“ให้ทีมเป็นความภูมิใจของคนทั้งเมือง” อุราวะ เรดส์ ทีมที่แฟนบอลเข้าสนามติดท็อปของโลก

By มฤคย์ ตันนิยม

22 พ.ย. 2024 , 03:41น.

อุราวะ เรดส์ กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังสามแข้งไทยอย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา บินลัดฟ้าไปร่วมซ้อมกับทีมชุดใหญ่ 2 สัปดาห์เต็ม

ทั้งนี้ นอกจากการเป็นสโมสรที่นักเตะไทยกำลังร่วมฝึกซ้อมแล้ว สิ่งที่น่าสนใจคือแชมป์สโมสรเอเชีย  3 สมัย ยังเป็นทีมที่มียอดแฟนบอลเฉลี่ยในระดับหลายหมื่นคน จนก้าวขึ้นไปติดระดับท็อปของโลก

พวกเขาทำได้อย่างไร ? ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้ที่นี่

แชมป์กองเชียร์

อุราวะ เรดส์ ถือเป็นหนึ่งในทีมเก่าแก่ของเจลีก พวกเขาเปลี่ยนผ่านจาก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส สมัย Japan Soccer League มาเป็น เรดส์ ที่มีฐานที่มั่นอยู่ที่จังหวัดไซตามะ รวมถึงเป็นหนึ่งใน “ออริจินอล 10” หรือ 10 สโมสรแรกของเจลีก ที่เปิดตัวครั้งแรกในฤดูกาล 1993

แม้ว่าเป็นทีมที่อยู่คู่ลีกมาอย่างยาวนาน แต่ความสำเร็จของพวกเขาในเชิงโทรฟี ยังห่างไกลจากหลายทีม เพราะตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เรดส์ เพิ่งจะคว้าแชมป์ลีกได้เพียงแค่ครั้งเดียวในปี 2006 ขณะที่ทีมที่คว้าแชมป์มากสุดคือ คาชิมา อันท์เลอร์ส ที่กดไปถึง 8 สมัย

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ เรดส์ ขึ้นมาอยู่แถวหน้าของลีก กลับไม่ใช่ถ้วยรางวัล แต่เป็นแฟนบอล เมื่อพวกเขาคือสโมสรที่มีแฟนบอลเฉลี่ยมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของลีก

เพราะนับตั้งแต่ปี 1996 จนถึงปี 2019 หรือก่อนการระบาดของโควิด -19 เรดส์ ครองบัลลังค์ แฟนบอลเฉลี่ยสูงสุดในลีกถึง 20 ครั้งจาก 24 ครั้ง แถมในปี 2008 พวกเขายังทำสถิติขึ้นไปถึง 47,609 คน

ทั้งนี้ ในปี 2018 เรดส์ ยังก้าวขึ้นไปติดท็อป 50 ของโลก หลังมียอดแฟนบอลเฉลี่ยอยู่ที่ 36,468 คน รั้งอยู่ในอันดับ 48 สูงกว่าหลายทีมในยุโรป และเป็นสโมสรเดียวจากญี่ปุ่นที่ทำได้ จากการรายงานของ CIES Football Observatory

นอกจากนี้ นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา ทีมดังจากจังหวัดไซตามะ ยังสามารถรักษายอดแฟนบอลเฉลี่ยในระดับ 30,000 คน ได้ถึง 16 ฤดูกาลติดต่อกัน เป็นทีมแรกและทีมเดียวของเจลีก

ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าในฤดูกาล 2014 พวกเขาจะเจอดราม่า เหยียดเชื้อชาติ จากการที่แฟนบอลกลุ่มหนึ่งเอาแบนเนอร์ “Japanese Only” ติดไว้ในสนาม จนถูกลงโทษจากเจลีกให้เตะในสนามเปล่า แต่ยอดแฟนบอลเฉลี่ยในฤดูกาลดังกล่าวก็ยังอยู่ 35,516 คน

หรือแม้แต่ตอนที่พวกเขา ตกชั้นลงไปเล่นในเจ2 เป็นครั้งแรกในปี 2000 ที่ถึงแม้ผู้ชมเฉลี่ยจะลดลงเหลือ 16,923 คน แต่ก็ยังมากกว่าหลายทีมในลีกสูงสุด

อะไรคือเคล็ดลับของพวกเขา

ไซตามะ สเตเดียม?

อันที่จริง เรดส์ ไม่ได้เป็นสโมสรที่มีแฟนบอลเฉลี่ยจำนวนมหาศาลมาตั้งแต่แรกเริ่ม แถมในฤดูกาลเปิดตัวของเจลีก พวกเขาอยู่อันดับสุดท้ายด้วยซ้ำ หลังมีจำนวนแฟนบอลเฉลี่ยทั้งฤดูกาลอยู่ที่ 11,459 คน

เหตุผลสำคัญมาจาก โคมาบะ สเตเดียม รังเหย้าเดิมของพวกเขา มีความจุเพียงแค่ราว 10,000 คน ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ที่เจลีกกำหนดเสียอีก ก่อนที่จะมีการรีโนเวทสนามใหม่ จนความจุเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปี 1994

และนั่นก็ทำให้พวกเขามีจำนวนแฟนบอลเฉลี่ย ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากราว 10,000 คน มาเป็น  18,475 ในปี 1994 และ 19,560 ในปีต่อมา และในฤดูกาล 1996 พวกเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ในเรื่องแฟนบอลเป็นครั้งแรก ด้วยจำนวน 24,329 ต่อนัด

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะจุดเปลี่ยนที่แท้จริงคือในปี 2001 เมื่อพวกเขาได้ใช้ ไซตามะ สเตเดียม สนามใหม่ล่าสุดที่มีความจุ 63,700 คน ซึ่งถูกสร้างไว้เป็นสังเวียนในฟุตบอลโลก 2002 เป็นรังเหย้าแห่งใหม่

มันทำให้ยอดแฟนบอลเฉลี่ยของ เรดส์ พุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด จาก 26,720 ในปี 2001 เป็น 36,660 คนในอีก 3 ปีต่อมา และทะยานขึ้นเป็น 47,609 ในปี 2008 มากว่าหลายสโมสรในยุโรปเสียอีก

ทว่า ความจุของสนามไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ เรดส์ ได้รับความนิยมขนาดนี้ แต่มันมาจากกลยุทธ์ของสโมสร ทั้งการใช้สายสัมพันธ์กับฟุตบอลเยอรมัน หลังกุยโด บุชวาลด์ เคยมาค้าแข้งที่นี่ ด้วยการเป็นพันธมิตรกับ บาเยิร์น มิวนิค ไปจนถึงเชิญ สโมสรดังอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ เฟเยนูร์ด มาลงเตะอุ่นเครื่องที่สนามแห่งนี้

นอกจากนี้ ในช่วงแรกที่ย้ายมาอยู่ไซตามะ สเตเดียม พวกเขายังพยายามหานักเตะต่างชาติฝีเท้าดีราคาไม่แพง เข้ามาสร้างสีสัน ที่หลายคนกลายเป็นตำนาน ทั้ง นีล เซริค อดีตกัปตันทีมชาติออสเตรเลีย, วอชิงตัน ดาวยิงชาวบราซิล และบาซิล โบลี แนวรับชาวฝรั่งเศส

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ อุราวะ เรดส์ มีฐานะเป็นตัวแทนของเมือง เนื่องจากสโมสรแห่งนี้มีฐานที่มั่นอยู่ในจังหวัดไซตามะ ซึ่งเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ด้วยประชากรมากถึง 7 ล้านคน แถมฟุตบอลยังเป็นกีฬายอดนิยมของจังหวัดนี้

“สมมุติฐานของผมคืออุราวะ เรดส์ เป็นไอคอนของผู้คนในจังหวัดไซตามะ” เท็ตสึฮิโกะ มิตสึตะ อดีตผู้จัดการแผนกกีฬาของ Dentsu บริษัทโฆษณาชื่อดังของญี่ปุ่นกล่าว

“ตอนที่ผมทำงานกับ เอฟซี บาร์เซโลนา พนักงานของบาซาร์ มักจะพูดในการนำเสนอว่า ‘เอฟซี บาร์เซโลนา เป็นไอคอนของเมืองของเรา’”

ขณะเดียวกัน มิตสึตะเสริมว่า ผู้คนมักมีความปรารถนาที่จะแฝงความภาคภูมิใจ และความเป็นหนึ่งเดียวกับเมืองที่พวกเขาเกิด เติบโต และใช้ชีวิต ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวยังเกิดขึ้นกับ อัลบิเร็กซ์ นีงาตะ สโมสรเล็ก ๆ ของญี่ปุ่น ที่มียอดเฉลี่ยอยู่ในระดับ 30,000 - 40,000 คน แม้ว่าบางฤดูกาล พวกเขาจะเล่นอยู่ในเจ 2 ก็ตาม

“มนุษย์มีความปรารถนาที่จะรู้สึกภาคภูมิใจและเป็นหนึ่งเดียวกับเมืองที่พวกเขาเกิด เติบโต และใช้ชีวิต สโมสรจึงทำหน้าที่เป็นผู้รับความปรารถนานั้น และกลายเป็นไอคอนของเมือง” มิตสึตะให้ความเห็น

“ผมคิดว่าความรู้สึกยอมรับในตัวเองและความภาคภูมิใจในไซตามะของชาวจังหวัดไซตามะ ได้เปลี่ยนไปอยู่กับกีฬา”

ประสบการณ์สำคัญ

แม้ว่านับตั้งแต่หลังการระบาดของโควิด - 19 เรดส์ จะมีจำนวนแฟนบอลเฉลี่ยมาอยู่ที่ 23,676 คน เมื่อฤดูกาล 2022 แต่พวกเขาก็ยังเป็นเบอร์ 1 ของลีก โดยมีเอฟซี โตเกียว ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดผู้ชม 22,309 คน

ส่วน วิสเซิล โกเบ ที่อุดมไปด้วยสตาร์ชื่อดังทั้งของญี่ปุ่นและต่างชาติ ก็ยังเทียบพวกเขาไม่ได้ ด้วยจำนวน 15,540 หรือน้อยกว่าพวกเขาถึง 8,000 คน ที่แสดงให้เห็นว่า เรดส์ ยังคงโดดเด่นในเรื่องนี้

ดังนั้นการที่  วีระเทพ ป้อมพันธุ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา สามแข้งจาก เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ไปร่วมฝึกซ้อมกับพวกเขาและถ้าหากใครสักคนมีผลงานที่เข้าตา จนได้เซ็นสัญญากับ เรดส์ มันคงจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับวงการฟุตบอลไทย

และอัพเดทล่าสุดจาก เจ วรปัฐ อรุณภักดี พิธีกรรายการ “เบื้องหลังบอลไทยที่ใครก็อยากรู้” ได้ยืนยันว่า ณ ตอนนี้ตำแหน่งที่ทาง อุราวะ ต้องการคือตัวรุกแดนบนมากที่สุด

Outside In : เมื่อครั้งหนึ่งทีมชาติไทย สร้างเซอร์ไพรส์ถล่มญี่ปุ่นยับ 5-2 | Think Curve - คิดไซด์โค้ง

“ก่อนมีเจลีก ในโอลิมปิกรอบคัดเลือก ’84 ที่ลอสแองเจลิส ไทยเอาชนะญี่ปุ่นไปอย่างขาดลอย 5-2 ชื่อของ ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ดาวยิงตัวเก่งที่ทำแฮตทริคได้ ยังคงถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของฟุตบอลญี่ปุ่น” ทัตสึนาริ ฮอนดะ ผู้สื่อข่าวของ

Think Curveมฤคย์ ตันนิยม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับการโชว์ฟอร์มในสนามซ้อมของนักเตะไทยทั้ง 3 คนก่อนว่าจะเข้าตามากแค่ไหน โดยหากใครฟอร์มดีมีแววไปต่อได้ ก็อาจจะอยู่กับ อุราวะ ในแบบยืมตัวไปก่อน

และถ้าหากมีใครสักคนทำได้ มันจะเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ที่จะได้เรียนรู้การลงเล่นต่อหน้าฝูงชนมหาศาลจากพวกเขา โดยเฉพาะบรรยากาศในไซตามะ สเตเดียม ที่จะทำให้แข้งไทย สามารถรับมือกับความกดดันได้ดี รวมถึงสามารถเล่นในเกมที่มีความกดดันสูงได้อย่างแน่นอน

แหล่งอ้างอิง

https://data.j-league.or.jp/SFTD11/

https://www.theroar.com.au/2009/03/13/urawa-reds-remain-japans-great-pretenders/comment-page-2/

https://cooljapansoccer.wordpress.com/2019/04/16/urawa-reds-ranked-48th-in-top-50-club-match-attendance/

https://note.com/sportmarketing/n/ndaf68d103756

https://ikujipapa.net/archives/37370

https://www.goal.com/en/news/two-time-asian-champion-and-j-league-powerhouse-urawa-reds-genealogy/1ub3ihyjgt29s15ka4ejz5r4rs

https://www.urawa-reds.co.jp/english/komaba.html