วิ่งก็ได้สมองก็เยี่ยม : โบรโซวิช, โมดริช, โควาซิช 3 หัวใจของโครเอเชีย
โครเอเชียกลายเป็นจอมเซอร์ไพรส์เจ้าประจำของฟุตบอลโลกไปแล้ว หลังโชว์ฟอร์มหักปากกาเซียน เอาชนะ การดวลจุดโทษกับ บราซิล ไปได้ 4-2 หลังจากเสมอกันในเวลา 1-1
ถือเป็นเกมที่สูสีเเละสู้กันได้อย่างน่าประทับใจมาก ๆ สถิติการครองบอล การเข้าปะทะ การจ่ายบอล เเทบจะออกมาเท่าๆกัน เเต่สุดท้ายกลายเป็น โครเอเชีย ที่นิ่งกว่า ส่งเต็งหนึ่งอย่าง บราซิล กลับบ้าน เเละผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศไปได้
เเละเป็นอีกครั้งหนึ่งที่โครเอเชียสามารถไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก หลังจากเคยสร้างเซอร์ไพรส์ทำได้มาเเล้วในปี 2018 ที่รัสเซีย
อะไรคือสิ่งที่ทำให้โครเอเชียมาได้ไกลขนาดนี้ ติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
แผนที่เหมาะสมกับฟุตบอลทัวร์นาเมนต์
ถ้าสเปน คือทีมที่เชื่อมั่นในปรัชญาการครองบอลเเละทำเกมรุกเข้าใส่คู่เเข่ง
เเละโมร็อคโก คือทีมที่เชื่อมั่นในปรัชญาเกมรับเเละสวนกลับอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เน้นการครองบอล
โครเอเชียเเสดงให้เห็นเเล้วว่า พวกเขาคือทีมที่พร้อมทำทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของทีมว่า ณ เวลา ขณะนั้น ว่าทีมต้องการรูปเกมแบบไหน
5 นัดในฟุตบอลโลกของโครเอเชียครั้งนี้ พวกเขายังไม่เเพ้ใครก็จริง เเต่เป็นการเสมอในเวลาไปแล้ว 4 นัด ทำให้พวกเราเห็นเลยว่า ฟุตบอลของพวกเขานั้นเป็นฟุตบอลที่ ‘เน้นผล’ อย่างเเท้จริง ถ้าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงก็จะไม่เสี่ยง
ฟุตบอลของโครเอเชียนั้น น่าสนใจตรงที่พวกเขาเป็นทีมที่พร้อมจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ตลอดเวลา บางเวลาพวกเขาต้องครองเกมทำเกมบุกใส่คู่เเข่งก็ทำได้ดี อย่างเช่น เกมกับเเคนาดา หรือ ญี่ปุ่น เเต่บางเวลาพวกเขาต้องสวมบทบาทเป็นบอลรอง ต้องวิ่งเพรสซิ่งไล่บอล ก็ทำออกมาได้ดีเช่นเดียวกัน
เรียกได้ว่าพวกเขาประเมินเเละปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆได้ดีมากๆ การจะเล่นเเบบนี้ได้ต้องอาศัยความเข้าใจเกมของผู้เล่นสูงมากๆ ที่ต้องตื่นตัวเเละพร้อมจะปรับวิธีการเล่นให้ทันเกมอยู่เสมอ
ก็จริงอยู่ที่ถ้าดูจากรูปเกมเเล้ว โครเอเชียเเทบไม่ได้เหนือกว่าบราซิลเลยด้วยซ้ำ เป็นบราซิลที่พยายามทำเกมบุกเข้าใส่ เเต่ยิงยังไงก็ไม่ผ่านมือของ โดมินิค ลิวาโควิช ทรงบอลโครเอเชียเหมือนจะไม่มีอะไร เเต่คำว่าไม่มีอะไรนี่เเหละ ที่แฝงไปด้วยความนิ่งอยู่ข้างใน
พวกเขาอดทนเล่นเกมรับเเละรอสวนกลับอย่างมีวินัยในยามที่สกอร์เท่ากัน เเละพวกเขาพร้อมที่จะเปิดเกมบุกใส่อย่างบ้าระห่ำเมื่อสกอร์ตามหลัง การจะทำเเบบนี้ได้ดีนั้น กองกลางของทีมต้องเก๋าพอที่จะประเมินสถานการณ์ของเกม เเละปรับจังหวะการเล่นของทีมให้เข้ากับรูปเกมได้อย่างทันท่วงที
วิธีการเเบบนี้นั้นเหมาะกับฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ที่ตัดสินผลเเพ้ชนะกันในเดียวเป็นอย่างมาก เพราะ กว่าจะรวมตัวซ้อมกันได้ มีเวลาเตรียมทีมน้อย ทำให้การจะสร้างบอลระบบที่มีทรงดีๆ นั้นทำได้ยากเเละใช้เวลานานกว่าที่นักเตะจะเล่นได้อย่างรู้ใจกัน การเล่นเเละปรับตัวไปตามสถานการณ์เลยเป็นทางเลือกที่ ซลัตโก้ ดาลิช เฮดโค้ชของโครเอเชีย เลือกมาใช้ เพราะมั่นใจว่า พวกเขามีหนึ่งในแผงกองกลางที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์
เราทราบกันดีอยู่เเล้วว่าในเกมการเเข่งขันฟุตบอลนั้น กองกลางคือคนที่กำหนดจังหวะเเละรูปแบบการเล่นของทีม ดังนั้นกองกลางของฝ่ายไหนสามารถกำหนดจังหวะของเกมได้ จะเป็นฝ่ายที่คุมโมเมนตัมของเกมนั้นๆ
เเละกลายเป็นว่าในเกมนี้นั้น แผงมิดฟิลด์ของโครเอเชียทำได้ดีกว่าบราซิล พวกเขานิ่งมากพอที่จะดึงจังหวะเกมเมื่อยามที่สกอร์ยังเสมอกัน เเละพวกเขากล้าที่จะเร่งขึ้นมาทำเกมรุกใส่เมื่อยามที่ทีมต้องการประตู
เพราะว่ามันคือการรวมตัวกันของสามกองกลางพลังไดนาโมที่มีเทคนิคยอดเเยี่ยมเเละพร้อมวิ่งไปทั่วสนามเพื่อชัยชนะของทีม
3 กองกลางพลังไดนาโมของโครเอเชีย
โครเอเชียในชุดนี้ มาในไลน์อัพ 4-3-3 เเละหัวใจของทีมชุดนี้ คือ เเดนกลางทั้งสามคน ที่ประกอบไปด้วย ลูก้า โมดริช มาร์เซโล่ โบรโซวิช เเละ มาเตโอ โควาซิช
ทั้งสามคนลงเล่นร่วมกันในเเดนกลาง เเละทำงานออกมาได้อย่างสมบูรณ์เเบบ วิธีการเล่นของทั้งสามคนนั้น ช่วยให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายขึ้น บอลของโครเอเชียในเเดนกลางนั้นไหลลื่นมากขึ้น เรียกได้ว่าน่าจะเป็นแผงมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้
โดยในเกมนี้ทั้งสามคนยังเป็นสามคนที่มีสถิติการจ่ายบอลสูงสุดของโครเอเชียในครึ่งเเรก ต่างกับ บราซิล ที่กลายเป็นกองหลังที่มีสถิติการจ่ายบอลสูงสุด
โดยที่ มาร์เซโล่ โบรโซวิช เเทบจะวิ่งพล่านไปทั่วสนาม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเเล้วล่ะ เขาคือคนที่ชื่นชอบการสูบบุหรี่เป็นกิจวัตร เเต่ทำสถิติวิ่งมากที่สุดในเกมนี้อยู่ที่ 15.72 กิโลเมตร
เขาพร้อมที่จะซัพพอร์ทเพื่อนในทุกพื้นที่ เเต่หน้าที่หลักที่เขาต้องรับผิดชอบมากกว่าเพื่อนคนอื่นก็คือ การเชื่อมเกมจากกองหลัง เขาจะลงไปยืนต่ำที่สุดในเเผงมิดฟิลด์เพื่อลงไปเชื่อมบอลจากเเดนหลัง ในการเเกะเพรสซิ่งของกองหน้าบราซิล การวิ่งที่ไม่มีหมด การจ่ายบอลที่เเม่นยำ ทำให้ ตัวรุกของ บราซิล เพรสซิ่งยังไงก็หาบอลไม่เจอ เเละที่สำคัญลูกเก๋า ลูกหนัก ลูกตัดเกม ของเขายังทำได้ดีเหมือนเดิม
ลูก้า โมดริช เขาวิ่งไม่มีหมดไม่เหมือนคนอายุ 37 ปี เลยสักนิดเดียว ทำหน้าที่เช่นเดียวกับโบรโซวิช คือวิ่งไปทั่วสนามคอยซัพพอร์ทเพื่อนๆ เเต่เน้นไปเชิงเกมรุกมากกว่าเกมรับ เเละในเกมนี้เขาคือคนที่สัมผัสบอลมากที่สุดในสนาม คอยบัญชาการเกมได้อย่างยอดเยี่ยม
มาเตโอ โควาซิช ทำหน้าที่เหมือนลูกหาบ คอยซัพพอร์ทพี่ๆทั้งสองในเเดนกลาง เเละข้อดีของเขาอีกอย่างคือการไปกับลูกฟุตบอลได้ดีในเเดนกลาง เขากล้าที่จะเลี้ยงเข้าใส่ผู้เล่นบราซิลเเบบไม่มีกลัว
เเละงานของเขาในเกมนี้จะพิเศษหน่อย เพราะดูจากฮีทเเมพเส้นทางการวิ่งของเขาเเล้วจะเน้นไปที่แผงมิดฟิลด์ที่ค่อนไปทางด้านซ้ายของสนาม ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะว่า เพื่อสนับสนุนการเล่นร่วมกันกับ อีวาน เปริซิช เเละเปิดพื้นที่ให้เปริซิชได้เข้าไปในพื้นที่อันตรายมากขึ้น
การมีเทคนิคเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยมของทั้งสามคนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สามารถต่อกรกับบราซิลได้ดี เรารู้กันอยู่เเล้วว่า ผู้เล่นบราซิลนั้นทักษะเฉพาะตัวสูงเเทบจะทุกตำเเหน่ง การดวลกันในพื้นที่เเคบๆนั้น ย่อมเสียเปรียบเเน่นอน เเต่กับกลายเป็นว่า กองกลางทั้งสามคนนั้น ไม่มีกลัว งัดเอาเทคนิคเเละความสามารถเฉพาะตัวมาสู้กับนักเตะบราซิลได้ดี เเทบจะทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
เเละที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งสามคนสามารถเคลื่อนที่ทดเเทนตำเเหน่งเเละเลียนเเบบวิธีการเล่นของกันเเละกันได้อย่างเนียนกริบ เราจะสังเกตเห็นได้ว่าบางครั้งทั้งสามคนเคลื่อนที่หมุนเวียนตำเเหน่งกันเองเพื่อหนีจากการประกบ กลายเป็นเล่นลิงชิงบอลใส่นักเตะบราซิล ทำให้นักเตะบราซิลเเทบจะหาบอลไม่เจอในเเดนกลาง ต้องไปอาศัยเเย่งบอลเอาที่ส่วนอื่นของสนามเเทน
เหมือนมีกองกลางที่เล่นได้คล้ายๆกันวิ่งอยู่ในสนามถึงสามคน พร้อมที่จะทดเเทนตำเเหน่งของกันเเละกัน ทั้งสามคนมีเทคนิคเล่นกับลูกฟุตบอลที่ดี มีความขยันวิ่ง เเละมีการส่งบอลที่เเม่นยำเเละความสามารถเฉพาะตัวในการเอาตัวรอดในพื้นที่เเคบๆได้ดีมาก ทำให้โครเอเชียสามารถเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ไว เเละได้เปรียบบราซิลในเเดนกลาง เเละทั้งสามคนล้วนผ่านการเล่นบอลระดับสูงมามากมายในระดับสโมสร ประสบการณ์ ความเก๋าต่างๆ เป็นข้อได้เปรียบเล็กๆน้อยๆที่พวกเขานำมาใช้เล่นงานบราซิล
การมีกองกลางที่เก๋าเกม เทคนิคดีเเละทำหน้าที่ได้หลากหลาย กลายเป็นเหตุผลว่าทำไมโครเอเชียจึงสามารถปรับเปลี่ยนจังหวะเเละวิธีการเล่นได้เข้ากับสถานการณ์เเละมักจะทำออกมาได้ดีอยู่เสมอ
ถ้าใครมองว่าการเอาชนะลูกโทษของโครเอเชียนั้นคือเรื่องของดวง ผมขอให้คุณคิดใหม่ได้เลย เพราะนี้เป็นการต้องต่อเวลาพิเศษเเละดวลจุดโทษ สองนัดติตดต่อกัน ยังไม่นับรวมฟุตบอลโลกคราวที่เเล้วที่พวกเขาต้องเล่นต่อเวลาทุกนัดในรอบน็อคเอาท์
พวกเขาไม่มีกลัว ทีมชุดนี้ของดาลิชผ่านสถานการณ์เเบบนี้มามากมายตั้งเเต่ฟุตบอลโลกครั้งที่เเล้ว มีผู้เล่นเก๋าๆคอยนำพวกรุ่นน้อง จนพวกเขาสามารถรับมือกับมันได้อย่างมืออาชีพ มั่นใจในกันเเละกัน เเละยิงจุดโทษได้อย่างมั่นใจ
ต้องมาตามกันต่อไปว่า โครเอเชียชุดนี้จะไปได้ถึงนัดชิงชนะเลิศ เเละก้าวข้ามความผิดหวังจากฟุตบอลโลกครั้งที่เเล้วได้หรือไม่ เเต่มาถึงตรงนี้คงไม่มีใครกล้าที่จะประมาทพวกเขาอีกเเล้ว เพราะพวกเขาพิสูจน์เเล้วว่าพร้อมเอาชนะได้ทุกทีมเเม้เเต่เต็งหนึ่งก็โดนพวกเขาเขี่ยตกรอบมาเเล้ว
เเหล่งอ้างอิง
https://theanalyst.com/na/2022/12/croatia-1-1-brazil-world-cup-stats/
https://www.whoscored.com/Matches/1697767/Live/International-FIFA-World-Cup-2022-Croatia-Brazil
https://en.as.com/resultados/futbol/mundial/2022/directo/cuartos_a_1_399714/estadisticas/
ข่าวและบทความล่าสุด