วิเคราะห์จากข่าว "กองหน้าลูกครึ่งอิตาลี" แข้งใหม่ของ บุรีรัมย์ คือใคร ?
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กำลังมีข่าวลือกับแข้งลูกครึ่งชาวอิตาลี นั่นทำให้ใครหลายคนเดาว่าคน ๆ นั้นจะเป็นใคร
และ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้ทำการค้นหานักเตะสัญชาติอิตาลีที่หมดสัญญาหลังจากซีซั่นนี้ และเป็นฟรีเอเย่นต์ ณ ตอนนี้ ... และนี่คือ 3 คนที่เข้าเค้าว่าอาจจะเป็นบุคคลในข่าวลือนั้น
สเตฟาน โอกาก้า อายุ 33 ปี ตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า
สเตฟาน โอกาก้า มีดีกรีติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่ โดยเป็นสายเลือดชาวไนจีเรีย ปัจจุบันเขาอยู่กับ อิสตันบูล บาซัคเซเฮียร์ ทีมดังในลีกสูงสุดของ ตุรกี โดยในฤดูกาล 2022-23 นี้ผลงานถือว่าน่าประทับใจ แม้จะยิงประตูได้ 7 ลูก ไม่มากมายจนน่าตกใจ แต่ได้ลงเล่นต่อเนื่องมาโดย ลงเล่นทั้งหมด 27 นัดไม่ว่าจะในเกมลีก เกมฟุตบอลยุโรปอย่างยูฟ่า คอนเฟอร์เรนซ์ลีก อีกด้วย
โดยตัวของ โอกาก้า นั้นเคยได้รับการยกย่องให้เป็นวันเดอร์คิดของวงการฟุตบอล อิตาลี โดยเจ้าตัวนั้นถือเป็นเด็กมหัศจรรย์ของสโมสร โรม่า ซึ่งเก่งตั้งแต่ช่วงอายุ ๆ เท่า ๆ กับศุภณัฎฐ์ ตอนขึ้นรุ่น นั่นก็คือช่วง 15-16 ปี โดย โอกาก้า ลงเล่นเกมชุดใหญ่ของ โรม่า ครั้งแรกตอนอายุ 16 ปี 51 วัน ในเกม ยูฟ่า คัพ ในปี 2005 ก่อนที่หลังจากนั้นไม่กี่วัน โอกาก้า ยังสามารถทำประตูแรกของตัวเองในเกม โคปา อิตาเลีย เจอกับ นาโปลี และทำให้เขาเป็นเจ้าของสถิตินักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในรายการด้วยอายุ 16 ปี 121 วัน
แม้จะดูร้อนแรงแต่ปัญหาคือ โอกาก้า ขึ้นรุ่นมาเป็นตัวหลักของทีมไม่ได้ เพราะมีนักเตะตำแหน่กองหน้าอย่าง เมียร์โก วูซินิช, ฮูลิโอ บาปติสต้า, วินเซนโซ มอนเตลล่า และ เจเรมี่ เมเนซ จึงทำให้เขาต้องย้ายออกไปเล่นกับหลายทีมแบบยืมตัว หนึ่งในนั้นคือการไปเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ ฟูแล่ม และยิงประตูในพรีเมียร์ลีกได้ 2 ลูกในเกมกับ วีแกน และ พอร์ทสมัธ
ซึ่งหลังจากนั้นก็ต้องยอมรับตรง ๆ ว่าจากสถิติการลงเล่น โอกาก้า ถือว่าไม่ดีพอที่จะเป็นตัวหลักให้ทีมใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรป เพราะเขาไปเล่นในหลาย ๆ ที่กับทั้ง ปาร์ม่า ซามพ์โดเรีย, วัตฟอร์ด (ยิงประตูใส่ลิเวอร์พูลได้ในฤดูกาล 2017-18) และ อูดิเนเซ่ แต่ถ้าให้ลดระดับลงมาสักหน่อย
สถิติการเล่นของเขาไม่ธรรมาดาโดยในช่วงปี 2015-16 เขาย้ายไปเล่นกับ อันเดอร์เลชท์ ด้วยค่าตัว 3 ล้านยูโร และในซีซั่นนั้นเขายิงไป 15 ประตูในเกมลีกล้วน ๆ นอกจากนี้ยังก้าวขึ้นไปติดทีมชาติ อิตาลี ชุดใหญ่ในช่วงนั้นด้วย (ลงเล่นไป 5 นัดยิง 1 ประตู) ยิงได้ในเกมอุ่นเครื่องกับ แอลเบเนีย
ซึ่งถ้าจะวัดว่าเขาเป็นนักเตะสไตล์ไหนก็คงต้องวัดกันในฤดูกาลที่ โอกาก้า โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุด ว่ากันด้วยเรื่องของสไตล์การเล่นนั้น โอกาก้า นั้นถือเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ขยับออกมายืนริมเส้นได้บ้างในช่วงที่เขายังเป็นหนุ่มอยู่ โดยหลักแล้วจุดเด่นคือเรื่องของความแข็งแกร่งร่างกายสูงใหญ่ 186 เซ็นติเมตร อาจจะไม่ใช่พวกที่ล้างเลื้อยทะลุทะลวง แต่เป็นสายจบสกอร์ที่ยืนตำแหน่งเก่ง อยู่ถูกที่ถูกเวลา แต่ก็ถนัดกับการถอยลงมารับบอลเพราะครองบอลเหนียวแน่น และมีเท้าหนักไม่ใช่เล่น โดยในช่วงที่เล่นกับ อันเดอร์เลชท์ นั้นมีลูกยิงไกลสวย ๆ ให้เห็นไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในฤดูกาลล่าสุดกับ อิสตันบูล สถิติจาก Whoscored อ้างอิงว่า การถอยลงมาเล่นกับเเดนกลางทำให้ โอกาก้า เป็นนักเตะที่เรียกฟาวล์ได้มากที่สุดในบรรดานักเตะกองหน้าทุกคน
สัญญาของ โอกาก้า จะหมดลงหลังจากฤดูกาลนี้จบลง อย่างไรก็ตามสัญญาฉบับล่าสุดของเขานั้นถือว่ามีค่าเหนื่อยหนักพอสมควร เจ้าตัวรับอยู่กับ อิสตันบูล อยู่สัปดาห์ละ 14,000 ยูโร หากตีเป็นเงินไทยจะอยู่ที่เดือนละราว ๆ 2 ล้านบาท
ซาอิด อาเหม็ด ซาอิด อายุ 30 ปี ตำแหน่ง กองหน้าตัวเป้าและตัวรุกทั้ง 2 ข้าง
ซาอิด อาเหม็ด ซาอิด เป็นนักเตะอิตาลีเชื้อสายกาน่า ผ่านประสบการณ์การลงเล่นในอิตาลีมากับ มอนซ่า และ เจนัว แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ก่อนที่จะย้ายไปเล่นกับหลายทีมในยุโรปทั้ง ริโอ อาฟ(โปรตุเกส) ไฮจ์ดุ๊ก(โครเอเชีย) โลเคอเรน(เบลเยี่ยม) ก่อนจะมาเล่นกับสโมสรล่าสุดอย่าง พานเซอร์ไรกอส ทีมในลีก 2 ของประเทศกรีซ
ซาอิด ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกับ โอกาก้า เยอะในแง่ของสไตล์การเล่นเพราะเป็นกองหน้าที่ตัวเล็กกว่า ปราดเปรียวกว่า และมีสถิติเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเฉลี่ย 2 ครั้งต่อ 1 เกมในฤดูกาลล่าสุด ออพชั่นที่น่าสนใจคือเขาสามารถขยับออกมาเล่นปีกได้อย่างไม่เคอะเขิน เพราะเป็นคนเทคนิคดีตามฉบับแข้งเชื้อสายแอฟริกัน มีจังหวะการล็อคหลบ หรือดวล 1-1 เป็นจุดเด่น โดยในการเล่นตำแหน่งปีกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาเขายิงได้ถึง 5 ลูก (จากยิงรวมเกมลีกทั้งซีซั่น 9 ลูก ทำไป 3 แอสซิสต์ ลงเล่น 18 นัด)
สถิติดังกล่าวทำให้เขาเป็น 1 ในตัวท็อปของลีกรองของ กรีซ ทำให้เจ้าตัวเลือกจะไม่ต่อสัญญากับทีมและมองหาทีมใหม่เพื่อคว้าท้าทาย และเพิ่มเงินเดือน เนื่องจากตอนนี้เขาก็อายุ 30 ปีเเล้ว
สัญญาฉบับปัจจุบันของเขาระบุค่าจ้างไว้ที่ประมาณ 7-9 พันยูโรต่อสัปดาห์ (แหล่งข่าวในต่างประเทศระบุไม่ตรงกัน) ซึ่งหากตีเป็นเงินบาทจะอยู่ที่เดือนละ 1.2 ล้านบาท แน่นอนว่านี่เป็นราคาที่ทีมไทยลีกระดับหัวแถวสู้ไหว
ซิโมเน ซาซ่า 31 ปี ไม่มีสโมสร ตำแหน่ง หน้าเป้า-หน้าต่ำ
คนสุดท้ายนี้อาจจะไม่ใช่ลูกครึ่ง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในซีซั่นที่ผ่านมาก็ดูจะเป็นคนที่ไม่ควรตัดทิ้ง เขาคนนี้อาจจะเป็นคนที่อาจจะอยูในความสนใจของหลาย ๆ ทีมโดยเฉพาะทีมจากลีกรอง ๆ ในยุโรป หรือทีมนอกยุโรปที่พร้อมจะจ่ายค่าเหนื่อยก้อนใหญ่ในช่วงท้ายอาชีพ
หากใครติดตามฟุตบอล กัลโช่ เซเรีย อา คงคุ้นชื่อกับ ซิโมเน่ ซาซ่าไม่น้อย เล่นมากับหลายสโมสร ติดทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่มา 18 เกม และลงเล่นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอดไม่ว่าจะกับ ซามพ์โดเรีย, ซัสซัวโล่, ยูเวนตุส และ โตริโน่ (ต้นสังกัดล่าสุดก่อนเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์) นอกจากนี้ยังเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกกับ เวสต์แฮม และ บาเลนเซีย ใน ลา ลีก้า มาแล้ว
จากโปรไฟล์ที่กล่าวมาน่าจะทำให้ ซาซ่า ดีกรีใหญ่กว่าไทยลีก แต่นับตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม ปี 2022 ซาซ่า ถูก โตริโน่ ยกเลิกสัญญาและยังไม่มีทีมเล่นเลยจนกระทั่งวันนี้ นั่นเท่ากับว่าเขาจะขาดเกมไปเกือบ ๆ 1 ปี
ลักษณะการเล่นของซาซ่า เป็นกองหน้าตัวเป้าที่และถอยมาเล่นตัวต่ำได้ เทคนิคดี เเข็งแกร่ง แม้จะไม่เร็วมากแต่มีการยิงที่คม เท้าหนัก และเล่นในกรอบเขตโทษได้ดี โดยเฉพาะลูกกลางอากาศ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นได้ทั้งตัวชงและตัวจบ แต่ถ้าจะเป็นเรื่องการเลี้ยงบอลทะลุทะลวง ด้วยวัยและสไตล์การเล่น ซาซ่า คงไม่ใช่สเป็คนั้น
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องค่าเหนื่อยสุดท้ายที่ ซาซ่า รับกับ โตริโน่ นั้นคือสัปดาห์ละ 30,000 ยูโร หรือตีเป็นเดือนและเงินไทยจะอยู่ที่เดือนละ 4.5 ล้านบาท ... นี่อาจจะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ แต่การขาดเกมไป 1 ปี รวมถึงอายุย่าง 32 ปี ไม่แน่ราคาค่าเหนื่อยของเขาอาจจะลดลงหลายเท่าจนทีมจากไทยลีกพอจ่ายไหวก็ได้ และชื่อของเขาก็ถือว่าขายได้พอสมควร เพราะนอกจากจะเคยผ่านลีกใหญ่มาแล้ว เขายังเคยเป็นที่จดจำในเกมฟุตบอลยูโร 2016 ที่ทีมชาติ อิตาลี เจอกับ เยอรมัน รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่เขาซอยเท้ายิก ๆ เป็นเวลานานแต่สุดท้ายกลับยิงข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น ทุกวันนี้แฟนบอลก็ยังคงหาดูลูกจุดโทษลูกนี้ในยูทูบอยู่เลยด้วยซ้ำ