‘อุ้ม-ธีราทร’ จากตัวร้ายสู่พระเอกว่าที่ตำนาน ‘นักเตะทีมชาติไทย’ ติดธงครบ 100 นัด
นักเตะไทยคนแรกที่ประสบความสำเร็จเป็นแชมป์ เจ ลีก กับสโมสร โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส ที่เคยเป็นอดีตแข้งที่กล้าย้ายข้ามฟากจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาสู่สโมสรคู่ปรับใน ไทย ลีก อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด แถมสามารถวนเวียนกลับไปสู่อ้อมอก ปราสาทสายฟ้า พร้อมการต้อรับจากแฟนๆ อย่างอบอุ่น อาจเป็นนิยามสั้นๆ ของยอดพ่อค้าแข้งที่ชื่อว่า ‘อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน’ ที่จบลงแค่ไม่กี่ประโยค
อย่างไรก็ตาามสตอรี่ชีวิตการเป็นพ่อค้าแข้งของ อุ้ม ในอีกหลายมุมมอง ใช่ว่าเขาจะได้ความสำเร็จทุกอย่างมาง่ายๆ จำเป็นต้องฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามต่างๆ นาๆ ที่เจ้าตัวต้องแบกรับไว้เพียงคนเดียว จนอีกไม่กี่วันนี้เกียรติประวัติเพิ่มเติมของเขา จะกลายเป็นนักเตะทีมชาติไทยที่ติดธงรับใช้ทัพช้างศึกครบ 100 นัด รายต่อไปคนที่ 5 ต่อจาก เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธีรศิลป์ แดงดา, ธชตวัน ศรีปาน, ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน และ ดัสกร ทองเหลา หลังเสร็จภารกิจ เอเชียน คัพ ที่ต้องเจอกับ ทีมชาติโอมาน
วลีที่ว่า จากซีโร่ทูฮีโร่ อาจไม่ใช่เรื่องเกินจริงสำหรับ อุ้ม-ธีราทร เรื่องราวของเขาก้าวจากจุดต่ำสุดมาสู่จุดสูงสุดของ ทีมชาติไทย ได้อย่างไร? ติดตามได้ในบทความนี้
เจ้าพ่อดราม่า
หากวัดกันที่ภาพลักษณ์ภายนอกและพฤติกรรมบางอย่างนอกสนามที่เป็นข่าวลือบ้างจริงบ้าง ฉายา ‘โก๋อุ้ม’ ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะทาง ธีราทร ก็มีความเป็นตัวปั่นตัวป่วน ตัวเรียกแขกของจริง จากสไตล์การเล่นที่ทุ่มเทและมีแพสชั่นที่เต็มเปี่ยม จนแสดงออกมาทางกริยาว่า ‘ไม่กลัวใครหน้าไหน?’
อย่างไรก็ตามหากเล่นอยู่ในลีกหรือรายการในบ้านเกิด อุ้ม อาจมีออร่าในการถูกปกป้องมากเป็นพิเศษกว่าคนอื่นๆ เล็กน้อย ด้วยการแสดงออกที่มีความเก๋าประสบการณ์ในตอนนี้ แต่ถ้าหากย้อนกลับไปในสมัยที่เขายังเป็นดาวรุ่ง ถูกคาดหวังว่าจะเป็น ‘นิว-ดุสิต เฉลิมแสน’ เพิ่งรับใช้ทีมชาติไทยช่วงแรกๆ เขาก็เจอรับน้องหนักไม่น้อย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นระยะเวลาห่างกันเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2011 ธีราทร นับเป็นกำลังสำคัญของ ทีมชาติไทย ไม่ว่าทีมชุดไหนก็ต้องการตัวไปช่วยทุกรายการ ซึ่งในเวลานั้นชุดใหญ่มีการเรียกตัวเขาไปช่วยเล่นในรายการ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย นัดสำคัญที่ต้องออกไปเยือน ซาอุดิอาระเบีย ส่วนทีมชาติอีกชุดก็ต้องเดินทางไปแข่งขันรายการ ซีเกมส์ ที่มีโปรแกรมพบกับ อินโดนีเซีย ในเวลาเพียง 2 วันให้หลัง
ปรากฎว่าผลงานในเวทีบอลโลก ไทย บุกพ่าย เศรษฐีน้ำมัน ไปแบบสู้ไม่ได้ 0-3 พร้อมกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวที่แจกใบแดงให้กับ อุ้ม ช่วงท้ายเกม แล้วอีกไม่กี่วันยต่อมาเขาก็ต้องเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม โดนสองใบเหลืองกลายเป็นใบแดง อยนู่ในสนามได้เพียง 12 นาที ซึ่งผลจบลงด้วยการพ่าย อิเหนา 1-3 บนเวทีชิงแชมป์ภูมิภาคอาเซียน
กระแสของแฟนบอลไทยในตอนนั้น ที่ขึ้นชื่อเรื่องการด่าไม่เลือก พุ่งเป้าไปที่แพะรับบาปอย่าง ธีราทร เต็มๆ เพราะต้องยอมรับตามตรงว่า เจ้าตัวในช่วงวัยรุ่นค่อนข้างมีความห้าวและการแสดงออกที่มีความหัวร้อนชัดเจนอยู่ไม่น้อย ซึ่งหลังจากโดนโจมตีหนักมากๆ ตัวของเขาก็รู้สึกท้อจนออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"ผมรู้สึกท้อสุดๆ เล่นแล้วก็โดนด่าจนถึงขนาดไปปรึกษาพ่อเพื่อขอเลิกเล่นทีมชาติ แต่พ่อบอกว่าตนเองอุตส่าห์ตามรับตามส่งผมตั้งแต่เด็กหมดเงินเสียเวลาไปไม่รู้เท่าไหร่ ยอมเหนื่อยมาโดยตลอดจะมาเลิกแค่นี้ได้ยังไงให้คิดดูดีๆ ผมจึงตัดสินใจสู้ต่อ"
แต่ด้วยพัฒนาการฝีเท้าของเขา, วินัย และการควบคุมอารมณ์ที่โตขึ้นตามวัย ไม่ว่า ทีมชาติไทย จะเปลี่ยนผ่านกุนซือมากี่คนต่อกี่คน อาทิ ซิโก้, วินเฟร็ด เชเฟอร์, อากิระ นิชิโนะ, มาโน่ โพลกิ้ง หรือแม้แต่ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่เคยมีประเด็นข่าวลือเรื่องการถูกันเป็นการส่วนตัว อุ้ม ก็ยังคงเป็นตัวหลักให้กับทัพ ช้างศึก อยู่เสมอ แล้วก็รับบทบาทเป็นกัปตันทีมอยู่ในปัจจุบัน ด้วยความเป็นมืออาชีพและผู้นำที่เหลือล้น
การติดทีมชาติไทยของ อุ้ม การันตีได้เลยว่า ไม่ได้มาเพราะเส้นสายหรือชื่อเสียงเก่า แต่เป็นผลงานกับสโมสรที่อยู่กับทีมไหนก็พาทีมเป็นแชมป์ได้เกือบหมด ไม่ว่าจะเป็น บุรีรัมย์, เมืองทอง หรือย้ายไปเล่นนอกประเทศกับ มารินอส ก็ทำให้เห็นกันมาแล้วว่า ฝีเท้าของเขาอยู่ในระดับท็อปของประเทศไทย จับถ้วยแชมป์มาแล้วหลายรายการกว่าเกินกว่า 30 ครั้งในระดับสโมสร
ส่วนเกียรติประวัติในนามนักเตะ ทีมชาติไทย พาทีมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 1 สมัย, แชมป์เอเอฟเอฟ แชมเปี้ยนชิพ 3 สมัย และ คิงส์ คัพ 2 สมัย ติดทีมยอดเยี่มตลอดกาลของรายการนี้, เคยได้รับเลือกเป็นผู้เล่นทรงคุณค่าในปี 2012 และทีมยอดเยี่ยมในปี 2012 และ 2022 แถมยังได้รับเลือกจากสมาพันธ์ฟุตบอลอาเซียนให้ติดทีมยอดเยี่ยมในปี 2013
อย่างไรก็ตาม อุ้ม ก็ยังสลัดเรื่องของดราม่าไม่พ้น แม้ว่าแฟนบอลบางส่วนจะเปลี่ยนจาก กองแช่ง มาเป็น กองอวย เนื่องจากยังคงมีประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ให้ต้องมาขบคิดเลือกฝั่ง เริ่มตั้งแต่กรณีการเลือกปฏิเสธการเดินทางมาเล่นให้กับ ทีมชาติไทย ช่วงที่ยังค้าแข้งอยู่กับ มารินอส จากเหตุผลทางด้านครอบครัว ซึ่งเมื่อเทียบกับเคสของ เอกนิษฐ์ ปัญญา แล้วนั้น ธีราทร โดนโจมตีน้อยกว่ากันเยอะมาก เพราะความสำเร็จต่างๆ และดีกรีที่ปกป้องตัวเขาไว้
ส่วนเรื่องการปะทะในสนามที่ลุกลามนอกสนามกับ จีโอ้-จักรกริช พาละพล ที่มีปากเสียงกันเมื่อไม่นานมานี้ สุดท้ายแล้วด้วยความเป็นมืออาชีพและสายสัมพันธ์แบบรุ่นพี่รุ่นน้อง ก็สามารถเคลียร์กันได้ลงตัวด้วยรอยยิ้ม เพราะต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่า ช่วงเวลานั้นมันเป็นแค่ ‘อารมณ์’ ในเกม
ภารกิจฉลองติดธง 100 นัด
แน่นอนว่าเกมกับ โอมาน ถือเป็นเกมประวัติศาสตร์ของ ธีราทร ซึ่งทางผู้จัดการทีมอย่าง มาดามแป้ง ก็ได้มีการส่งเสื้อนับถอยหลังครบ 100 นัดไปถึงมือกัปตันทัพช้างศึกเป็นการยินดีล่วงหน้าไปแล้ว แต่ภารกิจของเขายังไม่จบลง
แม้ว่า ทีมชาติไทย จะประเดิมรายการนี้ได้สวยด้วยการเอาชนะ คีร์กรซสถาน ไปได้นิ่มๆ 2-0 แต่เกมนัดชี้ชะตาว่าจะเข้ารอบต่อไปหรือไม่? นั้นเป็นเกมนัดถัดไปกับ โอมาน ซึ่งราวกับเป็นการเขียนบทปูทางพิสูจน์การเป็น ฮีโร่ อีกครัังของ ธีราทร
โดยก่อนหน้านี้ อุ้ม เคยให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมและเป้าหมายของทีมเอาไว้ว่า
"เรามีการเตรียมทีมที่ดี ทุกคนตั้งใจเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจที่จะลงเล่นในรายการนี้ เรื่องเวลาที่ค่อนข้างต่างกัน เท่าที่ดูทุกคนไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สามารถปรับตัวได้ดี พร้อมที่จะสนุกกับฟุตบอลในสนาม”
“เรามุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อม ผลักดันกันและกัน มีสปิริตทีมที่ดี เป็นหนึ่งเดียวกันตั้งแต่มาถึงกาตาร์ และจะไปถึงเป้าหมายที่คาดหวังไว้ในทัวร์นาเมนต์นี้"
สุดท้ายแล้วต่อให้ผลงานของ ทีมชาติไทย จะลงเอยด้วยความสมหวังตามที่ตั้งเป้าไว้ได้หรือไม่ก็ตาม สิ่งที่ ธีราทร ได้บันทุึกประวัติศาสตร์เอาไว้ให้กับทัพ ช้างศึก จะไม่มีวันลบเลือนไปจากความทรงจำของแฟนบอลจากรุ่นสู่รุ่นไปอย่างแน่นอน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://en.wikipedia.org/wiki/Theerathon_Bunmathan
https://www.espn.com/soccer/match/_/gameId/332334/thailand-saudi-arabia
https://pantip.com/topic/34439342
https://en.wikipedia.org/wiki/Theerathon_Bunmathan
https://www.siamsport.co.th/football-thailand/thai-national/41939/