ทำไมการเจอกันระหว่าง บีจี vs เซเรโซ จึงเป็น "เกมคุณภาพ" ยิ่งกว่าศึกกระชับมิตร

By ชยันธร ใจมูล

29 เม.ย. 2024 , 07:25น.

J League Asia Challenge คือรายการที่ยืนยันแสดงถึงความสัมพันธ์กันระหว่างฟุตบอลไทย กับ ฟุตบอลญี่ปุ่น กล่าวคือเมื่อถึงช่วงเวลาปิดเลก ทั้ง 2 ชาติจะส่งทีมที่ระดับแถวหน้าของตัวเองมาแข่งขันกัน

แน่นอนว่ามันคือเกมกระชับมิตร แต่สำหรับศึก J League Asia Challenge 2023-24 ที่กำลังจะเกิดขึ้นซึ่งเป็นเกมระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับ เซเรโซ โอซาก้า นั้นมีเรื่องรางวเบื้องหลัง และสิ่งที่น่าสนใจมากมายซ่อนอยู่

และสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกม ๆ นี้สนุกเร้าใจแฟน ๆ และเป็นเกมการแข่งขันระดับคุณภาพอย่างแน่นอน ... มีอะไรอยู่เบื้องหลังเกมนี้บ้าง ? ติดตามที่นี่

บีจี เวอร์ชั่น "เทกุ" เทค 2

อย่างที่รู้กันว่านี่จะเป็นการกลับมาคุมทีม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อีกครั้งของ มาโกโตะ เทกุระโมริ กุนซือชาวญี่ปุ่น ซึ่งการกลับมาหนนี้ถือว่าเป็นการสนองนี้ดของแฟน ๆ บีจี อย่างแท้จริง เนื่องจากในหนแรกที่ เทกุ ทำทีมนั้น บีจี มีช่วงเวลาที่ดีและเเข็งแกร่ง เช่นการเข้าไปถึงรอบน็อคเอาต์ของศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เลยทีเดียว

การกลับเจอกันหนนี้ ถือว่าเป็นอะไรที่ลงตัวและน่าดูชมอย่างยิ่ง เพราะหนนี้ บีจี เต็มไปด้วยกลุ่มนักเตะที่มีคุณภาพ ที่จะตอบโจทย์และวิธีการทำทีมของเขามากยิ่งกว่ารอบที่ผ่านมา นำโดยกลุ่มแกนหลักนักเตะไทยอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา, ชนาธิป สรงกระสินธ์, สารัช อยู่เย็น ขณะที่กลุ่มนักเตะต่างชาติก็นำโดย อิร์ฟาน และ อิคซาน ฟานดี้, วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ และกองหน้าทีมชาติอุซเบกิสถานอย่าง อิกอร์ เซเกอเยฟ นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งสอดแทรกขึ้นมาให้ใช้งาน ซึ่งน่าจะทำให้ "เทค2" ของเทกุ น่าจะมีอะไรที่แตกต่างและเป็นแง่บวกกว่ารอบที่ผ่านมา

โดยกลุ่มนักเตะเหล่านี้จะได้เจอบททดสอบแบบทีเรียกได้เต็มปากว่า "ของเเข็ง" จากต่างแดนอย่าง เซเรโซ โอซาก้า ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ นี้ ที่สนาม บีจี สเตเดี้ยม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมมาก ๆ เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นช่วงที่ บีจี ที่อยู่ในสถานะ "ลุ้นเเชมป์" จะได้เริ่มต้นรันระบบการเล่นในแบบของ "โค้ชเทกุ" อย่างเป็นทางการ

และจะมีอะไรดีไปกว่าการได้ทดสอบทีมที่ร่วมซ้อมและวางระบบกันมาตั้งแต่ปี กับการเจอกับทีมอย่าง เซเรโซ โอซาก้า เพราะว่าด้วยคุณภาพ ไม่ว่า เซเรโซ่ จะจัดทีมชุดไหนมา บีจี ก็จะต้องเจอกับงานยากทั้งสิ้น ดังนั้นการได้เปิดหัวกับของแข็งจะเป็นการได้วัดกันไปเลยว่าตำแหน่งไหนยังบกพร่อง นักเตะคนไหนไหว คนไหนไม่ไหว และใครบ้างที่จะพร้อมเป็นกำลังหลักของทีมในชุดล่าแชมป์ไทยลีกในเลกที่ 2

และแน่นอนว่าสิ่งทีเป็นเครื่องหมายการค้าในการคุมทีมของ เทกุ คือเรื่องของความฟิต ความเข้าใจเกม และการแน่นอนในการครอบครองบอล ซึ่่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เค้นศักยภาพนักเตะที่มีในทีมออกมาได้ดี และเมื่อเวลาที่เกม J League Asia Challenge กับ เซเรโซ โอซาก้า มาถึง ด้วยคุณภาพนักเตะที่ บีจี มีในทีมเวลานี้พวกเขามีดีที่จะต่อกรกับคู่แข่งอย่าง เซเรโซ โอซาก้า ... ซึ่งการมาเมืองไทยหนนี้ของพวกเขา ก็เรียกได้ว่าให้เกียรติเจ้าภาพ ด้วยการจัดเต็มขนนักเตะที่ดีที่สุดมาเช่นกัน

เซเรโซ โอซาก้า ขุมพลังของสตาร์ ผสาน ดาวรุ่ง

เซเรโซ โอซาก้า เสริมทัพได้น่าสนใจในตลาดซื้อขายก่อนฤดูกาลใหม่จะเริ่ม หนนี้พวกเขาได้เสริมเอา 2 นักเตะ บราซิล อย่าง ลูคัส เฟอร์นานเดส ปีกตัวจี๊ด และ ชุนตะ ทานากะ ปราการหลังที่ฟอร์มดีในปีที่แล้วจาก คอนซาโดเล ซัปโปโร, วิเตอร์ บูเอโน่ ตัวรุกแบบใหม่แกะกล่องจาก แอตเลติโก พาราเนนเซ่, เคียวเฮ โนโบริซาโตะ แบ็คซ้ายจอมเก๋าจากทีม คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยุคครองความยิ่งใหญ่ในเจลีก

นอกจากเหล่าตัวดัง ๆ แล้วยังมี 2 ดาวรุ่งที่คาดว่าจะถูกเฮ้ดโค้ช อากิโกะ โคกิกุ ปลุกปั้นเป็นกำลังหลังอย่าง ฮายาโตะ โอคุดะ (จาก โมโมยามะ) และ มาซายะ ชิบายามะ ปีกขวาวัย 21 ปี ที่ดุึงตัวมาจาก โอมิยะ อาร์ดิจา

จากขุมกำลังชุดใหม่ จะถูก อกิโกะ ผสานเข้ากับชุดเดิมในปีที่แล้วที่นำโดยสตาร์เบอร์ 1 และตำนานของทีมอย่าง ชินจิ คางาวะ, เลโอ เปร์ไรร่า, ยอร์ดี้ ครูกซ์ และกลุ่มนักเตะที่กำลังก้าวขึ้นมาจากดาวรุ่งเป็นกำลังหลักอย่าง เซยะ มาอิคุมะ กองหลังที่ลงเล่นถึง 31 เกมในซีซั่นที่แล้ว และ ซาโตะกิ อุเอโจ นอกจากนี้ยังมีนักเตะดาวรุ่งจากทีมอคาเดมี่ ที่เป็นเหมือนปรัชญาของสโมสรที่จะต้องให้โอกาสของเด็ก ๆ ในท้องถิ่น ก็ยังมีนักเตะดาวรุ่งในวัย 17-20 ปี ถูกผลักดันขึ้นมาในทีมชุดใหญ่ รอเเจ้งเกิดอีกหลายคน เรียกได้ว่าทีมชุดนี้ถือเป็นทีมที่น่าติดตามที่สุดในรอบหลายปีหลังของ เซเรโซ โอซาก้า เลยก็ว่าได้

และแต่เดิมที เซเรโซ โอซาก้า ก็ขึ้นชื่อในด้านสไตล์การเล่นแนวรุก โดยเน้นไปที่การส่งบอลและการเคลื่อนที่ที่รวดเร็ว ยิ่งพวกเขามีขุมกำลังที่พร้อมขนาดนี้ สิ่งที่ บีจี ปทุม จะต้องเจอ และสิ่งที่แฟนบอลชาวไทยจะได้เห็น รับรองว่าเป็นเกมการเล่นแบบจัดเต็มเรื่องคุณภาพ ระบบการเล่นที่เข้มข้น เรียกได้ว่าถ้า บีจี ไม่เตรียมการมาให้ดี เกมอุ่นเครื่องก็อาจจะเป็นเกมที่พวกเขาโดน "นักรบซากุระ" เผาเครื่องกันเลยทีเดียว

ดังนั้นในสภาพที่ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายที่ชัดเจนรออยู่ พวกเขาทั้งคู่จะใช้เกมนี้เป็นบททดสอบอะไรหลาย ๆ อย่าง ซึ่งแน่นอนว่าเกม ๆ นี้ จะเป็นเกมที่พวกเขาได้จัดเต็มในสิ่งที่อยากทดลอง ได้ลองในสิ่งที่อยากหาคำตอบ เป็นเกมสุดท้าย ก่อนที่ฤดูกาลจริงจะเริ่มขึ้น ดังนั้นมีโอกาสสูงที่เกม ๆ นี้จะเป็นเกมระดับคุณภาพ ที่ต่อให้คุณไม่ใช่แฟนบอลของ บีจี ปทุม หรือ เซเรโซ โอซาก้า คุณก็จะสนุกไปกับคุณภาพของเกมนี้ได้อย่างแน่นอน

ความสัมพันธ์กันระหว่างทั้ง 2 ทีม

นอกจากเกมนี้จะน่าสนใจในเรื่องของคุณภาพแล้ว บีจี ปทุม และ เซเรโซ โอซาก้า ยังเป็นพันธมิตรทางลูกหนังกันอีกด้วย โดยมีนักเตะดาวรุ่งของ บีจี หลายคน ที่เคยได้โอกาสไปค้าแข้งในญี่ปุ่นกับ เซเรโซ ไม่ว่าจะชุดเยาวชนหรือชุดใหญ่ อาทิ เชาวัฒน์ วีระชาติ และดาวรุ่งคนอื่น ๆ อีกหลายคนที่เคยได้ไปซ้อมกับทีมนักรบซากุระถึงญีปุ่น

ทั้ง 2 ทีมได้ส่งต่อและแบ่งบันวัฒนธรรมของกันและกัน โดยเฉพาะฝั่ง เซเรโซ โอซาก้า ที่ขับเคลื่อนสโมสรและเมืองของพวกเขาด้วยปรัชญา Hanasaka นั่นคือการมี มีปณิธานข้อหนึ่งที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าสโมสรอื่นๆ นั่นคือการสร้างทีมเพื่อความแข็งแกร่งของภาพรวมวงการฟุตบอลญี่ปุ่น ส่วนแชมป์นั้น "แค่เรื่องเล็ก"

แม้ฟังดูแล้วจะเป็นนโยบายที่ดูโลกสวยสวนทางกับโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่ความจริงคือ เซเรโซ คือทีมที่ตั้งใจจะสร้างนักฟุตบอลท้องถิ่นให้ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแถวหน้าของประเทศ เหมือนกับที่พวกเขาสร้าง ชินจิ คางาวะ และอีกหลาย ๆ คนให้ได้ไปค้าแข้งในยุโรป

ซึ่งจุดเริ่มต้นของ Hanasaka นั้นจริง ๆ แล้ว Hanasaka ไม่ได้เป็นแค่เพียงปรัชญาของสโมสร เซเรโซ โอซาก้า เท่านั้นแต่เรื่องราวต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ที่ มาโกคิชิ ยามาโอกะ ได้ก่อตั้งบริษัท "ยันมาร์" ขึ้นมาในหมู่บ้านเกษตรกรเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง จุดเริ่มต้นไม่ใช่เกิดจากความที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจหรือความมั่งคั่ง แต่เป็นการพยายามที่จะทำให้ พ่อ-แม่ ของเขาทีเป็นเกษตรกรได้มีสิ่งที่มาแบ่งเบาภาระ ให้ได้ใช้ชีวิต และมีความสบายในแบบที่ควรจะเป็น

สิ่งนี้ทำให้เกิดคำว่า Hanasaka หรือที่แปลว่า "ความปรารถนาที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนรอบตัว" เกิดขึ้น และเขาก็ใช้มันเป็นปรัชญาของ บริษัท ยันมาร์ จนประสบความสำเร็จ และแน่นอนมันถูกใช้กับสโมสรฟุตบอลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้พนักงานของบริษัท ยันมาร์ ได้ออกกำลังกายอย่างสโมสร "ยันมาร์ ดีเซล" หรือ "เซเรโซ โอซาก้า" ในปัจจุบัน

คุณจะเห็นได้ว่า เซเรโซ โอซาก้า ไม่ได้แค่ให้โอกาสนักเตะญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาเป็นพันธมิตรกับ บีจี พวกเขาก็ช่วยขับเคลื่อนฟุตบอลไทยด้วยการให้ประสบการณ์ระดับมืออาชีพกับนักเตะดาวรุ่งของ บีจี มากมายหลายคน ซึ่งปลายทางของเรื่องนี้คือเหล่าดาวรุ่งที่ได้โอกาสและได้รับการผลักดันของทั้ง 2 ทีม จะกลายเป็นคนที่ส่งต่อ "ความปรารถนาที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนรอบตัว" สืบต่อกันไป ให้เกิดการเติบโตในภาพร่วมทั้งด้านฟุตบอลและสังคม

และนี่คือเรื่องราวทั้งในและนอกสนามก่อนที่เกม J League Asia Challenge ระหว่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด กับ เซเรโซ โอซาก้า จะเริ่มขึ้น .. ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้ เรากล้ารับประกันว่าคุณจะได้เห็นเกมฟุตบอลที่สนุกและมีคุณภาพ ไปพร้อม ๆ กับการเเบ่งบานของเหล่าดาวรุ่งที่พวกเขาจะเป็นความภาคภูมิใจของทั้ง 2 สโมสร และทั้ง 2 ประเทศไม่ว่าประเทศไทย หรือญี่ปุ่นก็ตาม