"ธิดารัตน์ วิวาสุขุ" : โค้ชหญิงผู้สร้างประวัติศาสตร์แชมป์บอล 7 สี

By ชยันธร ใจมูล

27 ก.ค. 2024 , 05:42น.

128 ทีมสู่ 1 เดียว นั่นคือความยิ่งใหญ่ที่กลายเป็นไวรัลของทีมฟุตบอลจากโรงเรียน "กันทรารมณ์" ที่คว้าแชมป์ฟุตบอล 7 สี ในแบบที่สื่อทุกเจ้าต้องพูดถึง

ภายใต้การลงสนามของเเข้งหนุ่มวัยกำลังห้าวคือ โค้ชหญิงแกร่งผู้ใช้ทุกศาสตร์ที่เธอรู้จนกลายเป็นแชมป์ประวัติศาสตร์ของทีมจากอีสานในรายการนี้

ติดตามเรื่องราวของ ธิดารัตน์ วิวาสุขุ ที่นี่

อดีตนักเตะทีมชาติไทย

ธิดารัตน์ วิวาสุขุ เป็นอดีตนักฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย สมัยที่เธอค้าแข้งนั้นเคยอยู่ในทีมชาติไทยชุดคว้าเเชมป์ฟุตบอลอาเซียน 2 สมัย และซีเกมส์อีก 2 สมัย นอกจากนี้เธอยังเคยไปเล่นฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกรุ่นยู 19 อีกด้วย ก่อนทีหลังจากนั้นเธอจะแขวนสตั๊ดและได้โอกาสเป็นผู้ช่วยโค้ชทีมชาติไทยชุดแชมป์ซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศเมียนมา โดย ธิดารัตน์ ได้เป็นมือขวาของ "โค้ชจุ่น" จตุพล ประมลบาน

หลังจากได้ชิมลางการเป็นผู้ช่วยโค้่ช เธอก็เริ่มเดินทางสายนี้ด้วยการเริ่มเรียนหลักสูตรโค้ชของ FIFA อย่างจริงจัง จนกระทั่งจบหลักสูตร เอ ไลเซ่นส์ โดยเรียนรุ่นเดียวกับ สะสม พบประเสริฐ, เทิดศักดิ์ ใจมัน, พิภพ อ่อนโม้ โดยในรุ่นดังกล่าวมีผู้หญิงสอบผ่านเพียง 2 คนเท่านั้น

นอกจากการทำการทำงานในระดับผู้ช่วยแล้ว ธิดารัตน์ หรือ "โค้ชมิ่ม" ก็เคยคุมทีมระดับไทยลีก 23 อย่างสโมสร พราม แบงค็อก ในช่วงฤดูกาล 2021-22 อีกด้วย

จุดเริ่มต้นกับฟุตบอลโรงเรียน

"โค้ชมิ่ม" เริ่มทำฟุตบอลโรงเรียนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของเธอเลยก็ว่าได้หลังจากที่เธอเป็นข้าราชการก็เริ่มทำงานที่แรกที่ โรงเรียนชุมชนบ้านบุเปือย ก่อนจะมีแนวคิดใช้กีฬาเพื่อทำให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลยาเสพติดและปัญหาต่าง ๆ เนื่องจาก ณ ที่นั้นถือเป็นพื้นที่สีแดงมีความเสี่ยง เธอจึงอยากให้โอกาสเด็ก ๆ เหมือนกับที่เธอเคยได้ และเธอยังมีแนวคิดเสมอว่า เด็กๆ ต้องไปได้ไกลกว่าที่เธอเคยเป็น

จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เธอจึงได้โอกาสเข้ามาทำทีมฟุตบอลของโรงเรียน กันทรารมณ์ ก็เริ่มสร้างชื่อด้วยวิธีการสอนเด็ก ๆ ที่พยายามทำให้เด็ก ๆ สู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง แม้จะเป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ในต่างจังหวัด แต่ถ้าพยายามอย่างเต็มที่ก็สามารถสู้กับทีมโรงเรียงดัง ๆ ระดับประเทศได้

"ก่อนลงสนามทุกครั้งบอกกับเด็กๆ เสมอว่าอย่าให้เค้ามาดูถูกเราว่าเราเป็นทีมบ้านนอก เป็นทีมภูธร เราบอกว่าครูสอนทุกคนอย่างดีและเต็มที่สุด ๆ ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่มี เพราะฉะนั้นเขาก็จะเต็มที่ทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนาม" โค้ชมิ่ม กล่าว

นอกจากการปลูกฝังก่อนลงสนามแล้ว เด็ก ๆ ที่นี่ก็ทำงานกับโค้ชมิ่มกันมานาน บางคนอยู่ด้วยกันตั้งแต่ 8 ขวบก็ยังมีดังนั้น เรื่องของความทุ่มเทและความพยายามที่แต่ละฝั่งส่งถึงกันจึงมีอย่างเต็มเปี่ยม

หลังปี 2020 เป็นต้นมา โค้ชมิ่ม ก็พาโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ เข้าสู่รอบชิงแชมป์ประเทศไทย พร้อมกับคว้ารางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยม ศึกฟุตบอล คิง เพาเวอร์คัพ 2020

ขณะที่ในฟุตบอล 7 สีนั้นแชมป์ครั้งที่เกิดขึ้นกว่าจะได้มาก็ไม่ง่าย เพราะในปี 2022 โค้ชมิ่ม ก็พาโรงเรียนกันทรารมณ์ มาเจอกับโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ที่เธอว่าเป็นทีมเต็งของรายการ ก่อนที่ กันทรารมณ์ จะแพ้เกมนั้นไป 2-3 แบบที่ได้จุดโทษแต่ยิงไม่เข้า ซึ่งการตกรอบครั้งนั้นก็กลายเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่สู่หนทางสู้แชมป์ใน ฟุตบอลแชมป์กีฬา 7HD

"การแพ้ครั้งนั้นยอมรับว่ากดดันมากทุกคนมาเชียร์เรา ทำให้เด็กเราอยู่ในภาวะตื่นเต้น เราโดนนำเร็ว 2 ลูก กว่าจะไล่มาได้ก็ใช้เวลาพักใหญ่ จนกระทั่งเราโดนนำอีกครั้งเป็น 3-1 แล้วเราได้จุดโทษ ตอนนั้นเราเลือกคนที่ดีที่สุดยิงแม่นที่สุดของเราเป็นคนยิงแต่ก็ไม่เข้า"

"ถึงตรงนี้เราทำอะไรไม่ได้ เราก็ต้องยอมรับแต่เราไม่เคยยอมแพ้ วันนั้นบอกกับทุกคนว่าไม่ได้เสียดายหรือเสียใจ ไม่เป็นไร เราเชื่อว่าทุกคนทำเต็มที่แล้ว แล้วเราจะกลับมาอีกครั้ง"

และอย่างที่เราได้เห็นกัน โค้ชมิ่ม ก็พาโรงเรียนกันทรารมณ์ กลับมาแข่งขันรายการนี้อีกครั้ง และหนนี้มัธยมบราซิล ได้ล้างแค้น อัสสัมชัญ ศรีราชา ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายและ ... จบการแข่งขันด้วยการเป็นแชมป์ และเป็นทีมจากภาคอีสานทีมแรกที่คว้าเเชมป์รายการนี้

“การได้กลับมาทำฟุตบอลชายมันก็มีความยากและท้าทายมากกว่าฟุตบอลผู้หญิงเพราะว่า ฟุตบอลชายมีคนเล่นอยู่ทั่วประเทศทำให้มีจำนวนคนที่เล่นเยอะกว่าฟุตบอลผู้หญิง”

“หลังจากนี้คิดว่าอยากที่จะพัฒนาวงการฟุตบอลชายที่บ้านตัวเอง (จ.ศรีสะเกษ) ไปก่อน แต่ถ้ามีโอกาสที่ดีเข้ามาในชีวิต ก็สามารถทำได้หมดและพร้อมเปิดรับทุกโอกาส" โค้ชมิ่ม ให้สัมภาษณ์หลังคว้าแชมป์ด้วยความภาคภูมิใจ

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

‘เดวิด คิสต์’ ผู้สานต่อโปรเจ็คท์ U20 บลูล็อคสไตล์จิงโจ้