“ถ้าเขามีผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด” : มุมมอง ‘โค้ชอ๊อตโต้’ ถึง ‘มาโน่’ ช่วงแฟนบอลเริ่มเสียงแตก
กระแสเรื่องผลงานของ ทีมชาติไทย ในการคุมทัพของ ‘มาโน่ โพลกิ้ง’ อดีตกุนซือของ แบงค็อก ยูไนเต็ด กำลังเป็นเรื่องที่แฟนบอลวิจารณ์กันแบบดุเด็ดเผ็ดร้อน หลังทัพ ช้างศึก อยู่ในช่วงขาลง ไม่สามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการมาได้หลายนัด
แน่นอนว่า แฟนบอล ก็ย่อมแตกออกเป็นสองฝ่าย ทั้งส่วนที่พร้อมให้การสนับสนุนต่อไป และกลุ่มที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง เพราะรับกับสถานการณ์ของทีมที่ดำดิ่งลงมาเรื่อยๆ จากการที่ลงเล่นในเกมอุ่นเครื่องแล้วไม่ชนะใครเลย 3 นัดติดต่อกัน แพ้สองนัดให้กับ ซีเรีย และ ยูเออี ก่อนมาเสมอทีมรองบ่อนอย่าง ไต้หวัน 2-2
สำหรับแฟนบอลที่รับชมเกมถ่ายทอดสด หรือ กลุ่มที่ไปชมในสนาม อาจรู้สึกไม่พอใจกับผลการแข่งขันและรูปเกมที่ออกมา รวมไปถึงข้อสงสัยอีกหลายจุดในการตัดสินใจของ มาโน่ ที่ค่อนข้างขัดใจในหลายภาคส่วน
ซึ่งการจะตอบคำถามเหล่านั้นในองค์รวมว่า มาโน่ โค้ชที่ดีจริงหรือไม่? คงมีแค่คนที่เคยร่วมงานกับเขามาก่อนเท่านั้น ถึงจะให้ข้อมูลได้ชัดเจนและตรงประเด็น ดังนั้นทีมงานจึงย้อนนึกไปถึง โค้ชอ๊อตโต้-พันธุ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ เฮดโค้ชจากสโมสร ชัยนาท เอฟซี ที่ยกให้ มาโน่ เป็นไอดอลของเขาในวงการบอลไทย
ทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาก่อนที่สโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นเวลานานพอสมควร ดังนั้นย่อมมีหลายมุมมองที่ อ๊อตโต้ สัมผัสได้จาก มาโน่ แล้วเป็นเรื่องราวที่ทั้งทีมงานและแฟนบอล อาจไม่เคยได้สัมผัสมันมาก่อน จะมีประเด็นใดบ้างที่น่าสนใจ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
บุคลิกและลักษณะการทำงานของ มาโน่
อ๊อตโต้ ย้อนความกลับไปว่าตัวเขาได้ร่วมงานกับ มาโน่ ตั้งแต่เป็นแค่ ‘เด็กฝึกงาน’ หลังจากเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยใหม่ๆ กับสโมสร ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด แล้วเป็นเรื่องบังเอิญที่ว่าในช่วงเวลานั้น มาโน่ โพลกิ้ง รับบทบาทเป็นเฮดโค้ชให้กับทีมอยู่พอดี
การเก็บประสบการณ์ต่างๆ บวกกับความชื่นชอบในเกมลูกหนัง ทำให้ทาง อ๊อตโต้ ไต่เต้าในสายงานนี้ไปเรื่อยๆ จนได้ทำหน้าที่เป็น นักวิเคราะห์เกม ให้กับ แข้งเทพ จะนับว่าเป็นหนึ่งในทีมงานแผนกสำคัญในมือของ มาโน่ ก็ไม่ผิดนัก
สิ่งที่ อ๊อตโต้ สัมผัสคาแรกเตอร์ของ มาโน่ หลังจากได้ทำงานร่วมกันสรุปได้ว่า
“มาโน่ เป็นคนที่ร่าเริงนะครับ มีความที่เป็นชาวบราซิลผสมกับชาวเยอรมันในตัว นอกเวลางานก็คุยเล่นกันปกติ แต่ในเวลางานก็มีความเคร่งกฎระเบียบตามแบบฉบับโค้ชมืออาชีพ”
“เขาซื้อใจลูกน้องเก่ง ไม่ถือตัว เข้าถึงได้ง่าย มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ปรับตัวเข้ากับคนได้ทุกระดับชั้น”
“มีเหตุการณ์หนึ่งที่น่าประทับใจ คือ ผมเป็นเด็กฝึกงานอยู่ แล้วเราก็มีโอกาสเตะบอลเล่นกันในหมู่สตาฟฟ์นี่แหละครับ แล้วมีจังหวะที่ มาโน่ จ่ายบอลผิดพลาดหรือไม่ส่งบอลให้ผม เขาก็เดินมาขอโทษผม ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ดีมากๆ คนหนึ่ง”
“ผมมีสถานะเป็นแค่เด็กฝึกงาน แต่เขาเป็นถึงเฮดโค้ชของสโมสร แต่เขาไม่ถือตัวเลย ถ้าเขาทำผิดพลาดก็พร้อมที่จะขอโทษคุณได้ แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทุกคนเลยนับถือเขาเหมือนพี่ชาย เหมือนพ่อคนหนึ่ง”
แม้ว่า มาโน่ จะฟังภาษาไทยรู้เรื่อง แต่ในชั่วโมงงานเขาจะสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นหลัก แล้วใช้ล่ามแปลภาษาถ่ายทอดมาอีกต่อหนึ่ง เพื่อให้เป็นแบบแผนตามฉบับมืออาชีพ แต่นอกเวลางานเขาจะเป็นคนรีแลกซ์ ไม่ได้ตึงในทุกช่วงเวลาการใช้ชีวิต
ปรัชญาฟุตบอลของ มาโน่ นิยามได้สั้นๆ ง่ายๆ เลยคือ ฟุตบอลที่เล่นเกมรุก แล้วต้องยิงให้ได้มากกว่าประตูที่เสีย ถ้ายิงได้มากกว่าก็ชนะ ยิงได้น้อยกว่าก็แพ้ พร้อมเสี่ยงทุกทางเลือกหากสถานการณ์ไม่เป็นใจ
ในกรณีที่ทีมต้องการประตู เขาพร้อมจะตัดสินใจถอดผู้เล่นแนวรับออก แล้วส่งแนวรุกลงไปวัดดวงทันที ต่อให้ทีมมีโอกาสจะเสียประตูแล้วสกอร์แพ้ห่างมากขึ้น มาโน่ รับความเสี่ยงตรงจุดนั้นได้ เพราะเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย
วิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้นในสนาม
สไตล์การทำทีมของโค้ชแต่ละคน มีแนวทางที่แตกต่างกันออกไป มาโน่ ก็เป็นหนึ่งในโค้ชที่มีทางเลือกระหว่างจะใช้แผนเดิมๆ แล้วพัฒนาต่อเนื่องให้ดีมากขึ้น หรือจะปรับเปลี่ยนไปตามคู่แข่งที่เจอ ซึ่งแต่ละทางเลือกมันล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสีย มันไม่มีอะไรผิดหรือถูกแบบตายตัว
เนื่องจากสุดท้าย ฟุตบอล ตัดสินกันที่ผลการแข่งขัน หากโค้ชคนไหนเก็บชัยชนะได้ตามต้องการ คือ “ถูก” แต่ถ้าผลออกมา “แพ้” มันก็กลา่ยเป็นทางเลือกที่ผิดแค่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าแท็คติกนั้นมันได้ผลหรือไม่ได้ผล
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบตรงๆ อ๊อตโต้ ให้ความเห็นว่า การเปลี่ยนระดับของคู่แข่งที่เจอ ส่งผลกระทบพอสมควรเรื่องของการวางแท็คติก ไทยเรามักจะคุ้นเคยกับการแข่งกับชาติในย่านอาเซียน แค่หลับตานึกก็รู้แล้วว่า ชาตินี้เล่นแบบไหน ส่วนคู่แข่งในระดับเอเชียนั้นเป็นอีกเลเวลหนึ่ง
ชาติที่เราเจอมาก่อนหน้านี้อย่างโซนตะวันออกกลาง เขาก็มีสไตล์แตกต่างจากทีมล่าสุดอย่าง ไต้หวัน พอเราไม่ได้มีการลับแข้งกับทีมพวกนี้บ่อยๆ ไทย ก็ไม่ได้รู้ตื้นลึกหนาบางว่า ชาติคู่แข่งเหล่านี้พัฒนาไปมากแค่ไหนกัน
มันก็สามารถกลายเป็นอุบัติทางผลการแข่งขัน ไม่ต่างกับบอลสโมสรทัวร์นาเมนต์ พอวิธีการเล่นของคู่แข่งเปลี่ยน สปีดบอลต่างกัน พอก้าวไปแข่งในพื้นที่ที่เราไม่ได้ถนัดหรือชำนาญ มันก็สามารถเกิดเป็นเหตุการณ์ล้มยักษ์ให้เห็นกันได้
ปัญหาเรื่องผลงานคุมทีมของ มาโน่ ที่อยู่ในช่วงขาลง อ๊อตโต้ มองเป็นเรื่องปกติที่โค้ชทุกคนต้องเจอ ตามที่อธิบายเรื่องปัจจัยต่างๆ เอาไว้ว่า
“ผมคิดว่าพอ มาโน่ เริ่มคุมทีมมาได้ระยะเวลาหนึ่ง แล้วสไตล์การเล่นของเขาชัดเจน ไม่ค่อยเปลี่ยนแผน คู่แข่งก็เริ่มจับทางการเล่นของทีมชาติไทยได้ มีวิธีแก้ มีวิธีการรับมือ อย่างที่เห็นชัดๆ คือ เกมสวนกลับ บวกกับการโจมตีแบบฉวยโอกาสจากลูกเซ็ตพีซ”
“แต่สิ่งสำคัญคือโค้ชทุกคนต้องเจอกับช่วงแย่ๆ เหมือนกันหมด อาจเป็นผลมาจากคู่แข่งจับทางได้ เจอพิมพ์เขียวในการแก้เกมเราได้ แม้แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ยึดมั่นปรัชญาการทำทีมของตัวเองมาก ยังมีช่วงที่ทำทีมแพ้ 4 นัด ในระยะเวลาเพียงแค่สองเดือน เพราะเจอเกมเคาน์เตอร์แอทแทคเล่นงาน”
“สุดท้าย เป๊ป ก็ต้องพยายามพัฒนาแท็คติกของเขาเพื่อแก้ไขจุดอ่อน พอแก้ไขได้สำเร็จ ฟุตบอลของเขาก็พัฒนาไปได้ในอีกระดับหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าเดิม ถ้าก้าวผ่านช่วงแย่ๆ ไปได้”
สุดท้ายผลงานการคุมทีมในสนามของ มาโน่ จะกลายเป็นตัวชี้วัดว่าเขาแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขนาดไหน เพราะทีมคู่แข่งแต่ละชาติที่เราต้องเจอ ก็มีเวลาเตรียมทีมเท่าๆ กันตามปฏิทินสากล ฟีฟ่า เดย์ ซึ่งไม่ใช่ข้ออ้างที่จะสามารถนำมาแก้ต่างได้
ปัจจัยเรื่องการบริหารจัดการ
อ๊อตโต้ มองว่า การบริหารจัดการทีมชาติ เป็นอีกศาสตร์ที่ยากและเขาไม่เคยมีประสบการณ์ในจุดนั้นมาก่อน ซึ่งหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการพูดคุย วางแผน ปรึกษาหารือ กันอย่างละเอียดกับโปรแกรมเกมอุ่นเครื่องที่มีอยู่ในมือ แล้วไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะชั่งน้ำหนักทุกอย่างได้ลงตัว
การลองทีมหรือใช้นักเตะใหม่ๆ นั้นทำได้ แต่ก็ต้องเลือกเกมการแข่งขันที่เหมาะสม เพราะมันการเดิมพันที่ค่อนข้างสูง คือ แต้มฟีฟ่าแร้งค์กิ้ง ที่จะมีผลเรื่องการจับฉลากในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่สำคัญในภูมิภาคนี้
ถ้าไม่ลองทีม ลองนักเตะใหม่ๆ เลย มันมีความเสี่ยงตอนตัวหลักเกิดอาการบาดเจ็บ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ การลองตัวใหม่ก็ได้ผลดีต่อทีมชาติให้มีตัวเลือกเยอะขึ้น แต่มันก็เสี่ยงกับการไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ การทำทีมชาติไม่ใช่แค่คิดแท็คติกเจ๋งๆ ขึ้นมาอย่างเดียว แต่มันต้องรวมถึงการจัดการทุกอย่างให้มันกลมกล่อมและเจอจุดสมดุลย์
ทุกวันนี้ทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็มีการสนับสนุนให้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นเครื่องมือในการทำทีมได้ราบรื่นมากขึ้น ตามที่ตัวของ อ๊อตโต้ ได้ทราบมาว่า
“ตอนนี้เราก็ได้เห็นว่าสมาคมพัฒนาในจุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทีมชาติตั้งแต่รุ่นเยาวชน ที่มีทีมแมวมองกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ และแอพพลิเคชั่น โปรแกรมการสเกาท์นักเตะ ที่มีข้อมูลรายละเอียดเชิงลึกให้ใช้งาน”
“ยกตัวอย่างเช่นทีมในลีกอังกฤษ เขาก็มีการเซ็นสัญญากับทาง Opta เพื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลสถิติต่างๆ อย่างละเอียดได้ ไม่ว่าจะเป็น ฮีทแมพ หรือว่าดูบอลแมตช์เต็มในมุมของ เบิร์ด อาย วิว เหมือนกับการนั่งชมในสนาม ซึ่งผมก็ได้ข่าวว่าสมาคมมีการเซ็นสัญญากับ Opta เรื่องสถิติต่างๆ เช่นเดียวกัน แต่ไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด”
“โค้ชคนเดียวไม่มีทางไปดูเกมฟุตบอลได้ทุกสนามพร้อมกัน ดังนั้นเขาต้องมีวิธีการจัดการบริหารเวลา ทีมงาน หรือเครื่องมือ เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวก”
ดังนั้นแฟนบอลที่เป็นห่วงเรื่องการทำงานของ มาโน่ ที่เรียกผู้เล่นหน้าเดิมๆ แล้วรู้สึกขัดใจ ไม่ไปตามดูฟอร์มนักเตะตามต่างจังหวัดแบบที่ใครหลายคนเรียกร้อง คงหมดห่วงเรื่องพวกนี้ไปได้บ้าง หากทราบว่า เฮดโค้ชทีมชาติมีเครื่องไม้เครื่องมือให้ใช้งานครบครัน
สิ่งที่อยากฝากบอก
ส่วนตัวแล้ว อ๊อตโต้ เชื่อว่า เมื่อทุกอย่างพร้อมและถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัย มาโน่ จะพาทีมชาติไทย กลับมาทำผลงานที่ดีได้อีกครั้ง หากไม่มีตัวผู้เล่นหลักบาดเจ็บหรือติดโทษแบน ขุมกำลังอยู่กันพร้อมหน้า โอกาสที่จะพลิกโมเมนตั้มนั้นเป็นไปได้อยู่ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับโชคชะตาของแต่ละคนด้วย พร้อมฝากข้อความเพิ่มเติมถึงรุ่นพี่ไว้ว่า
“มันมีโอกาสออกได้หมดทุกหน้า แต่ผมเชื่อว่าถ้าเขามีผู้เล่นที่ดีที่สุดอยู่ในมือ มีช่วงเวลาการเตรียมทีมที่ดี ยังมีโอกาสอยู่ในการเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการ”
“จากมุมมองของคนที่เคยทำงานมากับ มาโน่ ผมก็ยังคงเชื่อมั่นอยู่ คิดว่ายังมีแฟนบอลชาวไทยคอยซัพพอร์ทคุณ คนที่ซัพพอร์ทคุณยังมี ดังนั้นเล่นเพื่อแฟนบอล ทำงานให้เต็มที่เพื่อแฟนบอลทุกคน”
“ช่วงนี้เสียงมันอาจแตกไปบ้าง มีคำวิจารณ์ต่างๆ นาๆ แต่เมื่อไหร่ที่ทีมชาติไทยเตะ ทุกคนจะรวมตัวกันเป็นหนึ่งอยู่ดี เพราะว่าไม่มีใครอยากให้ทีมชาติไทยแพ้ แฟนบอลพร้อมสนับสนุน มาโน่ โพลกิ้ง ตราบใดที่เขายังเป็นเฮดโค้ชทีมชาติไทยอยู่”
สำหรับอัพเดตเรื่องราวของ อ๊อตโต้ กำลังรอคิวสอบใบอนุญาตระดับ เอ ไลเซนส์ ที่มีปัญหาตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่เขาจะเร่งจัดการทุกอย่างให้ได้โดยเร็วที่สุด เพื่อพัฒนาตัวเองให้ไม่หยุดนิ่งอย่างต่อเนื่อง
ส่วนต้นสังกัด ชัยนาท เอฟซี แม้ว่าจะมีงบประมาณจำกัดในการทำทีม แทบจะเป็นซีซั่นที่มีเงินสนับสนุนน้อยที่สุด เขาจะแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยการเฟ้นหานักเตะที่มีฝีเท้าดีในทุกระดับ
เปิดกว้างทั้ง อดีตนักเตะที 1-3 และ นักบอลเดินสายที่มีคุณภาพ การันตีเลยว่า แฟนบอลนกใหญ่พิฆาต เตรียมเซอร์ไพรส์กับผลงานของทีมในซีซั่นหน้าได้เลย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : การสัมภาษณ์ออนไลน์
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
“โค้ชอ๊อตโต้” : กุนซือวัย 26 ปีผู้คืนชีพ ชัยนาท เอฟซี ด้วย “เข็มทิศแห่งอนาคต”
เทพนิยายภูธร : ‘สโมสร ดอนมูล’ ตำนานทีมระดับตำบลผู้พิชิตแชมป์ เอฟเอ คัพ
เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก
คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ
เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว
เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?
บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้