‘ธวัชชัย อินทร์ประโคน’ : วันเดอร์คิดที่เติบโตจาก ‘แบ็คซ้าย’ สู่ปีกจอมล่าประตู
หลังจากจบเกมการแข่งขัน ไทยลีก เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา นัดที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม ตราด เอฟซี แบบขาดลอย 4-0 ทั้งที่ใช้ชุดผสม กลายเป็นเกมแจ้งเกิดของ ‘ฟลุ๊ค-ธวัชชัย อินทร์ประโคน’ ซึ่งเป็นดาวรุ่งวัยแค่ 20 ปี ได้โอกาสลงเล่นในตำแหน่งปีกขวา แล้วสามารถยิงประตูแรกให้กับทีมได้
แน่นอนว่าการจากไปของ ‘แบงค์-ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา’ ทำให้ตำแหน่งตัวรุกทางฝั่งขวาว่างลง โดยมีทาง นิโคเลา คาร์โดโซ่ ดาวเตะป้ายแดงอดีตทีมเยาวชนทีมชาติอิตาลีเป็นตัวเต็งในการเสียบแทน ส่วนตัวเลือกรองลงมาเป็นทาง ‘พี-ศศลักษณ์ ไหประโคน’ ที่ถูกจับไปยืนประจำการเป็นครั้งคราว
อย่างไรก็ตามเมื่อ อาเธอร์ ปาปาส กุนซือใหม่ของทีมเข้ามาคุมทัพ ปราสาทสายฟ้า ย่อมมีการคิดคำนวณแล้วว่า เกมกับ ตราด เอฟซี นั้นไม่ใช่เกมหนักมาก พร้อมเปิดโอกาสให้กับดาวรุ่งที่มีแววได้ลงโชว์ผลงาน แล้วก็เป็นทาง ธวัชชัย ที่ได้รับโอกาสนั้น แล้วตอบแทนด้วยหนึ่งประตูสำคัญให้ทีมขึ้นนำ
แนวรุกรายดีมีดีอะไรถึงสามารถเบียด นิโคเลา ให้นั่งเป็นตัวสำรองได้ในเกมล่าสุด? เส้นทางการค้าแข้งที่ผ่านมาของเขาเริ่มต้นจากการเล่นในตำแหน่งไหน? นักเตะต้นแบบในการเล่นของเขาเป็นใคร ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เติบโตจากความผิดหวัง
ธวัชชัย เป็นดาวเตะที่เกิดในจังหวัดกรุงเทพมหานครฯ แต่ไปเติบโตที่อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มต้นหลงรักในกีฬาฟุตบอลจากการที่คุณพ่อของเขา ชักชวนให้เล่นออกกำลังกายในหมู่บ้าน ตอนอายุเพียงแค่ 8-9 ขวบ ก่อนจะพัฒนาทักษะของตัวเองจนมีโอกาสไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่กรุงเทพฯ
แล้วเป็นทางอดีตเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทยผู้ล่วงลับอย่าง ‘จ่าเหน่ห์’ ร้อยตรี เสน่ห์ โพนมณีศักดิ์ ที่ผันตัวมาเป็นโค้ชเยาวชนรับเป็นลูกศิษย์ แล้วกลายเป็นหนึ่งในขุนพลของทีม ‘บุรีราษฎร์ดรุณวิทยา’ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการฝึกซ้อมเบสิคพื้นและระเบียบวินัยที่เข้มข้นเป็นพิเศษ
หลังจากฝึกฝนวิชาลูกหนังแบบเคี่ยวกรำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ธวัชชัย ตัดสินใจเสี่ยงดวงไปคัดตัวกับโรงเรียนที่เป็นมหาอำนาจลูกหนังขาสั้นในวงการบอลไทย อาทิ กรุงเทพคริสเตียน และ อัสสัมชัน ธนบุรี แต่ปรากฎว่าผลที่ออกมากลับ ‘ไม่ผ่านเกณฑ์’ รอบสุดท้ายทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ธวัชชัย มีหัวใจที่เป็นเลือดนักสู้ไม่เคยคิดที่จะถอดใจยอมแพ้ ลองเสี่ยงไปคัดตัวกับสโมสรในฝันอย่าง ‘บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด’ เมื่อตอนอายุได้ 11 ปี แล้วเขาก็สามารถทำตามฝันได้สำเร็จ ถูกรับคัดเลือกเข้าอะคาเดมี่ของ ปราสาทสายฟ้า แต่ก็ต้องอดทนเป็นตัวสำรองอยู่ 1 ปีเต็ม เพราะต้องแบกอายุไปเล่นในรุ่นเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี
อคาเดมี่ฝึกฝนของเหล่า ‘ลูกเจี๊ยบสายฟ้า’ นั้นขึ้นชื่ออยู่แล้วในการสร้างนักเตะที่มีคุณภาพขึ้นมาจากระเบียบวินัยอันเข้มงวดในการฝึกฝนฟุตบอล โดยที่ต้องไม่ทิ้งเรื่องของการศึกษา หากมีข้อผิดพลาดตรงส่วนใดส่วนหนึ่งอาจทำให้ไปไม่ถึงฝันได้ เพราะทีมสามารถเชือดคุณทิ้งได้ทุกเวลา แถมมีคนที่รอโอกาสต่อคิวอยู่นับไม่ถ้วน
ดังนั้น ธวัชชัย ต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย ตามที่เล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเอาไว้ว่า
“ตัวผมไม่ใช่แค่ต้องมีวินัยในการฝึกซ้อม แต่ต้องตั้งใจในเรื่องของการเรียนด้วย ห้ามเกรดเฉลี่ยตกหรือติด ร. ติดศูนย์เป็นอันขาด ไม่งั้นจะโดนลงโทษด้วยการยึดโทรศัพท์มือถือ เป็นเวลาถึง 1-2 อาทิตย์”
“แต่ถ้าทำตามกฎระเบียบที่ทีมตั้งเอาไว้ได้ ก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้สบาย แค่ต้องแลกด้วยช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ไม่ได้ออกเที่ยวสังสรรค์เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน แต่นั่นก็เป็นเรื่องปกติของนักฟุตบอลอาชีพอยู่แล้วครับ”
ความมุ่งมั่นของ ธวัชชัย ทำให้อนาคตของเขาสดใสในทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไต่เต้าตามรุ่นอายุมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวของเขามีนักเตะต้นแบบในการเล่นฟุตบอลเป็นรุ่นพี่สองคนในทีมที่เล่นตำแหน่งเดียวกัน คือ ‘แบ็คซ้าย’
เดินตามรอยรุ่นพี่
ธวัชชัย ไม่ใช่นักเตะที่มีรูปร่างสูงใหญ่นัก แต่ทดแทนด้วยความเร็วและความคล่องตัว รวมไปถึงทักษะในการลากเลื้อย ตะลุยพาบอลไปข้างหน้า พอควบรวมเข้ากับความขยัน ความฟิต และ ความใจสู้ ไม่มียอมแพ้ รูปแบบการเล่นในสนามของเขา เลยไม่ต่างจากไอดอลของเขาอย่าง ‘พี-ศศลักษณ์ ไหประโคน’
ซึ่งหลังจากเขาทำผลงานในระดับเยาวชนได้อย่างโดดเด่น เลยถูกเรียกตัวไปติดธงทัพช้างศึก รุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปี และ รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ชิงแชมป์เอเชีย กับ อาเซียน ตามลำดับ ถึงเจ้าตัวต้องแบกอายุเล่นกับผู้เล่นอายุมากกว่าถึง 4 ปี แต่ก็ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว จากทัศนคติที่มีความมุ่งมั่นเกินร้อย ตามที่กล่าวไว้ว่า
"ตอนไปมองโกเลียที่ผ่านมา ผมได้ประสบการณ์มากมายจากรุ่นพี่ในทีม โดยเฉพาะเรื่องความกระหายและความมุ่งมั่น ผมมีพี่พี (ศศลักษณ์ ไหประโคน) เป็นไอดอลครับ ที่ผ่านมามีโอกาสได้คุยกันบ้าง แต่ผมพยายามดูพี่เขาเล่น เพราะเขามีความมุ่งมั่น ดุดัน และพยายามวิ่งตลอด"
"ผมเองจะพยายามนำสิ่งดีๆ จากสโมสร มาใช้ในทีม แต่เพื่อนร่วมทีมอาจจะไม่เหมือนกัน เราต้องปรับจูน และตอนนี้พยายามคุยกันมากขึ้น และพยายามแก้ไขข้อผิดพลาด ผมเชื่อว่าแม้ทีมเราจะอายุน้อยกว่า แต่เราสามารถสู้กับชาติอื่นๆ ได้ เพราะเพื่อนๆ ทุกคนต่างมีความตั้งใจ และหลายคนได้เล่นในฟุตบอลอาชีพมาแล้ว"
แม้ว่าตัวของ ธวัชชัย จะยังไม่สามารถคว้าแชมป์รายการระดับชาติมาประดับเกียรติยศให้กับตัวเองได้ แต่เขายังคงเดินหน้าต่อแบบไม่ลดละ รวมไปถึงการพัฒนาฝีเท้าของตัวเองเพื่อยกระดับอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งการเข้ามาสู่ทีมของ ‘อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน’ และ มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ทำให้เขาเรียนรู้วิธีการเล่นแบ็คซ้ายแบบใหม่ที่เป็นที่นิยมในยุค โมเดิร์น ฟุตบอล ตามที่เรียกกันตามบทบาทว่า ‘อินเวิร์ท ฟูลแบ็ค’
เมื่อผลของการฝึกซ้อมและพัฒนาการของ ธวัชชัย เป็นที่น่าพึงพอใจ จึงไม่น่าแปลกที่ บุรีรัมย์ จะมอบสัญาอาชีพให้กับเขา พร้อมกับส่งไปฝึกฟุตบอลในต่างประเทศกับสโมสร คอนซาโดเล่ ซัปโปโร (ญี่ปุ่น) และ เลสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ) แล้วถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในวัยแค่ 20 ปี ด้วยการสวมเสื้อหมายเลข 55
ผลจากการฝึกในต่างประเทศ
การจะได้ไปฝึกฝนในต่างประเทศ ไม่ใช่ว่าดาวรุ่งทุกคนจากอคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะได้รับโอกาสนั้นครบหมด ซึ่งความเป็นจริงแล้วมีเพียงตัวท็อปของรุ่น ที่ดูดีมีอนาคตไปต่อได้ไกลจะได้รับมอบโอกาสเท่านั้น แล้วความพยายามของ ธวัชชัย ก็เป็นผลให้เขาได้รับเลือกไปฝึกทั้งที่ ญี่ปุ่น และ อังกฤษ
โดยผลของการไปเรียนรู้วิถีฟุตบอลในต่างแดน เริ่มจะเห็นผลหลังจากที่ ปาปาส ตัดสินใจส่งเขาลงสนามเป็นตัวจริงในเกมกับ ตราด เอฟซี ในตำแหน่งการเล่นที่แปลกตาไปจากเดิม คือ กองหน้ากึ่งปีกฝั่งขวา แล้วทาง ธวัชชัย ก็ตอบแทนความเชื่อมั่นของโค้ชได้ด้วยการยิงประตูให้ทีมออกนำ 1-0 ตั้งแต่ 15 นาทีแรก
ซึ่งตัวของ ปาปาส นั้นมีการให้เหตุผลการจัดตัวที่เซอร์ไพรส์แฟนบอล แล้วได้เห็น ธวัชชัย หรือ แอชลี่ ลงสนามเป็น 11 คนแรกเอาไว้วา
"เรื่องนี้ต้องชื่นชมในความมั่นใจของ ธวัชชัย อินทร์ประโคน ซึ่งก็ต้องบอกว่าทีมเรามีผู้เล่นที่ความสามารถดี มันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักเตะเยาวชนได้เรียนรู้ และเกิดความมั่นใจ รวมไปถึงการซ้อมร่วมกันที่เข้มข้นด้วย"
"วันนี้เราทำทุกอย่างได้ตามเป้าหมาย เรามีการขึ้นเกมที่หลากหลาย ไม่ได้พึ่งพาใครคนใดคนหนึ่ง เราร่วมกันเล่นเป็นทีม"
แน่นอนว่าเมื่อผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นที่น่าพึงพอใจ โอกาสก้าวต่อไปของ ธวัชชัย อาจจะมาถึงในไม่ช้า แล้วต้องมารอดูกันว่าเขาจะทำมันได้ดีแค่ไหน แต่ถ้านับจนถึงแค่นาทีนี้ภาพที่เจ้าของทีม ลุงเน-เนวิน ชิดชอบ สวมกอดดาวรุ่งรายนี้ คงสามารถบ่งบอกถึงอนาคตที่สดใจของเจ้าตัวได้ไม่มากก็น้อย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.youtube.com/watch?v=FLlkPOVaP_Q
https://www.bugaboo.tv/sport/604784
https://www.komchadluek.net/news/sport/558463
บทความที่เกี่ยวข้อง :
ระบบดีใครเล่นก็ได้ : วิเคราะห์ฟอร์ม ‘บุรีรัมย์’ คว้าชัยพร้อมแจ้งเกิด ‘ธวัชชัย’ เต็มตัว
ข่าวและบทความล่าสุด