long-read

Top

poppular

UAE

Thailand

asia

ทีมชาติไทย

เพราะอะไร “ยูเออี” จึงไม่มีนักเตะที่ค้าแข้งในยุโรปแม้แต่คนเดียว ?

“ช้างศึก” ทีมชาติไทย กำลังจะลงสนามในเกมอุ่นเครื่องในตะวันออกกลางนัดที่ 2 ด้วยการพบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กรุงอาบูดาบี ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ (หรือ 01:00 ของวันที่ 29 มีนาคม ตามเวลาประเทศไทย)

ทั้งนี้ คู่ต่อกรของไทยในนัดนี้ ถือเป็นหนึ่งในชาติชั้นนำของเอเชีย ด้วยอันดับโลกที่อยู่ในท็อป 70 และเคยคว้ารองแชมป์และอันดับ 3 เอเชียนคัพมาอย่างละครั้ง รวมถึงเคยผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว

อย่างไรก็ดี น่าแปลกที่ทีมชุดใหญ่ยูเออี กลับไม่มีนักเตะที่เล่นอยู่ในยุโรปแม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะชุดก่อนหน้านี้ หรือชุดปัจจุบันที่จะพบกับไทย

เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ติดตามไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

รายได้อู้ฟู่

หากเอ่ยถึงทีมแถวหน้าของเอเชีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ “ยูเออี” น่าจะเป็นหนึ่งในชื่อที่แฟนบอลนึกถึง ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมในระดับทวีป ไม่ว่าจะเป็นการผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1990 หรือการคว้าอันดับ 3 เอเชียนคัพ เมื่อปี 2015 รวมถึงอันดับ 4 ในปี 2019

ทว่า สิ่งที่น่าแปลกใจคือแม้ว่า “ยูเออี” จะเป็นทีมที่โดดเด่นของเอเชีย แต่พวกเขากลับไม่มีผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปแม้แต่คนเดียว แถมส่วนใหญ่ยังเล่นอยู่ในยูเออีโปรลีกด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ทีมชุดปัจจุบันของพวกเขา เพราะหากไล่เรียงไปในอดีตจะพบว่า ยูเออี ใช้นักเตะที่เล่นอยู่ในบ้านเกิดแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นในเอเชียนคัพรอบสุดท้าย 5 ครั้งหลังสุด ไปจนถึง อิตาเลีย ’90 ฟุตบอลโลกครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของพวกเขา

เหตุผลสำคัญเพราะหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตก็คือ “เงิน” เพราะแม้ว่ายูเออี จะเป็นประเทศที่เกิดใหม่ หลังได้รับเอกราชจากสหราชอาณาจักร ในปี 1971 แต่พวกเขาก็เป็นชาติที่ร่ำรวยชาติหนึ่งของโลกด้วยธุรกิจบ่อน้ำมัน

จากข้อมูลของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอาบูดาบี เมื่อปี 2022 ระบุว่า ยูเออี มีผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 3.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 13 ล้านล้านบาท) หรือราว 44,315.55 เหรียญต่อคนต่อปี (ราว 1.5 ล้านบาท) ขณะที่ไทยอยู่ที่ราว 2.5 แสนบาทต่อคนต่อปี

เช่นกันสำหรับนักฟุตบอล พวกเขามีรายได้ที่ถล่มทลาย จากการที่สโมสรมีเหล่า “ชีค” หรือเหล่ากลุ่มราชวงศ์ในแต่ละรัฐเป็นเจ้าของ โดยจากรายงานของ Economic Research Institute ระบุว่า เงินเดือนเฉลี่ยของผู้เล่นในยูเออีจะอยู่ที่ราว 141,303 ดีแรห์ม (ราว 1.3 ล้านบาท)

ส่วนผู้เล่นตัวจริง หรือสตาร์จะประจำทีม จะอยู่ที่ 175,109 ดีแรห์ม (ราว 1.6 ล้านบาท) หรือสูงกว่านั้น ที่เห็นได้จากตอนที่ อูมัร อับดุลเราะห์มาน เพลย์เมกเกอร์ เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ อัล ไอน์ มีรายงานว่าเขาได้รับค่าเหนื่อยมากถึง 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (3.1 ล้านบาท) แถมยังได้ยกเว้นภาษีอีกด้วย

ด้วยค่าเหนื่อยมหาศาลทำให้เป็นเรื่องยากที่แข้งยูเออี จะได้ย้ายไปยุโรป เพราะคงไม่มีทีมไหนยอมจ่ายเงินในระดับนี้ เพื่อดึงนักเตะจากชาติที่ไม่ได้เป็นที่รู้จัก นอกจากทวีปเอเชียมาร่วมทีม เพราะมันดูจะเสี่ยงเกินไป

อย่างไรก็ดี มันยังมีเหตุผลมากกว่านั้น

Not For Sell

ด้วยความ ยูเออี ถือกำเนิดขึ้นด้วยการปกครองร่วมกันของราชวงศ์ทั้ง 7 ที่ปกครองใน 7 รัฐ ได้แก่ อาบูดาบี, อัจมาน, ดูไบ, ฟูไจราห์, ราสอัลไคมาห์, ชาร์จาห์ และ อุมม์อัลไกไวน์ ที่เคยทำสงครามกันในอดีต ฟุตบอลจึงกลายเป็น “เครื่องมือ” ในการห้ำหั่นเมื่อต้องสงบศึกกัน

ทำให้ทีมฟุตบอลของพวกเขา ไม่ได้เป็นแค่สโมสร แต่ยังเป็นสิ่งที่ใช้แสดงอำนาจและความสำเร็จของแต่จะรัฐ และเพื่อสิ่งนั้น พวกเขาจึงต้องกว้านหานักเตะที่เก่งที่สุดมาสู่ทีม

พวกเขาพร้อมที่จะมอบข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงสวัสดิการที่ดูแลนักเตะและครอบครัวอย่างเต็มที่ เช่นกรณีของ อูมัร อับดุลเราะห์มาน นักเตะเชื้อสายเยนเมนที่เกิดในซาอุดิอาระเบีย ที่นอกจาก อัล ไอน์ จะให้สัญญากับเขาแล้ว ยังให้แก่พี่ชายทั้งสองอย่าง มูฮัมหมัด และ อาเหม็ด รวมถึงให้สัญชาติยูเออีกับครอบครัวเขาอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ในทางกลับกัน มันกลายเป็นข้อผูกมัดกลายๆ เพื่อไม่ให้นักเตะย้ายออกไปจากทีม เนื่องจากเจ้าของทีมใน “ยูเออี” ส่วนใหญ่ ไม่ได้มีนโยบาย ให้ผู้เล่นไปค้าแข้งในต่างแดน ดังนั้นยุโรปแทบไม่ต้องหวัง

อิมาอิล มาตาร์ คือหนึ่งในคนที่เคยมีประสบการณ์นี้ เขาคือดาวรุ่งที่ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลโลก U20 เมื่อปี 2003 ที่ยูเออี เป็นเจ้าภาพ ก่อนจะพาบ้านเกิดเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย จนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์

หลังฟุตบอลเยาวชนโลก เขาได้รับความสนใจจากหลายทีมในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น เชลซี, อินเตอร์ มิลาน รวมถึงหลายทีมในญี่ปุ่น และกาตาร์ แต่ อัล วาดะห์ ต้นสังกัดของเขายืนยันคำเดียวว่านักเตะของพวกเขา “Not For Sell” (ไม่ได้มีไว้ขาย)

“ความคิดของเจ้าของทีมในยูเออีในตอนนั้นคือ พวกเขาต้องดึงนักเตะเข้ามาในทีมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะย้ายออกไป” มาตาร์กล่าวกับ ESPN FC

หรือกรณีของ อาลี มาบคูต ดาวซัลโวตลอดกาลของ ยูเออี ที่ซัดไปถึง 80 ประตูจาก 109 ที่ได้แสดงความประสงค์อย่างชัดเจนที่จะย้ายไปเล่นในยุโรป และตกเป็นข่าวกับทีมในลาลีกา แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะความไม่อยากปล่อยตัวเก่งออกไปของสโมสรในยูเออี

นอกจากนี้ แม้ว่าบางครั้งสโมสรจะยอมปล่อย แต่ก็ต้องมาเจอเรื่องจุกจิก โดยเฉพาะเรื่องเวิร์คเพอร์มิต ที่ทำให้ครั้งหนึ่ง อูมัร ทำได้แค่ “เกือบ” กับการเป็นผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก

ย้อนกลับไปในปี 2012 อูมร ในวัย 21 ปี ได้รับความสนใจจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ตอนนั้นมีชาวยูเออีเป็นเจ้าของทีม หลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในสีเสื้อของทีมโอลิมปิกยูเออี ในโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน

เรื่องที่เกี่ยวข้อง: คูเวต-U23 ยักษ์หลับแห่งเอเชีย : คู่แข่งนัดชิงที่ 3 โดฮา คัพ ของทีมชาติไทย

เขาทำได้ดีในการทดสอบฝีเท้า แถมยังถูกส่งลงสนามในเกมอุ่นเครื่อง และผ่านการทดสอบฝีเท้า แต่ทุกอย่างต้องพังทลายลง เนื่องจากขอใบอนุญาตทำงานไม่ผ่าน

"ซิตี้ เสนอข้อตกลงเป็นระยะเวลา 4 ปีในสัญญาที่ตั้งใจจะมอบให้ อุมัร หลังจากได้เห็นเขาซ้อมกับทีม 2 สัปดาห์ และถึงแม้ว่าข้อเสนอนั้นจะต้องพับไปแต่ ไบรอัน มาร์วู้ด ผู้อำนวยการแผนกอะคาเดมี่ของ ซิตี้ ยังมาที่นี่ประจำและบอกว่าพวกเขาจะพยายามคว้าตัวอุมัรเป็นครั้งที่ 2 ให้ได้" คอสมิน โอลาโรอู อดีตกุนซือของ อัล ไอน์ กล่าว

ก่อนที่สิ่งเหล่าจะทำให้ความฝันในการไปเล่นในยุโรปของพวกเขาค่อย ๆ จางหายไป

กับดักคอมฟอร์ตโซน

แม้ว่า ยูเออีโปรลีก จะถือเป็นลีกชั้นนำของเอเชีย ที่ขึ้นชื่อจากการอุดมไปด้วยผู้เล่นจอมเทคนิค แต่ความเข้มข้นของลีก รวมถึงความหลากหลายของแทคติก ยังถือว่าห่างไกล เมื่อเทียบกับลีกยุโรป นี่ยังไม่รวมถึงแฟนบอลที่อยู่ในระดับแค่ 5,000 คนเท่านั้น

ทำให้บรรยากาศส่วนใหญ่ไม่ได้ดุดัน หรือแข็งกร้าวเหมือนในลีกตะวันตก หรือแม้แต่ลีกอื่นในเอเชีย แต่นั่นก็ทำให้ผู้เล่นสามารถค้าแข้งได้อย่างสะดวกใจ และไม่กดดัน จนสบายใจที่จะค้าแข้งอยู่ที่นี่

อย่างไรก็ดี ในเชิงความก้าวหน้าของอาชีพ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องดี เมื่อการอยู่แต่ใน “คอมฟอร์ทโซน” หรือพื้นที่ปลอดภัย ได้ทำให้ผู้เล่นยูเออี เคยชินและรู้สึกว่าคงไม่เป็นไรหากไม่ได้ออกไปเล่นในต่างแดน หรือในยุโรป

นอกจากนี้ การได้เล่นในประเทศตัวเอง ยังทำให้พวกเขาคงมีสถานะไม่ต่างจากดารา ที่ทำให้มีโอกาสทำรายได้เพิ่มอีกมากมาย ทั้งการเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าไปจนถึงออกโทรทัศน์ หรือขึ้นหน้าปกนิตยสาร

“อูมัร อับดุลเราะห์มานสามารถเล่นที่ไหนก็ได้ในโลก ในความคิดของผม มันไม่ใช่เรื่องเงิน มันเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต เรื่องความกดดัน” ฮาเวียร์ อกีเรร์ อดีตกุนซือทีมชาติเม็กซิโก ที่เคยคุมทีม อัล วาดะห์ กล่าวกับ ESPN FC

“พวกเขาติดอยู่ในคอมฟอร์ทโซนที่นี่”

แต่สิ่งสำคัญ พวกเขายังไม่มีตัวอย่าง เพราะในอดีตที่ผ่านมา แทบจะไม่มีรุ่นพี่ของพวกเขาเขาคนใดที่มีโอกาสได้ไปเล่นในยุโรป มันไม่มีแรงบันดาลใจที่เป็นรูปธรรม ที่จะบอกว่า บางทีพวกเขาอาจจะทำได้

ด้วยสถานการณ์เหล่านี้ ทำให้ ยูเออี อาจจะต้องร้องเพลงรอต่อไป ที่จะได้เห็นนักเตะของพวกเขาในยุโรป เหมือนกับชาติคู่แข่งในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ที่ส่งออกนักเตะอย่างเป็นล่ำเป็นสัน

ทว่า เชื่อว่าหากมีคนแรก บางสิ่งบางอย่างอาจจะง่ายขึ้น เมื่อถึงจุดนั้น ยูเออี ที่น่ากลัวอยู่แล้ว ก็อาจจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใจได้ สู้สนุก : 5 แข้งไทยยู 23 ฟอร์มเยี่ยมเกมดวล ซาอุดิอาระเบีย

โจนาธาร เข็มดี : เซนเตอร์พันธุ์ห้าวดาวดวงใหม่ทัพช้างศึก

ไม่มีเกมแต่มีของ : ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ไพ่เด็ดทีมชาติไทยชุดยู-23

จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว

แหล่งอ้างอิง

https://www.espn.com/soccer/club/united-arab-emirates/4397/blog/post/3012856/omar-abdulrahman-will-asias-best-player-ever-make-it-in-europe

https://thesetpieces.com/features/the-best-player-in-asia-so-why-is-omar-abdulrahman-still-playing-in-the-uae/

https://www.erieri.com/salary/job/football-player/united-arab-emirates

https://www.salaryexpert.com/salary/job/football-player/united-arab-emirates/dubai

https://www.thenationalnews.com/sport/ali-mabkhout-intent-on-european-move-says-he-has-interest-from-la-liga-1.131924