยในทัวร์นาเมนต์นี้ เนื่องจากออกสตาร์ตสองเกมมายังไม่มีแต้ม พ่ายทั้ง ซาอุดิอาระเบีย และ อิรัก ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-4 โอกาสที่จะพลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบต่อไปแทบจะเป็นศูนย์ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ไม่สามารถประมาทพวกเขาได้ เพราะเรื่องของศักดิ์ศรีคงไม่มีชาติใดยอมชาติใดง่ายๆ ถึงคู่แข่งจะอยู่ในสถานการณ์จ่อตกรอบ แต่นักเตะของพวกเขาคงหวังส่งท้ายด้วยผลงานที่ไม่อายใคร ต่อให้จะเก็บได้เพียงหนึ่งแต้มก็เป็นผลงานที่ดีกว่าแพ้รวด
ข้อมูลเกี่ยวกับ ทาจิกิสถาน ยู-23 ชุดนี้เป็นอย่างไร? พวกเขาใช้โค้ชโปรไฟล์ระดับไหนคุมทีม? นักเตะตัวหลักของพวกเขามีใครน่าจับตามองบ้าง? ชุดนี้มีผู้เล่นที่เคยดวลแข้งกับนักเตะทีมชาติไทยมาก่อนหรือไม่? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ใช้โค้ชในบ้านเกิด
ทีมชาติทาจิกิสถาน เป็นชาติที่แยกตัวออกมาได้ไม่นาน เริ่มเล่นเกมอย่างเป็นทางการในปี 1994 ที่ผ่านมานี้เอง หรือเรียกได้ว่าพวกเขาใช้เวลาราว 30 ปี ไต่เต้าขึ้นไปอยู่ท็อป 100 ของโลกในอันดับ ฟีฟ่า แรงค์กิ้ง ได้สำเร็จ ซึ่งนักเตะของพวกเขาจะมีความคล้ายคลึงเรื่องรูปลักษณ์และกายภาพกับ อุซเบกิสถาน เนื่องจากเป็นชาติที่มีเชื้อสายมาจาก สหภาพโซเวียด ที่เคยยิ่งใหญ่ในโลกฟุตบอลมาก่อนที่จะล่มสลายไป
สำหรับ ทีมชาติทาจิกิสถาน ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ทางสมาคมฟุตบอลของพวกเขาไว้ใจมอบหมายงานให้ มูบิน เออร์กาเชฟ (Mubin Ergashev) กุนซือคนบ้านเดียวกันวัย 50 ปี ที่ถือใบอนุญาตระดับ ยูฟ่า เอ ไลเซนส์ เป็นคนคุมทัพ ซึ่งรับงานนี้มาตั้งแต่ปี 2021
เออร์กาเชฟ เคยค้าแข้งเป็นนักเตะมาก่อน แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก เล่นให้กับทีมในบ้านเกิดอย่าง เอฟซี เรการ์-ทาดาซ และออกไปค้าแข้งนอกประเทศกับ บาเทียร์ เอกิบาสตุซ ในลีกคาซัคสถาน ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงปี 1991-1997 ที่เขาเล่นบอลอาชีพแค่ราว 6-7 ปี ลีกแถบนั้นยังไม่ได้มีความเป็นมือาชีพมากเท่าปัจจุบัน
หลังจากแขวนสตั๊ด เออร์กาเชฟ เริ่มงานด้านโค้ชด้วยการเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติทาจิกิสถานชุดใหญ่ทันทีในปี 2008 ก่อนจะไปทำงานเป็นผู้ช่วยกับสโมสร อิสติกวอล ดูชานเบ แล้วได้คุมทีมเต็มตัวครั้งแรกกับสโมสร เอฟเค คูจานด์ ซึ่งเป็นทีมในบ้านเกิดทั้งสิ้น
ในปี 2013 เขามีโอกาสได้รักษาการณ์ตำแหน่งกุนซือทีมชาติชุดใหญ่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ราว 3 เดือน ก่อนจะกลับไปรับงานคุมทีม อิสติกวอล ดูชานเบ ในฐานะเฮดโค้ชในปีต่อมา แล้วในปี 2015 เออร์กาเชฟ ก็รับงานคุมทีมชาติชุดใหญ่เต็มตัวประมาณ 1 ปี แต่ผลงานไม่ดีเท่าไหร่นัก จึงต้องแยกทางกันไป
หลังจากนั้นเขาก็หันไปรับงานคุมทีมสโมสร บาร์กคี ก่อนจะวนมารับใช้ชาติด้วยการคุมทีมชาติชุด ยู-18 กับ ยู-19 แวะเวียนไปคุมทีมระดับสโมสรเป็นช่วงสั้นๆ แต่เมื่อใดที่ตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติชุดใดว่างลง แล้วเขายังว่างงานอยู ก็พร้อมที่จะรับหน้าเสื่อคุมทีมมาตลอดจนถึงตอนนี้
ระบบการเล่นที่เขาชื่นชอบ คือ 3-5-2 แต่ก็สามารถปรับเปลี่ยนตามหน้างานให้เหมาะสมกับคู่แข่งที่เจอ เป็นระบบกองหลังสี่คนได้เช่นกัน ฟุตบอลของเขาเน้นไปที่การทำเกมบุก อาศัยการเข้าปะทะที่หนักหน่วง รูปร่างที่ได้เปรียบของนักเตะเป็นหลัก ซึ่งชาติใดที่ต้องดวลกับพวกเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผ่านไปได้
ขุมกำลังหลักในประเทศ
ขุนพลที่ เออร์กาเชฟ เรียกมาติดทีมทั้ง 23 คน มีตัวที่เรียกมาจากยุโรปทั้งหมด 4 ราย ซึ่งกระจายค้าแข้งอยู่ในลีก จอร์เจีย, รัสเซีย และ สเปน ที่ไม่ได้เป็นลีกที่มีความเข้มข้นระดับเทียร์หนึ่ง ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นตัวที่ค้าแข้งอยู่ในลีกบ้านเกิด ผสมกับผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในลีกอุซเบกิสถาน
อย่างไรก็ตามผู้เล่นในทีมชุดนี้ เคยปะทะกับ ทีมชาติไทย รุ่นเยาวชนมาก่อน ในศึก ชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุต่ำกว่า 16 ปี เมื่อปี 2018 ซึ่ง ทีมชาติไทย ยู-16 ภายใต้การคุมทีมของ ธงชัย รุ่งเรืองเลิศ เป็นฝ่ายพ่ายไป 1-2 โดยดาวเด่นของเราในทีมชุดนั้น คือ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ทางฝั่งนักเตะของ ทาจิกิสถาน ชุดยู-16 ในการเจอกับเรา ก็มีหลุดรอดมาจนถึงทีมชุดชิงแชมป์เอเชีย ยู-23 รอบนี้เช่นกัน ซึ่งมีทั้งหมด 2 ราย คือ มูคริดดิน คาซานอฟ Mukhriddin Khasanov (ผู้รักษาประตู) และ โจนิเบ็ค ชาริปอฟ Dzhonibek Sharipov (แบ็คซ้าย)
นอกจากนี้ตัวหลักจากชุดที่ใช้แข่งขันในรอบคัดเลือกสองเกมที่เสมอกับ ออสเตรเลีย 1-1 และ ชนะลาว 2-1 ยังคงเป็นแกนหลักของทีมชุดนี้เช่นเคย แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไป 11 คน จากทั้งหมด 23 คน แต่กว่าครึ่ง 12 คนตั้งแต่ประตูยันไปจนถึงกองหน้า ล้วนเป็นหน้าเดิมเกือบทั้งหมด
สำหรับผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดของทีมชุดนี้ คงหนีไม่พ้น มูคริดดิน คาซานอฟ Mukhriddin Khasanov เพราะเคยถูกสื่อชื่อดังอย่าง เดอะ การ์เดี้ยน จัดเป็น 1 ในสุดยอด วันเดอร์ คิดส์ 60 คนทั่วโลกในปี 2019 ร่วมกับ เจ้าแบงค์ จากประเทศไทย
คาซานอฟ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นในศึก ชิงแชมป์เอเชีย ยู-16 ในปี 2018 พาบ้านเกิดของเขาผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศแบบไม่มีใครคาดคิด จากการเป็นฮีโร่เซฟจุดโทษสำคัญในการเจอกับ เกาหลีเหนือ และ เกาหลีใต้ แม้ว่ารอบชิงจะพ่ายให้กับ ญี่ปุ่น ยู-16 แต่เขาก็ป้องกันประตูได้อย่างสุดยอด จนเสียไปเพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้นในนัดลุ้นแชมป์
จากผลงานอันยอดเยี่ยมทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของหลายทีมในยุโรป เพียงแค่ คาซานอฟ ต้องการค้าแข้งอยู่ในบ้านเกิดต่อไป จนกระทั่งปี 2021 คาซานอฟ ได้ย้ายมาเล่นกับ เอฟซี อิสติกลอล สโมสรอันดับ 1 ของทาจิกิสถาน
เขายึดมือหนึ่งของทีมได้ทันที และพาทีมคว้าแชมป์ลีก 2 สมัยซ้อน โดยเฉพาะในฤดูกาลแรกนั้น เขาทำผลงานได้อย่างเหนียวหนึบ เก็บคลีนชีตได้ถึง 12 จาก 14 เกมที่ลงเล่น ซึ่งส่งผลให้ คาซานอฟ มีชื่อติดทีมชาคิชุดใหญ่ไปแล้วตั้งแต่อายุเพียงแค่ 20 ปี
ในตำแหน่งกองหลังมีทาง เมครูบอน คาริมอฟ ตัวหลักที่ลงเล่นมาตั้งแต่รอบคัดเลือก ซึ่งค้าแข้งอยู่ในลีกสูงสุดประเทศจอร์เจีย กับสโมสร เอฟซี แซมกูราลี่ ซัลตูโบ ซึ่งอายุเพียงแค่ 20 ปี แต่มีส่วนสูงถึง 190 เซนติเมตร ไม่ต่างกับกำแพงเหล็กที่คอยเก็บกินลูกกลางอากาศ
กองกลางมีตัวเชื่อมเกมคนสำคัญอย่าง อลิเชอร์ ชูคูรอฟ (Alisher Shukurov) ที่ค้าแข้งอยู่ในลีกสูงสุดประเทศจอร์เจียเช่นกันกับสโมสรชื่อดังอย่าง ดินาโม ทบิลิซี่ แม้ว่าจะไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ทดแทนได้ด้วยความคล่องแคล่ว และเบสิคฟุตบอลที่แน่นปึ้ก
ตัวรุกริมเส้นมีทาง โจมี่ นาซารอฟ (Jomi Nazarov) ปีกลูกครึ่งทาจิกิสถาน-รัสเซีย วัยแค่ 22 ปี ที่เล่นอยู่กับสโมสร ซีพี ซาร์เรีย ในลีกรองประเทศสเปนเป็นอีกหนึ่งทีเด็ด ในการประสานงานร่วมกับกองหน้าตัวเป้าอย่าง รุสตาม ซอยรอฟ (Rustam Soirov) กองหน้าตัวเป้าจากสโมสร อิสติกลอล ที่ในฤดูกาลที่แล้วทำไปถึง 14 ประตู กับอีก 4 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 27 นัด
ผลงานล่าสุดและสถิติการเจอกัน
ฟอร์มการเล่นในทัวร์นาเมนต์นี้ของ ทาจิกิสถาน นั้นถือว่าไม่ไดีเท่าไหร่นัก เพราะยังไม่สามารถเก็บแต้มได้แม่้แต่คะแนนเดียว และยังยิงไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว ตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเกมนัดนี้จะไม่มีผลต่อการลุ้นผ่านเข้ารอบของพวกเขา แต่ยังไงศักดิ์ศรีชาติบ้านเกิดนั้นค้ำคอ ดังนั้นพวกเขาต้องใส่เต็มร้อยเป็นการทิ้งท้ายเป็นแน่
ทั้งสองทีมนั้นยังไม่เคยดวลกันมาก่อนหน้านี้เลยแม้แต่เกมเดียว หมายความว่า เกมนัดชี้ชะตาของ ทีมชาติไทย ยู-23 จะเป็นการดวลกับคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยปะทะกันมาก่อน ต้องอาศัยข้อมูลและสิ่งที่วิเคราะห์จากเกมที่ผ่านมา นำมาต่อกรเพื่อหวังคว้าสามแต้มในเกมนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าผู้เล่น ทาจิกิสถาน จะมีรูปร่างสูงใหญ่ สามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี และมีความคล่องตัว แต่เราก็ยังอาศัยเรื่องของคสามสามารถเฉพาะตัวและจังหวะฉาบฉวยในการจบสกอร์ ลุ้นเพื่อคว้าชัยกรุยทางเข้าสู่รอบต่อไปได้อยู่ ซึ่งต้องมาดูกันหน้างานอีกทีว่า สุดท้ายแล้วทัพช้างศึกจูเนียร์ จะทำได้ดีแค่ไหนกับเกมที่มีความกดดันและเดิมพันที่สูงเอามากๆ
โดยเงื่อนไขในการผ่านเข้ารอบต่อไปของ ทีมชาติไทย ยู-23 สามารถสรุปออกมาคร่าวๆ ได้ดังต่อไปนี้
เงื่อนไขแรก : ไทย ชนะ ทาจิกิสถาน แล้วทาง อิรัก ไม่ชนะ ซาอุดิอาระเบีย ทำให้ ซาอุฯ เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนเราจะเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม
เงื่อนไขที่สอง : ไทย เสมอกับ ทาจิกิสถาน ส่วนทาง อิรัก ต้องไม่ชนะ ซาอุดิอาระเบีย ทำให้ ซาอุฯ เข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ส่วนเราจะเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม จากการมี เฮด ทู เฮด ในการเจอกันที่ดีกว่า อิรัก
เงื่อนไขที่สาม : ไทย แพ้ ทาจิกิสถาน แต่ต้องแพ้สกอร์ห่างไม่เกิน 1 ประตู แล้วต้องลุ้นให้ทาง อิรัก แพ้ ซาอุฯ จะทำให้ 3 ชาติ มี 3 แต้มเท่ากัน คือ ไทย, อิรัก และ ทาจิกิสถาน ต้องมาดูการเจอกันแบบมินิลีก ไทย ชนะ อิรัก มา 2-0, อิรัก ชนะ ทาจิกิสถาน 4-2 หากเราพลาดท่าแพ้ ทาจิกิสถาน 0-1 ประตูได้เสียในมินิลีก ไทย จะได้ 2 เสีย 1 (+1), อิรัก ได้ 4 เสีย 4 (0) และ ทาจิกิสถาน ได้ 3 เสีย 4 (-1) แต่ถ้า ไทย แพ้ห่างสองสกอร์ขึ้นไป เช่น 0-2 กับ 1-3 อิรักจะเข้ารอบ แต่เป็นสกอร์ 2-4 หรือมากกว่านั้น ทาจิกิสถาน จะพลิกผ่านเข้ารอบ เพราะมีประตูได้-เสีย ดีกว่าทั้ง ไทย และ อิรัก
ส่วนกรณีที่ไทยจะตกรอบทันทีแบบไม่ต้องลุ้น คือ อิรักชนะซาอุ แล้วทาง ไทย ไม่ชนะ ทาจิกิสถาน และ ไทย แพ้ ทาจิกิสถาน มากกว่า 2 ประตู
กรณีสุดท้ายแบบงูกินหาง ถ้า ไทย ชนะ ทาจิกิสถาน แล้วทาง อิรัก ชนะ ซาอุดิอาระเบีย จะทำให้ 3 ชาติ มีแต้มเท่ากัน ดังนั้นต้องมาวัดกันที่ มินิลีกของสามชาติ ไทย ได้ 2 เสีย 5 (-3), อิรัก (-2) และ ซาอุดิอาระเบีย (+5)
ถ้าอิรักชนะซาอุไม่ถึง 4 ประตู ซาอุจะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม, อิรักจะเข้าเป็นที่สอง ถ้า อิรัก ชนะ เกิน 4 ประตู จะแซงเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม ซาอุฯ จะเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม นั่นหมายความว่า หาก อิรัก ชนะ ซาอุฯ ได้จริง ไทย จะตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จากการวัดผล มินิลีก ที่กล่าวมาข้างต้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.transfermarkt.com/spielbericht/index/spielbericht/3116429
https://www.transfermarkt.com/tadschikistan-u23/startseite/verein/72505/saison_id/2023
https://en.wikipedia.org/wiki/Tajikistan_national_under-23_football_team
https://www.transfermarkt.com/spielbericht/index/spielbericht/4168969
https://www.sofascore.com/tajikistan-u23-thailand-u23/cHusaNtb