วากาบายาชิ เก่งขนาดนี้ : แต่ทำไมญี่ปุ่นยังไม่มีผู้รักษาประตูระดับโลก ?

วากาบายาชิ เก่งขนาดนี้ : แต่ทำไมญี่ปุ่นยังไม่มีผู้รักษาประตูระดับโลก ?
admin

ถ้า โอโซระ สึบาสะ เป็นแรงบันดาลใจให้ญี่ปุ่นผลิตกองกลางสู่ระดับโลกได้มากมาย แล้วทำไม วากาบายาชิ เก็นโซ อีกหนึ่งตัวละครเด่นในตำแหน่งผู้รักษาประตูจอมเซฟ จึงยังทำไม่สำเร็จ

ติดตามได้ที่นี่ 

ขาดคนสอนสั่ง

มันเป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่น่าจดจำสำหรับ ไซออน ซูซูกิ เมื่ออุตสาห์ปัดบอลจากลูกโหม่งของผู้เล่นบาห์เรนได้แล้ว แต่จังหวะไปคว้าดาบสอง ดันทำบอลหล่นใส่หัว อายาเสะ อูเอเดะ ที่มาช่วยเกมรับ เข้าประตูตัวเองไป 

แม้ว่าสุดท้าย อูเอดะ จะมาแก้ตัว ยิงประตูปิดกล่องให้ ญี่ปุ่น เอาชนะไปได้ 3-1 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่ ซูซูกิ ก็ยังไม่สามารถเก็บคลีนชีทให้ตัวเองได้เลย และถูกวิจารณ์ว่านี่อาจจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ญี่ปุ่นไปไม่ถึงแชมป์ 

อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่ปัญหาใหม่ เพราะที่จริงซามูไรบลู ก็มีปัญหาในตำแหน่งผู้รักษาประตูมาอย่างช้านาน แม้ว่าพวกเขาจะโกลฝีมือดี ที่สามารถออกไปค้าแข้งในต่างแดนอย่าง โคซูเกะ นาคามูระ, ดาเนียล ชมิดต์ หรือ เออิจิ คาวาชิมะ ที่เพิ่งย้ายกลับมาเล่นในเจลีก แต่ไม่มีใครสามารถก้าวไปถึงระดับโลกได้เลย 

มันช่างแตกต่างจากตำแหน่งอื่น โดยเฉพาะกองกลาง ที่ขุนพลซามูไรสามารถสร้างผู้เล่นฝีเท้าเยี่ยมให้โลกได้เห็นมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น ชินจิ คางาวะ, ฮิเดโตชิ นาคาตะ หรือทีมชาติญี่ปุ่นในปัจจุบันอย่าง ทาเคฟุสะ คุโบะ และ คาโอรุ มิโตมะ 

และมันก็ทำให้เกิดคำถามว่า หาก โอโซระ สึบาสะ จากมังงะกัปตันสึบาสะ มีอิทธิพลช่วยให้ฟุตบอลญี่ปุ่นสามารถผลิตมิดฟิลด์ระดับท็อปได้มากมาย แล้วทำไม วากาบายาชิ เก็นโซ ผู้รักษาประตูเจ้าของฉายา SGGK (Super Great Goalkeeper) ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องจึงทำไม่สำเร็จ 

รูปร่างอาจจะเป็นสิ่งแรกที่หลายคนนึกถึง ซึ่งในอดีตก็ไม่ผิด เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ส่วนสูงเฉลี่ยของโกลญี่ปุ่นจะอยู่ที่ราว 185 เซนติเมตรเท่านั้น แต่ปัจจุบันนายด่านญี่ปุ่นมีร่างกายที่ดีขึ้น เห็นได้จากผู้รักษาประตูทั้ง 3 คนในเอเชียนคัพ 2023 ของพวกเขาล้วนสูงเกิน 190 เซนติเมตรทั้งสิ้น   

ดังนั้นปัญหาที่แท้จริง อาจจะไม่ใช่ส่วนสูง แต่เป็นเรื่องคุณภาพ ดิโด ฮาร์ฟนาร์ อดีตผู้รักษาประตูชาวเนเธอร์แลนด์ ที่เคยค้าแข้งในญี่ปุ่นทั้ง นาโงยา แกรมปัส, จูบิโล อิวาตะ และซานเฟรชเช ฮิโรชิมา รวมถึงเป็นโค้ชให้หลายทีมในเจลีก บอกว่าญี่ปุ่นยังขาดแคลนผู้มีประสบการณ์ตรงที่จะมาสอนรุ่นน้อง

เพราะหากมองหาอดีตผู้รักษาประตูที่เคยมีประสบการณ์อย่างโชกโชนในยุโรป ชั่วโมงนี้ก็มีเพียงรายเดียวคือ คาวาชิมะ ที่ลงเล่นในยุโรปมากว่า 260 นัด แถมส่วนใหญ่ยังเล่นการเล่นในลีกเกรดรองอย่าง เบลเยี่ยม และฝรั่งเศส 

“ปัญหามันมีมากขึ้นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขายังดีไม่พอ”  ดิโด้ กล่าวกับ New York Times 

“วิธีที่ดีที่สุดในการเรียนที่จะเป็นผู้รักษาประตูคือเรียนรู้จากผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์ ทั้งในด้านเทคนิคและแทคติกที่ถูกต้อง และสิ่งนี้ยังคงขาดในญี่ปุ่น” 

“ตอนนี้ประเทศที่มีผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์ที่ดีพอ จะสามารถสร้างความแตกต่าง และส่งต่อองค์ความรู้ของพวกเขาได้” 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวของพวกเขา 

จิตใจไม่มั่นคง  

ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกจุดด่างพร้อยของผู้รักษาประตูชาวญี่ปุ่นคือความแข็งแกร่งทางจิตใจ เมื่อเทียบกับโกลระดับโลก เพราะหลายครั้งที่ผู้รักษาประตูทีมชาติญี่ปุ่น ที่โชว์ฟอร์มเซฟในนัดก่อน กลายมาเป็นโกลตรงเป็นตุงในนัดต่อมา 

ยิ่งไปกว่านั้น หากประตูแรกที่เสียไปเป็นความผิดพลาดที่เกิดจากตัวของเขาเอง อาจทำให้พวกเขากู่ไม่กลับ เนื่องจากชาวญี่ปุ่น มีความรับผิดชอบที่สูงมาก โดยเฉพาะความผิดพลาดส่วนตัวที่ทำให้ส่วนรวมต้องเดือดร้อน แต่แนวคิดนี้ก็กลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนมาทำร้ายพวกเขาเอง

PHOTO : Imago

“ผู้เล่นญี่ปุ่นเข้าใจเป้าหมายในการฝึกซ้อมอย่างรวดเร็ว และทำงานหนัก พวกเขาอ่านเกมได้ และมีลักษณะทางกายภาพที่ไม่เลว” แกรี เพย์ตัน อดีตผู้รักษาประตูของอาร์เซนอล ที่เคยทำงานในญี่ปุ่นกับ จูบิโล อิวาตะ, วิสเซล โกเบ และ ชิมิซึ เอสพัลส์ กล่าวกับ Soccer Digest 

“แต่แม้แต่กอนดะ ที่เป็นมือหนึ่งทีมชาติญี่ปุ่น และน่าจะได้ความมั่นใจจากการเล่นทีมชาติตอนกลับมาเล่นให้สโมสร ก็ยังไม่สามารถจัดการกับลูกยิงนอกกรอบเขตโทษในเกมเจลีกได้อย่างใจเย็น” 

“เขาควรจะผ่อนคลายและเยือกเย็น หลังได้รับความมั่นใจ แต่กลับตัดสินใจผิดพลาด และมีสภาพจิตใจที่เหมือนเดิม ก่อนไปเล่นให้ทีมชาติ” 

เพย์ตัน มองว่าสาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากกระบวนการพัฒนาตั้งแต่ระดับเยาวชน ที่หลายทีมในเจลีก มักจะดันผู้รักษาประตูขึ้นมาเล่นตั้งแต่อายุยังน้อย ยกตัวอย่างเช่น กอนดะ ที่ขึ้นมายึดมือหนึ่ง เอฟซี โตเกียว ตั้งแต่อายุ 20 ปี หรือ ซูซูกิ ที่ประเดิมสนามให้ อูราวะ เรดส์ ตั้งแต่อายุ 18 ปี

ข้อเสนอของอดีตโค้ชผู้รักษาประตูอาร์เซนอล ที่อยู่เบื้องหลังโกลระดับโลก ทั้ง เยนส์ เลห์มันน์ และ วอยเซียค เชสนี่ย์ คือควรเน้นการพัฒนาทางด้านจิตใจให้แก่ผู้รักษาประตูชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่มีความอ่อนไหว และต้องพึ่งพาความมั่นใจในระดับเดียวกับความสามารถ 

“เนื่องจากผู้รักษาประตูอยู่ในตำแหน่งที่พิเศษ ดังนั้นเรื่องสภาพจิตใจของพวกเขาจึงพิเศษเช่นกัน เขาสามารถเป็นฮีโรหรือผู้ร้ายก็ได้ จากการเซฟหรือผิดพลาดครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียว” เพย์ตันกล่าว 

“นักจิตวิทยา แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิทยา แต่ก็ยังไม่เข้าใจความยากของการเป็นผู้รักษาประตู นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมีโค้ชมากประสบการณ์เพื่อสนับสนุนผู้รักษาประตู รวมถึงการดูแลทางด้านจิตใจ” 

อย่างไรก็ดี ยังมีปัจจัยภายนอกที่ทำให้พวกเขาไปไม่สุด 

ถูกมองข้าม 

อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ญี่ปุ่นขาดแคลนผู้รักษาประตูฝีเท้าเยี่ยม อาจจะเป็นเพราะตัวพวกเขาเอง ที่ให้ความสำคัญกับตำแหน่งผู้เล่นเอาท์ฟิลด์มากกว่าตำแหน่งนี้ 

แม้ว่าสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น หรือ JFA จะมีโครงการพัฒนาผู้รักษาประตูในชื่อ “โกลคีปเปอร์ โปรเจ็ค” มาตั้งแต่ปี 1998 แต่ในเชิงปฏิบัติ มันกลับเป็นตำแหน่งที่อยู่ในลำดับท้าย ๆ ที่ถูกเน้นย้ำ

“ฟุตบอลญี่ปุ่นเติบโตอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่เจลีกก่อตั้งขึ้น ผู้เล่นจำนวนมากยังย้ายไปเล่นในลีกระดับท็อปของโลก ทั้งเยอรมัน อิตาลี และอังกฤษ” เพย์ตัน กล่าวเริ่ม 

“แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็คิดว่าเราควรโฟกัสเกี่ยวกับการพัฒนาผู้รักษาประตูให้มากกว่านี้ ผู้รักษาประตูเป็นตำแหน่งที่สามารถพัฒนาให้ดีกว่านี้สำหรับทีมชาติญี่ปุ่น ถ้าเราสามารถข้ามผ่านมันได้ เราจะสามารถสร้างทีมที่สร้างความตกตะลึงให้ทั้งโลกได้” 

PHOTO : Kawasaki Frontale

สิ่งนี้สะท้อนได้จากเทรนด์การเลือกใช้ผู้รักษาประตูต่างชาติ ก่อนผู้รักษาประตูญี่ปุ่น ของหลายทีมในเจลีก โดยเฉพาะนายด่านชาวเกาหลี ที่พาเหรดกันมายึดครองลีกญี่ปุ่นในช่วงหลายปีให้หลัง 

“ส่วนสูงเฉลี่ยของผู้รักษาประตูเกาหลีในเจลีกน่าจะประมาณ 190 เซนติเมตร จึงไม่ต้องสงสัยว่าผู้รักษาประตูที่มีรูปร่างดีนั้นน่าดึงดูด และมีข้อได้เปรียบในการแข่งขันอย่างชัดเจน” จอง จีฮุน ผู้สื่อข่าวจาก JoongAng Ilbo กล่าวกับ Yahoo Japan 

“เป็นเรื่องปกติในเจลีกที่จะเห็นพวกเขาตะโกนสั่งผู้เล่นจากแนวหลังเพื่อยกระดับขวัญกำลังใจของทีม และให้คำแนะนำในการควบคุมแนวรับ” 

แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้รักษาประตูต่างชาติ ทะลักเข้ามาแย่งงานโกลญี่ปุ่น มาจากการที่เจลีกไม่มีกฎห้ามสโมสรใช้งานโกลต่างชาติ เหมือนกับลีกจีน หรือเกาหลี ที่ยึดถือข้อห้ามนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อส่งเสริมผู้รักษาประตูท้องถิ่น 

PHOTO : Nagoya Grampus

“ผมไม่เคยเห็นโกลต่างชาติคนไหนสามารถสร้างแรงกระเพื่อมอย่างมหาศาลได้เลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่ผู้เล่นที่สามารถเล่นในพรีเมียร์ลีกได้” เพย์ตัน กล่าว

“แน่นอนว่าไม่มีอะไรผิดกับการใช้นักเตะที่ดีที่สุดในแต่ละตำแหน่ง เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะตกชั้นลงไปเล่นในเจ2 มันมีความกดดันอย่างมหาศาลต่อโค้ช ดังนั้นจึงเข้าใจได้ที่เขาพยายามใช้ตัวช่วยต่างชาติที่สามารถคาดหวังผลงานได้ทันที เหมือนกับตำแหน่งกองกลางและกองหน้า” 

“แต่ผู้รักษาประตูคือตำแหน่งที่สำคัญ ผมทำงานกับอาร์เซนอลมา 15 ปีแล้ว การมีผู้รักษาประตูดี ๆ คือหัวใจสำคัญของทีม” 

เขามองว่าหากเจลีกมีแนวทางในการพัฒนาผู้รักษาประตูที่เข้มข้นกว่านี้ เพื่อสร้างผู้เล่นฝีเท้าเยี่ยมออกมาให้ได้สักคน ก็น่าจะทำให้พวกเขาสามารถยกระดับคุณภาพของผู้เล่นตำแหน่งนี้ได้ 

“ถ้าทีมเจลีกสามารถอดทนและพัฒนาผู้รักษาประตูฝีมือเยี่ยมให้ได้อย่างน้อยหนึ่งคน นี่จะเป็นทรัพยากรที่ใหญ่มากในอนาคต” อดีตโค้ชโกลอาร์เซนอล อธิบาย  

ก็ต้องมารอดูว่าพวกเขาจะทำสำเร็จไหม หรืออีกนานแค่ไหนกว่าที่จะเห็นผู้รักษาประตูชาวญี่ปุ่น เล่นอยู่ในท็อปทีมของลีกใหญ่ในยุโรป เหมือนกับ วากาบายาชิ เก็นโซ ที่เล่นให้ บาเยิร์น มิวนิค ในมังงะกัปตันสึบาสะ

หรือบางทีพวกเขาได้เริ่มไปแล้ว จากการตะบี้ตะบันใช้งาน ไซออน ซูซูกิ เป็นมือหนึ่งของทีมชาติญี่ปุ่นในเอเชียนคัพ 2023 ครั้งนี้ ที่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการณ์ปั้นโกลเลือดซามูไรไปสู่ระดับท็อปก็เป็นได้ 

แหล่งอ้างอิง 

https://www.soccerdigestweb.com/news/detail/id=89787 

https://www.nytimes.com/2011/08/02/sports/soccer/02iht-GOALKEEPER02.html 

https://news.yahoo.co.jp/expert/articles/5ea3a2de4b3e0a3214eb13b6abd76c89f001ab54

https://real-sports.jp/page/articles/708221402431357995/ 

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ