ทาคูมะ อาซาโนะ : เส้นทางสวิงสุดเหวี่ยงของฮีโร่ญี่ปุ่นผู้ถูกค้นพบโดย เวนเกอร์
เด็กหนุ่มที่เริ่มต้นอาชีพนักเตะได้ดีในประเทศบ้านเกิด เขาต้องใช้เวลา "หลายปี" กว่าจะพัฒนาฝีมือได้ถึงขนาดนี้ ใครๆในญี่ปุ่นต่างยกให้เขาเป็นหนุ่มน้อยที่มีอนาคตไกล แต่เมื่อเขาต้องการทำตามฝันเขากลับโดนโชคชะตาเล่นตลก เขามีปัญหาเสมอเมื่อเขากำลังจะได้รับโอกาส
ในเกมที่ผ่านมาระหว่างเยอรมันกับญี่ปุ่น แฟนปืนใหญ่หลายๆคนอาจกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นเด็กเก่าของพวกเขายิงประตูชัยให้ญี่ปุ่นเอาชนะทัพอินทรีเหล็กไปได้ 2-1 เด็กหนุ่มที่นั่งม้านั่งสำรองมาโดยตลอด เด็กหนุ่มที่ถูกมองข้าม
มาติดตามเรื่องราวเส้นทางสวิงสุดเหวี่ยงของเขาไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ดาวเด่นในหมู่เพื่อน
ในปี 2013 อาซาโนะ ในวัย 18 ปี ย้ายมาร่วมทีม ซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ทีมยักษ์ใหญ่ในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น เขาต้องเจอกับเกมระดับที่สูงขึ้น เพราะทีมของเขาในขณะนั้นต้องรักษาตำแหน่งแชมป์เอาไว้ให้ได้
โดยปี 2015 เขากับฮิโรชิม่าคว้าแชมป์สมัยที่ 3 จาก 4 ฤดูกาลหลัง อาซาโนะ รับบทในตำแหน่งกองหน้า เขายิงไป 9 ประตู จากการลงเล่น 34 นัด และสามารถคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีไปครอง
อาซาโนะก้าวขึ้นมาบนเวทีระดับนานาชาติ และในปี 2016 เขาพาทีมคว้าแชมป์เอเชียรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี มาครองเป็นสมัยแรกให้กับญี่ปุ่น โดยเจ้าตัวยิงสองประตูในนัดชิงชนะเลิศที่เอาชนะเกาหลีใต้ 3-2 ก่อนจะผ่านเข้าไปเล่นในศึกริโอเกมส์ แม้ญี่ปุ่นจะตกรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม
เพื่อนร่วมชาติญี่ปุ่นของเขาไม่สงสัยในตัวของ อาซาโนะ เลยหากเขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับสูงได้ ด้วยศักยภาพที่เขามี และความทะเยอทะยานของเขา
โคกิ ฮาราดะ นักข่าวชาวญี่ปุ่นกล่าวว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่มีการผสมผสาน ระหว่าง เอเด็น อาซาร์และธีโอ วัลค็อตต์”
"เขารวดเร็วมากและสามารถหาพื้นที่ด้านหลังกองหลังได้ เขาไม่ได้มีดีเพียงทำประตูเท่านั้นแต่ยังสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย"
ฉายาของเขาคือ “เสือจากัวร์” เพราะเขาวิ่งเร็วและมีสัญชาตญาณในการล่าประตู และเขามีท่าในการฉลองประตูโดยการเลียนแบบท่าทางของเสือจากัวร์
กระทั่งผลงานของเขาไปสะดุดตาของของ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือปืนใหญ่อาร์เซน่อล ที่เคยคุมทีมนาโกย่า แกรมปัส ก่อนจะได้ย้ายไปร่วมทีมอาร์เซนอลในเดือนกรกฎาคม 2016 ด้วยวัย 21 ปี และโค้ชคนใหม่ของเขาเชื่อว่าเขาจะสามารถเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมในอนาคต
โชคชะตาเล่นตลก
ด้วยศักยภาพที่เวนเกอร์เห็นในตัวเขา การเลี้ยงบอลที่รวดเร็วและมีทักษะ สไตล์การเล่นซื่อตรง สั่งยังไงเล่นอย่างงั้น อาร์เซนอลสนใจเขาเป็นอย่างมากในช่วงซัมเมอร์ขณะเดียวกับที่ทัพปืนใหญ่ถูกปฏิเสธในดีลของ เจมี วาร์ดี
"ทาคูมะเป็นกองหน้าอายุน้อยที่มีพรสวรรค์และเป็นนักเตะสำหรับอนาคต เขาเริ่มต้นอาชีพในญี่ปุ่นได้อย่างน่าประทับใจ และเราหวังว่าจะพัฒนาเขาให้ดีขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า” เวนเกอร์ กล่าว
แม้จะชอบวิธีการเล่นแค่ไหน แต่เรื่องของกฎระเบียบนั้นกลายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้อาชีพของ อาซาโนะ นั้นพบปัญหาทันทีเมื่อย้ายมายังอาร์เซน่อล
เขาถูกปฏิเสธใบอนุญาตทำงาน เนื่องจากในเวลานั้นผู้เล่นที่มาจากนอกสหภาพยุโรป (EU) จะต้องมีโควต้าการแข่งขันระดับนานาชาติตามกำหนดหรือมีค่าเหนื่อยที่สูงเป็นพิเศษเพื่อการันตีความสามารถ ซึ่งเด็กหนุ่มที่พึ่งเริ่มต้นเส้นทางนักฟุตบอลอาชีพไม่มีทางมีทั้งสองอย่างนั้นอยู่แล้วทำให้เขาถูกแบนไม่ให้เล่นในพรีเมียร์ลีก
และในขณะที่เขาอยู่อาร์เซนอลนั้นก็ไม่เป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ เพราะเขาไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามเลย การที่เขาได้เซ็นสัญญากับอาร์เซนอลเหมือนเพียงเพราะในเวลานั้นเขาโดดเด่นและมีสป็อทไลท์ฉายมาที่เขามากมาย และในเมื่อคนมันไม่ใช่ทำไมต้องอยู่ เขาถูกปล่อยยืมให้กับ สตุ๊ตการ์ท ในลีกบุนเดสลีกา 2 ของเยอรมัน และจากนั้นการเดินทางไปทั่วยุโรปของเขาก็ได้เริ่มขึ้น
เหมือนกำลังจะดี
เขามีความสุขมากกับการค้าแข้งในเยอรมัน เขาได้รับโอกาสลงสนาม และในฤดูกาล 2016/17 เขาช่วยให้ สตุ๊ตการ์ท ได้แชมป์บุนเดสลีกา 2 และเลื่อนชั้น แต่หลังจากเลื่อนชั้นขึ้นมาผลงานของเขาตกต่ำลง เขายิงไปเพียง 2 ประตู จากการลงเล่น 15 นัด ก่อนจะถูกปล่อยยืมให้กับ ฮันโนเวอร์ 96 ต่อ
ในปี 2018 เขามีชื่ออยู่ในทีมชาติญี่ปุ่นสำหรับศึกฟุตบอลโลก แต่ผู้จัดการทีมในขณะนั้นอย่าง วาฮิด ฮาลิลฮ็อดซิช กล่าวถึง ปัญหาของ อาซาโนะ ที่ อาร์เซน่อล เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้รับเลือกในเกมอุ่นเครื่อง ก่อนที่จะตัดผู้เล่นออกจาก 23 คนสุดท้ายสำหรับรัสเซีย ในปี 2019 ด้วยปัญหาการไม่ได้รับโอกาสกับสโมสรจึงส่งผลต่อการได้รับโอกาสในการรับใช้ทีมชาติของเขาแย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ในที่เขาถูกปล่อยมาที่ฮันโนเวอร์ อาซาโนะ อยู่กับทีมได้ไม่นานก็มาถึงทางแยก เมื่อกุนซือของฮันโนเวอร์ในตอนนั้นไม่มั่นใจในการยืมตัวของเขาเนื่องจากอาการบาดเจ็บ และจงใจปล่อยกองหน้ารายนี้ออกจากทีมในช่วงสองเดือนสุดท้ายก่อนครบสัญญายืมตัวเพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการบังคับซื้อขาด แม้ว่าพวกเขาจะตกชั้นในบุนเดสลีกาก็ตาม เขาลงเล่นให้กับฮันโนเวอร์ไปเพียง 15 นัด ยิง 1 ประตู
ในขณะที่ อาซาโนะ กำลังสูญเสียความมั่นใจ เขาเขียนบนโซเชียลมีเดียช่องทางส่วนตัวว่า
“ฤดูกาลนี้ผมได้รับบาดเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่สามารถลงเล่นได้ และไม่มีผลงานใดๆเลย”
“ผมคิดว่ามันเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากมาก และน่าผิดหวังเมื่อมองย้อนกลับไป สิ่งเดียวที่ผมมั่นใจได้คือการที่ผมเติบโตไปทุกๆวัน"
“ผมอยากจะทำให้ดีที่สุดอีกครั้งจากจุดนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการเติบโต”
ตอนนี้เขาเหลือสัญญากับอาร์เซน่อล 1 ปี ในวัย 24 และเขาต้องการการเริ่มใหม่และออกจากที่นี่อย่างถาวร
Come back is real
ในที่สุดช่วงเดือนสิงหาคมปี 2019 อาซาโนะ ได้ออกจากกรงที่ถิ่นเอมิเรตส์ ออกมาโบยบินด้วยตัวเองที่เซอร์เบีย เขาย้ายออกจากอาร์เซนอลอย่างถาวร มาเล่นให้กับสโมสรปาร์ติซาน เบลเกรด ในลีกเซอร์เบีย ซูเปอร์ลีก้า
เขาใช้เวลา 2 ฤดูกาลกับปาร์ติซาน เบลเกรด จนระเบิดฟอร์มได้สำเร็จ ในปี 2020 เขายิงได้ 18 ประตูจาก 33 นัด เขาก็พบกับกำแพงขนาดใหญ่อีกครั้ง อาซาโนะ ต้องยกเลิกสัญญากับปาร์ติซาน เนื่องจากเขาไม่ได้รับค่าจ้าง
เขาเปิดเผยผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า “หลังจากดิ้นรนมาระยะหนึ่ง ผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำการตัดสินใจที่ยากลำบากนี้ เพราะผมรู้สึกไม่ได้รับความเคารพจากสโมสร”
อาซาโนะ ผู้ทำ 18 ประตูให้กับทีมในฤดูกาล 2020/21 กล่าว “สโมสรไม่จ่ายเงินเดือนและค่าใช้จ่ายของผมได้ตรงเวลาอย่างต่อเนื่อง (จนถึงปัจจุบัน ยังคงมีจำนวนเงินที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมาก) และตอบสนองความต้องการซ้ำๆ ของผมอย่างไม่ตรงไปตรงมา”
อาซาโนะ วัย 26 ปีเข้าร่วมกับ อาร์เซน่อล ในปี 2016 แต่ไม่เคยเล่นให้กับพวกเขาโดยใช้เวลาสามฤดูกาลในเยอรมนีโดยยืมตัวกับ สตุ๊ดการ์ท และ ฮันโนเวอร์ ก่อนย้ายไป ปาร์ติซาน อย่างถาวร
“มันทำให้ผมเจ็บปวดที่ต้องออกจากสโมสรภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านี้ เพราะ ปาร์ติซาน เป็นสโมสรที่สำคัญในอาชีพการเล่นของผม” เขาเขียนข้อความด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนผมในช่วงเวลาที่ผมอยู่ที่ปาร์ติซาน...ขอบคุณทุกคนจากก้นบึ้งของหัวใจ”
กองหน้าเลือดซามูไรสีน้ำเงินรายนี้ กลับมาค้าแข้งกับ โบคุม ใน เยอรมนี อีกครั้งหลังเซ็นสัญญาเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์ในปี 2021
แม้ว่าเขาจะยังห่างไกลจากเครื่องสังหารประตูในบุนเดสลีกา แต่เขายังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำงานหนักให้ทีมกลางตารางที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา นอกจากนี้เขายังได้รับการต้อนรับกลับเข้าสู่ทีมชาติญี่ปุ่นอีกด้วย
ฮีโร่ของประเทศ
กุนซือของทีมชาติญี่ปุ่นอย่าง ฮาจิเมะ โมริยาสุ นั้นมีวิธีเลือกนักเตะในแบบของตัวเอง นักเตะที่อยู่ในทีมของเขาจะต้องเป็นคนที่เล่นได้หลากหลาย และตอบโจทย์กับแท็คติก
และบังเอิญว่าญี่ปุ่นมาอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าเป็น กรุ๊ป ออฟ เดธ เพราะมีทั้ง เยอรมัน สเปน และ คอสตาริกา โดย 2 ทีมแรกนั้นไม่ต้องพูดถึงว่าเก่งจขนาดไหน
ดังนั้นวิธีการเล่นที่ โมริยาสุ ต้องใช้เป็นประจำคือนักเตะที่เล่นเกมรับได้เก่ง มีความเร็ว มีพลังในการวิ่งตลอดทั้งเกม และมีความเข้าใจเกมสูงระดับหนึ่ง เพราะแท็คติกตั้งรับแล้วสวนกลับ คือสิ่งที่ ญี่ปุ่น ต้องใช้มากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้
ความหลากหลายในการเล่น เล่นได้ทั้งหน้าเป้า และขยับออกมาริมเส้น แถมยังมีสปีดให้คอยวิ่งทำทาง เปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีม คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ อาซาโนะ ถูกเลือกก่อน เคียวโกะ ฟุรุฮาชิ กองหน้าที่ยิงถล่มทลายกับ เซลติก ในซีซั่นที่ผ่านมา
แม้จะยิงได้น้อย แต่ตอบโจทย์และเหมาะกับวิธีการมากกว่า จะพูดแบบนั้นก็คงไม่ผิดนัก
ในเกมนัดแรกของทัพซามูไรสีน้ำเงินต้องรับศึกหนัก โดยพบกับเยอรมันเจ้าของแชมป์โลก 4 สมัย ความพร้อมในการทำศึกแมตช์นี้ของญี่ปุ่น ไม่มีนักเตะบาดเจ็บ นั่นหมายความว่าบรรดาแข้งตัวหลักๆ อยู่กันครบ จัดทีมชุดที่ดีที่สุดลงบู๊ในเกมแรกของทีมได้สบาย
อาซาโนะ ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรอง และถูกเปลี่ยนลงไปในนาทีที่ 57 เขาถูกส่งลงไปในตำแหน่งกองหน้าฝั่งซ้าย เขาถูกส่งลงไปในครึ่งหลังทำให้พละกำลังของเขายังสดใหม่ วิ่งไล่แดนบนไม่มีหยุด
และเขาไม่ทำให้กุนซือทีมชาติญี่ปุ่อย่าง ฮาจิเมะ โมริยาสุ ต้องผิดหวัง ในนาทีที่ 83 จากลูกตั้งแต่ในแดนตัวเอง โค อิตาคุระ เปิดยาวขึ้นมา อาซาโนะ ทำลายกับดักล้ำหน้าและดูดบอลลงอย่างประนีบ แตะบอลหนีตัวประกบอย่าง นิโก้ ชล็อทเทอร์เบ็ค ก่อนยิงมุมแคบด้วยขวาแสกหน้า มานูเอล นอยเออร์ อย่างเด็ดขาด ช่วยให้ทัพซามูไรบลูแซงนำ 2-1 จบเกม ญี่ปุ่นเอาชนะไปได้แบบพลิกล็อค 2-1 เก็บสามแต้มได้สำเร็จ
พร้อมกลายเป็นตัวแทนจากเอเชียทีมที่สองแล้วที่สร้างเซอร์ไพรส์ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ต่อจากซาดุอีอาระเบียที่พลิกล็อคชนะอาร์เจนตินาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ชื่อของ ทาคูมะ อาซาโนะ จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลญี่ปุ่น หลังจากที่พาทีมชนะเยอรมนีได้อย่างเหลือเชื่อ แม้เขาจะลงมาในฐานะตัวสำรองในช่วงครึ่งหลังระหว่างการต่อสู้ของบลูซามูไรในกาตาร์
จากเด็กหนุ่มที่เคยเป็นดาวเด่นในบ้านเกิดของตัวเอง ต้องจากบ้านมาไกลเพื่อที่จะทำตามความฝัน แต่กลับถูกมองข้ามในทุกๆครั้งที่จะพิสูจน์ตัวเอง ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง ด้วยร่างกายที่ทำงานหนัก ในที่สุดเขาก็กลับมาเฉิดฉายได้อีกครั้งในเวทีฟุตบอลโลก 2022
แหล่งอ้างอิง :
https://www.goal.com/en/news/takuma-asano-arsenal-wonderkid-hazard-qatar-japan/bltc2d6832a8149ed9c
https://www.transfermarkt.com/takuma-asano/profil/spieler/245744
https://www.japantimes.co.jp/sports/2021/05/02/soccer/asano-partizan-contract/
https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/takuma-asano-arsenal-japan-germany-28567974