long-read

Lists

Think Curve

คิดไซด์โค้ง

ฟุตบอลไทย

บอลไทย

มาปุ๊ปร้อนปั๊ป : 7 แข้งไทยลีกที่ย้ายทีมเลก 2 แล้วปังทันที

ตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีกในเลกที่ 2 นี้จะเป็นการซื้อขายที่ค่อนข้างจะเอาจริงเอาจังสำหรับทุกทีมเนื่องจากหลาย ๆ ทีมต้องการที่จะคว้านักเตะฝีเท้าดีมายกระดับทีมในการแข่งขันในเลกที่ 2 ซึ่งหลายทีมกำลังอยู่บนเส้นทางการล่าแชมป์ และบางทีมกำลังหนีตายจากโซนตกชั้น

วันนี้พวกเรา Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะพาทุกท่านย้อนเวลาไปชมดีลสุดปังที่ย้ายมาปุ๊บฟอร์มดีปั๊บของเหล่านักเตะในไทยลีก

ธีราทร บุญมาทัน จาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไป เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (2016)

เรียกว่าการย้ายทีมของ ธีราทร บุญมาทัน ในสมัยนั้นเป็นดีลแห่งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทยเลยก็ว่าได้ เมื่อเขาย้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สโมสรที่เขาเติบโตขึ้นมา ไปร่วมทีมอริอันดับหนึ่ง คือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ชนิดช็อคแฟนบอลทั่วประเทศ ในเลกที่ 2 ของ ฤดูกาล 2016

ซึ่งในฤดูกาลนั้นการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก จะตัดจบการแข่งขันหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จสวรรคต ทำให้ “กิเลนผยอง” คว้าแชมป์ไทยลีกไปครอง

และฤดูกาลต่อมา ธีราทร จะไม่สามารถพาทีม “กิเลนผยอง” คว้าแชมป์ไทยลีก แต่ก็สามารถพาทีมกวาดแชมป์บอลถ้วย อาทิ แชมป์ไทยแลนด์แชมเปี้ยนคัพ, ไทยแลนด์แชมเปี้ยนส์คัพ, แม่โขง คลับแชมเปี้ยนส์ ชิพ และโตโยต้าลีกคัพ ไปครอง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ก่อนย้ายไปเล่นในเจลีก กับ วิสเซิล โกเบ และโยโกฮาม่า เอฟ มารินอส พร้อมกลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่คว้าแชมป์เจลีกได้สำเร็จ เรียกว่าการย้ายทีมในครั้งนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตการค้าแข้งของ ธีราทร บุญมาทัน อย่างแท้จริง

อิคห์ซาน ฟานดี้ จาก เอฟเค เจิร์ฟ ประเทศนอร์เวย์ ไป บีจี ประทุม ยูไนเต็ด (2022)

การมาของ อิคห์ซาน เรียกได้ว่าเข้ามาเติมเต็มอาวุธในแนวรุกของ เดอะ แรบบิท อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าหน่วยทะลวงฟันของ บีจีฯ จะอัดแน่นไปด้วยแข้งเทพอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้, ธีรศิลป์ แดงดา และเจนรบ สำเภาดี หรือจะเป็นพวกตัวจี๊ดอย่าง ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ อยู่แล้ว

แต่การมาของ อิคห์ซาน แตกต่างกันออกไป โดยเขาเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าที่รวดเร็ว แข็งแกร่งตามแบบฉบับของนักเตะที่โตมากับระบบฟุตบอลจากยุโรป และจบสกอร์ได้เฉียบขาด

อิคห์ซาน ได้รับการพูดถึงอย่างมากหลังโชว์ฟอร์มเทพในเกมที่ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด เปิดบ้านถล่ม พีที ประจวบ เอฟซี ขาดลอย 7-2 ศึกรีโว่ ไทยลีก 2021-22 นัดที่ 28 โดยแข้งทีมชาติสิงคโปร์รายนี้ซัดคนเดียว 4 ประตู จนทำให้จารึกสถิติเป็นแข้งยิง 4 ประตูได้เร็วที่สุดในไทยลีก รวมถึงเป็นนักเตะจากชาติอาเซียนคนแรกที่ทำได้

เขาทำสถิติยิงเฉลี่ยต่อนาทีที่ลงเล่นมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ 8 ประตูต่อ 98 นาที ในศึกไทยลีกจากการนับสถิติแข้งที่ฟาดแข้งอย่างน้อย 10 เกม

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสถิติสำคัญ เพราะ อิคห์ซาน ยังจารึกสถิติเป็นนักเตะยิงประตูเฉลี่ยต่อนาทีที่ได้รับโอกาสลงสนามในศึกไทยลีก 2021-22 มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ยิง 1 ประตูทุก ๆ 98 นาที (8 ประตู จาก 780 นาที) เป็นรองเพียง ชนานันท์ ป้อมบุษผา อดีตศูนย์หน้าทีมชาติไทยที่ปัจจุบันค้าแข้งกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เพียงรายเดียวที่ ยิง 1 ประตูทุกๆ 86 นาที (4 ประตู จาก 344 นาที)

นอกจากนี้ อิคห์ซาน เป็นนักเตะในโควต้าอาเซียน คงทำให้ โค้ชโอ่ง ดุสิต เฉลิมแสน จัดนักเตะในแนวรุกได้อย่างเต็มสูบ หากเกมไหนต้องการโรเตชั่นนักเตะที่อายุเยอะอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ หรือ ธีรศิลป์ แดงดา ยังสามารถทำได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องกังวลเรื่องโควต้าลงสนามอีกด้วย

ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต จาก ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ประเทศมาเลเซีย ไป บีจี ประทุม ยูไนเต็ด (2020)

ตลอด 4 ฤดูกาลที่เขาอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จอมซัลโวอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ทำประตูไปได้ทั้งหมด 119 ประตู และลงสนามในทุกรายการไปทั้งหมด 139 นัด ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายออกไปยังสโมสร ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม สโมสรดังของประเทศมาเลเซียในเวลาต่อมา

จากนั้นในฤดูกาล 2020/2021 เขาตัดสินใจกลับมายังไทยลีก ลีกของประเทศไทยที่เจ้าตัวคุ้นเคยอีกครั้ง แต่การกลับมาครั้งนี้ของเจ้าตัวตัดสินใจกลับมาในฐานะนักเตะของสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พร้อมกับเป็นนักเตะแกนหลักที่ทำให้สโมสรก้าวขึ้นสู่การเป็นแชมป์ไทยลีกตั้งแต่ปีแรกที่เขาเดินทางกลับมาเล่นในไทยลีกหนต่อมา ลงเล่นไป 52 นัด 23 ประตู กับ เดอะ แรบบิท

ทุกอย่างเหมือนกำลังจะไปได้สวย เขาได้รับรางวัลมากมายในชีวิตจากการค้าแข้งในไทยลีกตลอดเกือบ 7 ปี

แต่แล้ว วันเวลาเดินไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลา อายุก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น จนเมื่อสิ่งนี้เดินทางเข้าสู่ฤดูกาล 2022/23 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับเขานั่นคือ โอกาสในการลงเล่นที่ลดลง เพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น

และเขาได้ทำการแจ้งไปยังสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต้นสังกัดของเขาในทันทีว่า เขายังพร้อมลงเล่นในสนามอยู่เสมอ แต่การคุยกันของเขาและสโมสรในครั้งนั้นกับได้ผลลัพธ์ที่ต่างไป จากที่เขาต้องการได้รับ ทำให้ทางที่ดีที่สุดคือการแยกทางกันในวันที่ยังรักกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

เหตุการณ์การแยกทางของเขากับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด จึงเกิดขึ้นในที่สุด พร้อมกับสัญญาที่ว่าห้ามเล่นในไทยลีกต่อในช่วง เลก 2 กับทีมไหนในไทยลีกอีก ทำให้เจ้าตัวจึงตัดสินใจเดินทางกลับบราซิลในทันที พร้อมกับอนาคตที่ยังไม่มีใครรู้ว่า เขาจะวนกลับมาที่ไทยลีกเป็นหนที่ 3 อีกครั้งหรือไม่

เปาโล รานเกล จาก อีซี เจา โฆเซ่ ไป เมืองทอง ยูไนเต็ด (2012)

รานเกล เจ้าของส่วนสูง 188 ซม. มีผลงานที่ดีทีเดียวกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เมื่อเจ้าตัวทำไป 12 ประตู จาก 24 เกม และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ไทยลีกแบบไร้พ่ายไปครองได้สำเร็จ

แม้ รานเกล เป็นคีย์แมนคนสำคัญเคียงข้าง มาริโอ ยูรอฟสกี้ และ ธีรศิลป์ แดงดา พาทีมสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกแบบไร้พ่ายเป็นทีมแรกของประเทศ ทว่าภายหลังจากจบฤดูกาลดังกล่าว แม้จะมีผลงานเข้าขั้นยอดเยี่ยมและ เจ้ามุ้ย เคยยกย่องเจ้าตัวให้เป็นนักเตะในตำแหน่งกองหน้าที่จับคู่กับเขาได้ดีที่สุด แต่สุดท้ายแข้งบราซิเลียนกลับไม่มีที่ยืนในถิ่น เอสซีจี สเตเดี้ยม ต่อไป เพราะการมาของ โรลันด์ ลินซ์ อดีตหัวหอกทีมชาติออสเตรียทำให้ไม่เหลือพื้นที่ต่างชาติในตำแหน่งศูนย์หน้าให้เขา

อย่างไรก็ตาม รานเกล เล่นกับทีมแค่เพียงฤดูกาลเดียว และเจ้าตัวก็เริ่มการพเนจร ด้วยการไปเล่นกับ เปรัก เอฟเอ (มาเลเซีย), เซลังงอร์ (มาเลเซีย), ตรังกานู เอฟซี (มาเลเซีย), ยะโฮร์ (มาเลเซีย), ลอนดริน่า (บราซิล), นครราชสีมา มาสด้า, เคดาห์ (มาเลเซีย) ก่อนจะกลับไปเล่นยังลีกบ้านเกิดที่บราซิล

เฮแบร์ตี้ แฟร์นานเดส จาก อัล-ชาบับ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ไป เมืองทองยูไนเต็ด (2017)

ฉายา ซ้ายปีศาจ ไม่ได้มาง่าย ๆ เขาเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของไทยลีกด้วยการยิงไปทั้งหมด 154 ประตูนำอันดับสองอย่าง เคลตัน ซิลา ซึ่งเลิกเล่นไทยลีกไปแล้ว อยู่ 10 ประตู ซึ่งเขาเป็นมาหมดแล้วทั้ง ดาวซัลโวไทยลีก และ ดาวซัลโวตลอดกาล แต่เขาก็ยังไม่เคยได้ลิ้มรสของการเป็นแชมป์ไทยลีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว

แม้จะเคยอยู่ 3 ทีมใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี หรือ ทรู แบงค็อก ในปัจจุบัน แต่ทุกทีมที่ว่ามาไม่เคยได้แชมป์เลย โดยแชมป์เดียวที่เคยได้คือ ลีกคัพ 2017 กับ เมืองทองฯ

บิลล์ โรซิน่า อมาซิโอ้ จาก ราชบุรี เอฟซี ไป เชียงราย ยูไนเต็ด (2018)

เขาเริ่มเล่นไทยลีกด้วยวัย 34 ปี กับ ราชบุรี มิตรผล ในปี 2018 ทำไป 6 ประตู 4 แอสซิสต์ และย้ายไปอยู่กับ เชียงรายฯ ในปี 2019 เขาลงสนามให้กับเชียงราย 127 นัด ยิงไป 85 ประตู รวมทุกรายการ เรียกได้ว่าอายุไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาจริง ๆ

เขายังเป็นส่วนสำคัญช่วย กว่างโซ้งมหาภัย คว้าแชมป์ช้าง เอฟเอ คัพ 2020 สมัยที่ 3 มาครอง พร้อมตำแหน่งดาวซัลโวร่วมกับ เอลิอันโดร กอนซากา ด้วยผลงาน 8 ประตู ทำให้ฤดูกาลนี้ เขากดไปทั้งสิ้นถึง 28 ประตูจาก 39 นัดรวมทุกรายการ

แถมเขายังคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ กับ สิงห์ เชียงราย และสถานปนาตัวเองขึ้นไปเป็น แชมป์ ไทยลีก กับ กว่างโซ้ง พ่วงด้วย แชมเปี้ยนส์คัพ ในเวลาต่อมา

บาร์รอส ทาร์เดลลี่ จาก ซูวอน เอฟซี ประเทศเกาหลี ไป หนองบัวพิชญ เอฟซี (2022)

เขาเริ่มต้นจากการเล่นโต๊ะเล็กในปี 2015 เลกแรก ชื่อของ บาร์รอส ทาร์เดลี่ ถูกบรรจุในลีกไทยกับตำแหน่งดาวยิง ศรีปทุม-ศรีสะเกษ ในศึกฟุตซอลไทยลีก โดยมี ดร.โสภิต ภาโนมัย รองอธิการฝ่ายสำนักงานการกีฬามหาวิทยาลัยศรีปทุม และ "โค้ชเอก"เศรษฐกรชัย ชื่นตา กุนซือใหญ่ที่มอบเสื้อหมายเลข 9 ให้กับเขา

เลกสอง ย้ายจากสนามเล็กไปใส่สตั๊ดเล่นสนามใหญ่ จากทีมฟุตซอลศรีปทุม-ศรีสะเกษ ไปเล่นฟุตบอล 11 คนกับทีม ปลาทูคะนอง สมุทรสงคราม บีทียู เอฟซี ในศึกดิวิชั่น 1 จบอันดับ 12

และในปี 2016 ย้ายร่วมทีมกระบี่ เอฟซี ทีมร่วมลีกดิวิชั่น 1 ส่วนเลกสองเกิดเรื่องฉาว โดนแบน 7 นัด จากกรณีพุ่งชนผู้ช่วยผู้ตัดสินและกรณีทำลายป้ายโฆษณาในเกมที่บุกเสมอ นครปฐม ยูไนเต็ด 1-1 พากระบี่ เอฟซีจบอันดับ 10

และมาถึงจุดเปลี่ยนในปี 2017 เขาย้ายเล่นให้ ช้างขาวเจ้าเกาะ ตราด เอฟซี ฤดูกาลแรกฟอร์มก็เปรี้ยงปร้าง ยิง 18 ประตูให้ตราด เอฟซี จบอันดับ 4 ดาวซัลโวไทยลีก 2 แต่ผลงานตราด เอฟซีไม่ดีเท่าไหร่ รอดตกชั้นหวุดหวิดในอันดับ 15

และในปีถัดมาชีวิตเหมือนหนังคนละม้วน บาร์รอส พา ช้างขาวเจ้าเกาะ ตราด เอฟซี จบรองแชมป์ไทยลีก 2 พร้อมคว้าสิทธิ์เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก2019 อีกทั้งยังคว้าดาวซัลโวไทยลีก 2 ด้วยผลงาน 21 ประตู

แถมเขายังทำสถิติยิงไม่ต่ำกว่า 18 ประตู 4 ฤดูกาลติดต่อกันในฤดูกาล 2018-2021 อีกด้วย

หลังย้ายมาอยู่กับ หนองบัวพิชญฯ เขาลงเล่นรายการไทยลีกไปทั้ง 29 นัด ยิงไป 12 ประตู ผลค่อยข้างดีทีเดียวสำหรับดาวยิงชาวบราซิลคนนี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

เป้าที่ไม่ได้ตั้งเล่น ๆ : ญี่ปุ่น จะทำอะไรต่อเพื่อแผนเป็นแชมป์โลกปี 2050 ?

ศิษย์-อาจารย์, เพื่อน, คู่แข่ง : ญี่ปุ่น-เยอรมัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งผ่านฟุตบอล

อาวุธลับที่หายไป : เพราะเหตุใดทีมชาติญี่ปุ่นยุคหลังจึงไม่มีจอมสังหารฟรีคิก?

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด