พวกเขาอยู่ที่ไหน ? ตามหา 'แข้งชลบุรี' ชุดแชมป์ไทยลีก 2007
ฟุตบอลไทยลีกฤดูกาล 2023/24 ใกล้ถึงตอนจบเต็มที เหลือโปรแกรมอีกเพียง 2 เกมเท่านั้น หัวตารางไม่น่าจะมีอะไรพลิกไปจากนี้ เนื่องจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องอีกแค่แต้มเดียวเพื่อการันตีตำแหน่งแชมป์
ส่วนสถานการณ์ท้ายตาราง โปลิศ เทโร เอฟซี และ ตราด เอฟซี จองตั๋วลงไปเล่นในไทยลีก 2 แล้ว โควตาตกชั้นจึงเหลืออีก 1 ทีม ซึ่งมีแนวโน้มจะเป็น ชลบุรี เอฟซี เพราะพวกเขาตามหลังทีมในโซนปลอดภัยถึง 4 คะแนน
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า หนึ่งในมหาอำนาจลูกหนังของเมืองไทย ทีมที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นต้นแบบของท้องถิ่นนิยม จนมีส่วนในการปลุกกระแสบอลไทยฟีเวอร์ไปทั่วประเทศ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังจะตกชั้นจากลีกสูงสุด
ดังนั้น Think Curve - คิดไซด์โค้ง จึงขอเปิดซีรี่ส์ "Where are they now : พวกเขาอยู่ที่ไหน ?" ด้วยทีม ชลบุรี เอฟซี ชุดคว้าแชมป์ไทยลีก 2006/07 เพื่อพาทุกคนไปรู้จักกับนักเตะที่พาทีมไปสู่จุดสูงสุดของสมรภูมิลูกหนังเมืองไทย
สินทวีชัย หทัยรัตนกุล
จากเด็กสร้างจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา เขาต้องระหกระเหินไปค้าแข้งกับหลายสโมสร กระทั่งในปี 2007 สินทวีชัย กลับมาเฝ้าเสาให้กับ ชลบุรี เอฟซี และเป็นคีย์แมนพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกมาครองได้ทันที และสร้างชื่อเป็นตำนานของฉลามชลในเวลาต่อมา ปัจจุบัน สินทวีชัย รับบทเป็นนักเตะและผู้ช่วยโค้ชของ โปลิศ เทโร เอฟซี และยังควบตำแหน่งนายกสมาคมนักฟุตบอลอาชีพไทยด้วย
สุรีย์ สุขะ
แบ็คขวาเชิงสูงรายนี้ลงเล่นกับฉลามชลตั้งแต่ปี 2002 เป็นกำลังสำคัญของทีมตั้งแต่ชุดแชมป์โปรวินเชียลลีก จากนั้นพอก้าวขึ้นมาเล่นไทยลีก สุรีย์ ก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนพาทีมคว้าแชมป์ จนมีโอกาสได้เซ็นสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก สุรีย์ ประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2020 ด้วยวัย 38 ปี และย้ายไปอเมริกาเมื่อปีที่แล้ว (2023) โดยไปฝึกงานในร้านอาหารของ มานะ นพเนตร อดีตนายด่านระดับไทยลีก
สุรัตน์ สุขะ
เส้นทางการค้าแข้งไม่ต่างจาก สุรีย์ พี่ชายของเขา อยู่กับทีมชุดคว้าแชมป์โปรวินเชียลลีก 2005 ก่อนต่อยอดขึ้นมาคว้าแชมป์ไทยลีก 2007 สุรัตน์ เป็นนักเตะเอนกประสงค์ เล่นได้ทั้งกองหลังและกองกลาง จนถูก เมลเบิร์น วิคตอรี่ ดึงไปร่วมทีม และกลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในเอลีก (ออสเตรเลีย) ปัจจุบันเขาผันตัวไปทำธุรกิจค้าขายและร้านขายของชำที่จังหวัดสระแก้ว
ชลทิตย์ จันทคาม
ปราการหลังขาโหดเป็นอีกหนึ่งคนที่อยู่กับ ชลบุรี มาตั้งแต่ชุดแชมป์โปรลีก ด้วยสไตล์การเล่นอันดุดัน ถึงลูกถึงคน ทำให้เขาเป็นคนที่จะขาดไปไม่ได้ในแนวรับชุดแชมป์ไทยลีก ปัจจุบัน ชลทิตย์ ผ่านการอบรมโค้ชดีกรี 'บี ไลเซนซ์' และผ่านงานคุม ราษีไศล ยูไนเต็ด ทีมในไทยลีก 3 มาแล้ว ก่อนจะกลับมาสวมสตั๊ดเตะบอลอีกครั้งกับ ร้อยเอ็ด พีบี ยูไนเต็ด เมื่อปลายปีก่อน ก่อนพาทีมคว้าแชมป์ลีกเซมิ-โปร และแยกทางกันเพราะสัญญาหมด
เกียรติประวุฒิ สายแวว
ว่ากันว่านี่คือหนึ่งในปราการหลังที่มีพรสวรรค์สูงสุดของไทยในยุคนั้น และเป็นสมาชิกของ ชลบุรี เอฟซี ชุดแชมป์ไทยลีก ก่อนได้เซ็นสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ พร้อมกับ สุรีย์ สุขะ แต่น่าเสียดายที่อาชีพของเขาโดนอาการบาดเจ็บพรากไปจนต้องแขวนสตั๊ดในวัยเพียง 32 ปี หลังจากนั้น เกียรติประวุฒิ หันไปเอาดีกับการทำธุรกิจเปิดฟาร์มไก่ชนที่บ้านเกิดจังหวัดอุบลราชธานี และมีช่วงหนึ่งไปรับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมของ วารินชำราบ เอฟซี ทีมในอเมเจอร์ลีก ก่อนล่าสุดเขาจะพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเมื่อปีที่แล้ว
ไพศาล โพธิ์นา
อีกหนึ่งปราการหลังพันธุ์ดุของชลบุรีชุดนั้น เขาถือเป็นกำลังสำคัญในแนวรับของทีมอีกคนในชุดแชมป์ไทยลีก หลังจากเลิกเล่น ไพศาล ผันตัวมาเอาดีกับงานโค้ช เคยเป็นผู้ช่วยของ จเด็จ มีลาภ ที่ การท่าเรือ เอฟซี รับหน้าที่โค้ชใหญ่ของ บ้านบึง เอฟซี ในไทยลีก 3 และปัจจุบันเป็นผู้ช่วยโค้ชที่ พีที ประจวบ เอฟซี
ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์
อดีตกองหลังทีมชาติไทยก็เป็นสมาชิกของทีมฉลามชลชุดแชมป์ไทยลีกด้วยเช่นกัน ประสบการณ์ของเขาช่วยทีมชุดนั้นได้เยอะทั้งในและนอกสนาม ก่อนจะย้ายไปอยู่กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด, บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร) และ แบงค็อก ยูไนเต็ด ปัจจุบันเขาผันตัวมารับงานหน้าจอในฐานะคอมเมนเตอร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก และยังรับงานเป็นโค้ชทีมเยาวชนของกิเลนผยองอีกด้วย
เจษฎากร เหมแดง
ฟูลแบ็คจอมขยันถือเป็นอะไหล่ชั้นดีของ ชลบุรี ชุดนั้น แม้ว่าโอกาสลงเล่นจะไม่มาก เพราะมีรุ่นพี่อย่าง สุรีย์ สุขะ ยืนขวางทางอยู่ แต่ทุกครั้งที่ถูกส่งลงสนาม เขาก็ตอบแทนความไว้วางใจจากโค้ชได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน เจษฎากร ผันตัวไปรับงานโค้ชทีมฟุตบอลของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
อดุล หละโสะ
ห้องเครื่องตัวตัดเกมจากพัทลุงคืออีกหนึ่งจิ๊กซอว์ที่พา ชลบุรี คว้าแชมป์ไทยลีก แม้ว่าบทบาทในฤดูกาลนั้นของเขาจะไม่มาก เมื่อเทียบกับคีย์แมนคนอื่น ๆ แต่ถือเป็นมดงานที่คอยช่วยแดนกลางของทีมได้เยอะมาก หลังจากแขวนสตั๊ด อดุล ผันตัวไปเอาดีกับงานโค้ช และเคยก้าวขึ้นมาทัพคุมฉลามชลในฐานะโค้ชรักษาการมาแล้ว ปัจจุบันเขาก็ยังเป็นหนึ่งในทีมสตาฟฟ์โค้ชของ ชลบุรี เอฟซี
อาทิตย์ สุนทรพิธ
เจ้าพ่อลูกยิ่งของฉลามชลชุดนั้น ทีเด็ดของเขาคือการสังหารฟรีคิกอย่างเฉียบคม จนได้รับการฉายาว่า "บาสแฮม" ซึ่งถือเป็นนักเตะที่มีบทบาทกับเกมรุกของ ชลบุรี สูงมาก และมีชื่อบนสกอร์บอร์ดในเกมสุดท้ายของซีซั่นที่ชนะ ธนาคารกรุงไทย 3-2 จนทีมผงาดคว้าแชมป์ไทยลีก ปัจจบุน อาทิตย์ ยังคงโลดแล่นอยู่ในลีกเมืองไทย โดยเล่นอยู่กับ สมุทรสาคร ซิตี้ ในไทยลีก 3 และยังแวะเวียนไปเตะฟุตบอลเดินสายเมื่อโอกาสเอื้ออำนวย
ศราวุฒิ จันทพันธ์
เป็นอีกหนึ่งผลผลิตจากโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ซึ่งถือเป็นแหล่งบ่มเพาะนักเตะชั้นดีของ ชลบุรี เอฟซี เขาแจ้งเกิดแบบเต็มตัวในฤดูกาลนั้น ในวัย 22 ปี เขาคือหนึ่งในกองกลางที่โดดเด่นที่สุดในไทยลีกจนพาทีมไปถึงแชมป์ หลังจากเลิกเล่น ศราวุฒิ ผันไปเอาดีกับงานโค้ชและผ่านการอบรมในระดับ 'เอ ไลเซนซ์' แล้ว ปัจจุบันเขารับบทเป็นผู้ช่วยโค้ชของ อุทัยธานี เอฟซี ในไทยลีก
ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น
เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองที่ฉลามชลจะขาดไม่ได้ ความขยันของเขาในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับ คอยปัดกวาดเกมบุกคู่แข่งหน้าแผงแนวรับช่วย ชลบุรี เอฟซี ได้เยอะมาก ๆ ปัจจุบัน ธีระศักดิ์ ก็กลายเป็นโค้ชที่คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทย โดยล่าสุดเจ้าตัวเพิ่งพา นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เลื่อนชั้นกลับมาเล่นในไทยลีกอีกครั้ง
ภานุวัฒน์ จินตะ
เขาคือกองกลางอนาคตไกลของ ชลบุรี เอฟซี เข้ามาอยู่กับทีมปีกแรกก็คว้าแชมป์ไทยลีกได้ทันที แม้จะไม่ส่วนร่วมกับทีมไม่มาก แต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเตะดีกรีแชมป์ไทยลีก ปัจจุบัน ภานุวัฒน์ วัย 37 ปี ยังคงค้าแข้งอยู่ โดยเล่นกับ คัสตอม ยูไนเต็ด ในฤดูกาลที่ผ่านมา
เกรียงไกร พิมพ์รัตน์
อีกหนึ่งแก๊งวัยละอ่อนของฉลามชล อายุรุ่นราวคราวเดียวกับ ภานุวัฒน์ จินตะ และประสบความสำเร็จกับทีมตั้งแต่ฤดูกาลแรก เกรียงไกร เพิ่งแขวนสตั๊ดไปหลังจบฤดูกาล 2022/23 ปัจจุบันเขากลับมารับใช้ต้นสังกัดเก่าในตำแหน่งโค้ชทีมเยาวชนของ ชลบุรี เอฟซี
พิภพ อ่อนโม้
เขานี่แหละคือศูนย์รวมจิตใจของ ชลบุรี เอฟซี ณ เวลานั้น นอกจากฟอร์มในสนามจะสุดยอด ยิงประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ นอกสนามเขายังเป็นแบบอย่างที่ดีของน้อง ๆ จนสามารถพาฉลามชลปลดล็อคว้าแชมป์ไทยลีก และก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของสโมสรในเวลาต่อมา ปัจจุบัน พิภพ ผันตัวไปเอาดีกับงานผู้ฝึกสอน มีประสบการณ์คุมทีมชาติไทย U16 และตอนนี้กำลังพา ระยอง เอฟซี ลุ้นตั๋วเลื่อนชั้นสู่ไทยลีก โดยจะพบกับ นครศรี ยูไนเต็ด ในนัดชิงชนะเลิศของรอบเพลย์ออฟ
โคเน่ โมฮาเหม็ด
เครื่องจักรถล่มประตูจากไอวอรี่โคสต์คืออาวุธเด็ดของ ชลบุรี เอฟซี ชุดนั้น ผลงาน 15 ประตู จาก 27 เกม การันตีความยอดเยี่ยมของเขาได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งแข้งต่างชาติที่อยู่ในใจแฟนบอลฉลามชล แม้ว่าเขาจะอยู่กับทีมปีเดียว แต่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ไทยลีกได้ เขาพเนจรไปเล่นกับหลายสโมสรในเมืองไทย ก่อนแขวนสตั๊ดกับ แพร่ ยูไนเต็ด ในปี 2016 ปัจจุบันคาดว่า โคเน่ โมฮัมเหม็ด กลับไปอยู่ที่บ้านเกิด แต่เขายังคงถูกจดจำในฐานะแข้งต่างชาติคนแรกที่ยิงในไทยลีกแตะหลัก 100 ประตู
วรวุฒิ ศรีมะฆะ
พี่ใหญ่ของฉลามชลชุดนั้น ประสบการณ์โชกโชนทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติของเขา ช่วย ชลบุรี เอฟซี ไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ เขาอยู่กับทีมแค่ปีเดียว แต่พาทีมคว้าแชมป์ได้ จะบอกว่าเขาเป็นจิ๊กซอว์เติมเต็มทีมก็คงไม่ผิดนัก วรวุฒิ เป็นอีกคนที่มุ่งสู่งานโค้ชหลังจากแขวนสตั๊ด เคยคุมทั้ง ชลบุรี เอฟซี และ ทีมชาติไทย U23 ปัจจุบัน 'โค้ชโย่ง' นั่งตำแหน่งประธานเทคนิคของ โปลิศ เทโร เอฟซี และยังแวะเวียนมาจัดรายการกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง อยู่บ่อย ๆ
จูเลส บาก้า
อีกหนึ่งตัวรุกต่างชาติของ ชลบุรี เอฟซี ชุดนั้น เขากับ โคเน่ โมฮัมเหม็ด คือฝันร้ายของกองหลังไทยลีกยุคนั้น และมีส่วนสำคัญกับการบันดาลใจไทยลีกให้กับทัพฉลามชล จูเลส บาก้า อยู่กับ ชลบุรี 2 ช่วง ในระหว่างปี 2006-2008 และ 2010-2011 โดยลงเล่นกับ สงขลา ยูไนเต็ด เป็นทีมสุดท้ายในเมืองไทยในปี 2014 หลังจากนั้นเขาก็หายไปจากหน้าสื่อจนถึงปัจจุบัน