วินิซิอุส จูเนียร์ : จากปีกเพื่อนไม่รักสู่ Inside Forward ที่อันตรายที่สุดแห่งยุค
27 ตุลาคม 2020 ค่ำคืนเเห่งศึกยูฟ่า เเชมป์เปี้ยน ลีก ระหว่างโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค กับ เรอัล มาดริด จบครึ่งเเรก กลัดบัคนำอยู่ 1-0
“เพื่อน อย่าส่งบอลให้ไอ้เด็กนั่นเลย ข้าสาบานด้วยชีวิตเเม่ของข้าเลยว่ะ หมอนี่เล่นเหมือนอยู่คนละทีมกับเราชัด ๆ”
นี่คือคำพูดของ คาริม เบนเซม่า เดินไปบอก เฟอร์ลอง เมนดี้ ในช่วงเวลาพักครึ่ง เเละคนที่เขาหมายถึง คือ วินิซิอุส จูเนียร์ ดาวรุ่ง ค่าตัวเเพงชาวบราซิลเลียน
สถิติของวินิซิอุสในเกมนั้นคือ ลงเล่น 70 นาที มีโอกาสยิง 3 ครั้ง ไม่ตรงกรอบเลยสักครั้ง ครอสบอลไม่สำเร็จเลยทั้ง 3 ครั้ง เลี้ยงผ่านสำเร็จ 2 จาก 5 ครั้ง เเละ 71.4% คือเปอร์เซ็นการจ่ายบอลสำเร็จ ซึ่งน้อยที่สุดในสนามในวันนั้น เเละครึ่งหลัง คาริม เบนเซม่า ไม่ส่งบอลให้วินิซิอุสเลยสักครั้งเดียว
ก็อาจจะสมควรเเล้วที่ต้องโดนรุ่นใหญ่อย่าง เบนเซม่า บ่น เเต่มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ วินิซิอุสในวันนั้น พึ่งจะอายุเเค่ 20 ปี เเละพึ่งย้ายมาได้ไม่นาน เขาต้องการจะโชว์ความสามารถเเละพิสูจน์ตัวเอง ว่าเขามีดีมากพอที่จะเป็นผู้เล่นของเรอัล มาดริด
ในวัย 20 ปี เขาเป็นผู้เล่นที่มีเทคนิคดี ความเร็วสูง ไปกับบอลได้ดี มีลูกเล่นต่างๆมากมาย ครบเครื่องตามสไตล์เเซมบ้า เเต่มันยังหวังผลไม่ได้สักเท่าไหร่ ออกเเนวลูกเลี้ยงมั่วๆเน้นเล่นท่าเยอะๆที่ไม่จำเป็นไปซะมากกว่า เขามีฝีมือที่ดีเเต่เขายังไม่มีความเข้าใจเกม ทำให้เพื่อนร่วมทีมพากันส่ายหัว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น วินิซิอุส ก้มหน้า ก้มตา ฝึกซ้อม เเละเขาใช้เวลา 2 ปี ในการพัฒนาเเละเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเด็กเลี้ยงมั่ว สู่ Inside Forward (กองหน้ากึ่งปี) ที่อันตรายที่สุดโลก
ได้รับฉายาว่า นิว เนย์มาร์
ถ้าย้อนกลับในช่วงเวลาวัยเด็ก จริงๆเเล้ว จุดเริ่มต้นของ วินิซิอุส จูเนียร์ มาจากกีฬาฟุตซอล ในบราซิลฟุตซอลถือเป็นกีฬายอดฮิตอีกชนิดหนึ่ง ตอนเก้าขวบเขาไปทดสอบฝีเท้ากับทีมฟุตซอลของฟลาเมงโก้ เเต่ทดสอบไม่ผ่าน เขาเลยหันหลังให้ฟุตซอลเเละมาเล่นฟุตบอลกับทีมเยาวชนของฟลาเมงโก้เเทน
ตอนเเรกที่เริ่มเล่นกับฟลาเมงโกในอะคาเดมี่ เขาเริ่มต้นจากตำเเหน่งเเบ็คซ้าย เเต่ด้วยความเร็วเเละความคล่องตัว ทำให้ถูกจับขึ้นไปเล่นเป็นตัวรุก เเละนั้นคือจุดเริ่มต้นของความจี๊ดจ๊าด
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มฉายเเวว มีความเก่งที่เกินวัย ติดทีมชาติบราซิลรุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี ตั้งเเต่อายุ 13 ลงเล่นกี่รายการก็ฟอร์มกระฉูด โชว์ผลงานการยิงประตูเเละคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมได้บ่อยๆ จนเริ่มเป็นที่จับตามองของสื่อทั่วโลก ได้ขึ้นปกมาร์กา หนังสือพิมพ์ชื่อดังของสเปน ทั้งๆที่ยังไม่เคยลงเล่นอย่างเป็นทางการสักนัดกับฟลาเมงโก้ชุดใหญ่ เเละถูกสื่อตั้งฉายาว่า “นิว เนย์มาร์”
“วินิซิอุสโดดเด่นมากในเรื่องการเลี้ยงบอลเเละการวิ่งเปลี่ยนทิศทางความเร็ว มีเกมหนึ่งที่ฝ่ายตรงข้างพยายามที่จะประกบเขา เเต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ไม่มีใครตามเขาทัน” อบรานเตส โค้ชคนเเรกของวินิซิอุสเล่าให้ ดิ แอธเลติก ฟัง
ในปี 2017 เขายิง 10 ลูก เเละจ่ายให้เพื่อนทำประตูมากที่สุดในลีก พาฟลาเเมงโก้รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ได้เเชมป์ของรัฐ เเละถูกเรียกตัวติดทีมชาติบราซิลรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ไปเล่นทัวร์นาเมนท์ ชิงเเชมป์ของทวีป
วินิซิอุส จูเนียร์ ซัดไป 7 ประตู พาบราซิลรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เป็นเเชมป์ของทวีปเเละได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนท์ หลังจากนั้นเขาถูกฟลาเมงโก้ดันขึ้นชุดใหญ่เเละจับขยายสัญญา โดยมีการระบุค่าฉีกสัญญาไว้ที่ 45 ล้านยูโร
เพียง 10 วัน หลังจากลงมาเป็นตัวสำรองในนัดเเรกอย่างเป็นทางการให้ทีมชุดใหญ่ของฟลาเมงโก้ เรอัล มาดริด ก้าวเข้ามาเเละยอมจ่ายค่าฉีกสัญญาเขา 45 ล้านยูโร ไว้ล่วงหน้า เพื่อคว้าตัว วินิซิอุส จูเนียร์ มาร่วมทีม ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงให้ฟลาเมงโก้อย่างเป็นทางการเลยสักนัด
เเต่มันมีกฏอยู่ว่าการซื้อขายระหว่างประเทศต้องรอจนกว่าเขาจะอายุครบ 18 ปี ถึงจะทำการย้ายทีมได้ ทำให้วินิซิอุส ต้องอยู่กับฟลาเมงโก้ไปอีก 1 ซีซั่น ลงเล่นไปทั้งหมด 49 นัด ยิงไป 10 ประตู เเละออกเดินทางสู่สเปน
ตอนนั้นมีหลายทีมในยุโรปต้องการตัว วินิซิอุส เเต่สุดท้ายเขาตัดสินใจเลือก เรอัล มาดริด เพราะว่า เรอัล มาดริด เเสดงความชัดเจนที่สุดว่า วินิซิอุส จูเนียร์ คือการวางเเผนเพื่ออนาคตเเละจะเป็นคนสำคัญของทีมในอนาคตอย่างเเน่นอน
20 กรกฎาคม 2018 เปิดตัวเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด อย่างเป็นทางการ ในฐานะนักเตะอายุไม่เกิน 19 ปี ที่มีค่าตัวเเพงที่สุดในโลก ค่าตัวยิ่งเเพงความคาดหวังก็ยิ่งสูง เเละเหมือนจะเป็นดาบสองคมสำหรับ วินิซิอุส จูเนียร์
การไปเล่นในสเปนไม่ได้ราบลื่นอย่างที่คิด ด้วยความที่ยังเด็ก ผ่านการลงเล่นชุดใหญ่มาเเค่ปีเดียว มีความสามารถเฉพาะตัวสูงก็จริง เเต่ความเข้าใจเกมยังไม่มีเท่าไหร่ พอมาเจอของเเข็งอย่างลาลีกา ทำให้ต้องปรับตัวเเละเรียนรู้อีกมากมาย
เเละไหนจะเรื่องปัจจัยนอกสนามอีก การย้ายประเทศ เปลี่ยนวัฒนธรรม ไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน การใช้ชีวิตต่างๆ ที่เด็กอายุ 18 คนหนึ่งต้องปรับตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำให้ซีเนดีน ซีดาน เฮดโค้ชในตอนนั้น ไม่ค่อยใช้งานวินิซอุสเท่าไหร่ เขาต้องการให้วินิซิอุส ทำงานหนักเเละพัฒนาตัวเองให้มากกว่านี้ ถึงจะสมควรได้รับโอกาสในการเป็นตัวจริง
เเละพอได้โอกาสลงสนาม เขากลับทำผลงานไม่ค่อยดี (อย่างเช่นเกมกับกลัดบัค) ฟอร์มไม่ได้เปรี้ยงปร้างตามที่ผู้คนคาดหวัง ผู้คนต่างพากันเริ่มวิจารณ์ เเละบอกว่า เป็นการเซ็นสัญญาที่ผิดพลาดของ เรอัล มาดริด โดนหลอกขายวินิซฺอุสมาในราคาเเพงเกินกว่าความเป็นจริงหลายเท่า
เสียงวิจารณ์ส่วนใหญ่ไปแนวทางที่ว่า เขาพยายามจะเล่นท่าเเละโชว์ลูกเล่นมากเกินความจำเป็น ดูทรงเเล้วน่าจะเป็นของปลอม เหมาะเเก่การเป็นนักฟุตบอลโชว์ลีลาตามยูทูบมากกว่า หรือวิจารณ์เรื่องการไม่ค่อยช่วยเกมรับของเขา
“เขาเลี้ยงเดี่ยวมากเกินไป การเล่นร่วมกับเพื่อนห่วยเเตกมาก” คำวิจารณ์ของ เดยัน เพ็ตโควิช อดีตผู้เล่นของฟลาเมงโก้
“สกิลการยิงประตูของเขามันไม่ได้เรื่องเอาซะเลย เลี้ยงมาอย่างดีมาตกม้าตายตอนสุดท้าย”
“เขาพริ้วก็จริง เเต่เขาไม่ช่วยงานเกมรับเลย” คำวิจารณ์ส่วนหนึ่งของเเฟนบอล เรอัล มาดริด
เเต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะ วินิซิอุส จูเนียร์ ยังมีประสบการณ์ในการเล่นระดับสูงที่น้อยมากๆ การทำความเข้าใจเเท็คติกหรือพยายามเล่นร่วมกับเพื่อนยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับเขา เพราะเขาโตมากับความรู้สึกที่ว่า ความสามารถของเขาคนเดียวสามารถเปลี่ยนผลการเเข่งขันเเละพาทีมชนะได้ เวลาอยู่ในสนามเขาก็งัดทุกท่าที่เขาทำได้เพื่อมาสร้างความเเตกต่างให้ทีม
เเต่พอมันเป็นลีกเเละการเเข่งขันในระดับที่สูงขึ้นมันทำให้ปัจจัยเรื่องการเล่นกันเป็นทีมมีผลมากขึ้นเเละนั้นคือสิ่งที่ วินิซิอุส จูเนียร์ ต้องเรียนรู้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่บนม้านั่งสำรองในยุคของซีดาน
เเละเหมือนเหตุการณ์ความไม่ชัดเจนระหว่างเขากับซีดานจะส่งผลถึงฟอร์มการเล่นของเขาในสนาม ยิ่งลงเล่น ยิ่งเเย่ ความมั่นใจหดหายลดลงไปเรื่อยๆ เหมือนจะกลายเป็นการซื้อขายที่ผิดพลาดจริงๆของ เรอัล มาดริด
มาถึงตรงนี้มันขึ้นอยู่กับตัววินิซิอุสเองเเล้ว ว่าจะไปต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ไหม เรื่องฝีเท้าเขาพิสูจน์ตัวเองมาหมดเเล้ว ว่าเขามีฝีมือจริง เเต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของสภาพจิตใจเเล้ว ว่าเขาเเข็งเเกร่งพอที่จะผ่านความยากลำบากครั้งนี้ไปได้ไหม
เเละจุดเปลี่ยนที่สำคัญก็เกิดขึ้นเมื่อ เรอัล มาดริด เเยกทาง กับ ซีเนดีน ซีดาน เเละเเต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือชาวอิตาเลียนกลับมาเป็นเฮดโค้ช ในปี 2021
คาร์โล อันเชล็อตติ ผู้ปลุกเสก วินิซิอุส
อันเชล็อตติกลับมารับงานที่ซานติอาโก เบอร์นาเบว เป็นครั้งที่สอง เเละเมื่อเขามาถึง เขาเห็นศักยภาพในการจะเป็นยอดนักเตะของวินิซิอุส จูเนียร์ เขาเลยตั้งใจว่าจะทำให้วินิซิอุสเก่งขึ้นเเละเป็นนักเตะระดับโลกให้ได้
เขาใช้เวลาในการซ้อมค่อยๆดูเเลเเละฝึกสอน วินิซิอุส จูเนียร์ อย่างใกล้ชิด ตั้งเเต่เรื่องสำคัญใหญ่ๆจนไปถึงรายละเอียดเล็กๆน้อย สอนให้รู้ว่าควรจะออกบอลให้เร็วกว่านี้ เมื่ออยู่ในพื้นที่สุดท้าย ไม่ควรใช้เวลากับบอลนานเกินไป ถ้าไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่จำเป็น ควรจะยิงจังหวะไหนถึงจะเหมาะสม ทั้งหมดทั้งมวล ก็เพื่อที่จะให้วินิซิอุสกลับมามั่นใจเเละรู้สึกเป็นคนสำคัญของทีมอีกครั้ง
อันเชล็อตติทำเเม้กระทั่งออกเเบบแผนการเล่นมาเพื่อให้เหมาะสมกับวินิซิอุสมากที่สุด เขาให้ลูกทีมถอยลงมาตั้งรับต่ำมากขึ้น เพื่อที่เวลาสวนกลับเร็ว วินิซิอุสจะได้มีพื้นที่ให้ใช้ความเร็วเเละความคล่องตัวอย่างเต็มที่ เเละปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นของเบนเซม่าเพื่อให้เข้ากับวินิซิอุสมากที่สุด เบนเซม่าถอยลงมาต่ำเน้นเชื่อมเกมเเละเปิดพื้นที่ให้วินิซิอุสมากขึ้น
วินิซิอุสเองก็ตั้งใจเเละปฏิบัติคำสอนของ คาร์โล อันเชล็อตติ อย่างเคร่งครัด ค่อยเปลี่ยนตัวเองจากปีกที่เล่นร่วมกับเพื่อนไม่เป็น เริ่มหาจังหวะเจอเเละเล่นร่วมกับเพื่อนได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
พอความมั่นใจกลับมาฟอร์มของวินิซิอุสก็ค่อยๆดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่เรอัล มาดริด ในยุค ของ อันเชล็อตติ จะขาดไม่ได้ เเละได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆมากขึ้น โดยเฉพาะ คาริม เบนเซม่า ที่กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีเเละเป็นคู่หูในเกมรุกร่วมกันออกล่าประตูให้ราชันชุดขาว
“ความสัมพันธ์ของเรามันดีมากๆ เราชนะมาด้วยกันมากมาย เบนเซม่าช่วยให้ผมมีความมั่นใจอยู่เสมอ เขาบอกให้ผมกล้าๆหน่อย ถ้าจะยิงก็เพื่อจะทำประตู ถ้าจะส่งก็เพื่อแอสซิสต์ ถ้าไม่ใช่ทั้งสองอย่างก็เก็บบอลไว้ซะ”
วินิซิอุส เล่าให้ฟังถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างเขากับเบนเซม่า เเถมยังเสริมต่อด้วยว่าเบนเซม่าก็คือหนึ่งคนที่ช่วยเขาในสนามซ้อม ความนิ่งในการจบสกอร์ เขาก็เรียนรู้มาจากเบนเซม่า
ในปี 2021/2022 วินิซิอุส จูเนียร์ ลงเล่นให้เรอัลมาดริด 52 นัด ยิง 22 ประตู จ่ายให้เพื่อนทำประตูอีก 20 ประตู พาทีมคว้าดับเบิลเเชมป์ ลาลีกา กับ ยูฟ่า เเชมป์เปี้ยน ลีกส์ เเละเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในนัดชิง ยูฟ่า เเชมป์เปี้ยน ลีกส์ รวมไปถึงคว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนท์ ประกาศศักดาให้โลกรู้ว่าเขาได้กลายเป็น Inside Forward ที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งเเล้ว
“สิ่งเดียวที่ผมทำให้ วินิซิอุส คือ ผมเเค่เรียกความมั่นใจของเขากลับมา ที่เหลือเขาทำมันเอง” คาร์โล อันเชล็อตติ เปิดเผยให้ฟังหลังจากจบนัดชิงยูฟ่า เเชมป์เปี้ยน ลีกส์
“การทำงานร่วมกับเบนเซม่าบ่อยๆ ช่วยให้เขาพัฒนาจังหวะจบสกอร์ที่ดีขึ้น ผมมีความสุขมากที่เห็นเขาทำได้ดีเเละมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม” อันเชล็อตติกล่าวเพิ่มเติม
สู่นักเตะที่ถูกประเมินว่ามีค่ามากที่สุดในโลก
จากการเปิดเผยล่าสุดของ CIES หรือ ซีไออีเอส ฟุตบอล องค์กรเก็บสถิติและวิเคราะห์ข้อมูลสโมสรยุโรป ได้ทำการประเมินว่าในตอนนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ มีมูลค่าในท้องตลาดอยู่ที่ 166 ล้านยูโร ซึ่งมากที่สุดโลก มากกว่า เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ซะอีก
CIES จะประเมินมูลค่าของนักเตะแต่ละคนตามปัจจัยเรื่องของ ฟอร์มการเล่น, อายุการใช้งาน, นาทีที่ลงเล่น, สัญญาปัจจุบันและข้อมูลของต้นสังกัด ซึ่งเมื่อเอาข้อมูลทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมดมาประเมินแล้ว วินิซิอุส คือคนที่มีค่ามากที่สุดโลกเเละมีเเนวโน้มว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลังจากจบบอลโลก 2022 เพราะเขาพึ่งอายุเเค่ 22 ปี ยังมีหนทางอีกยาวไกล
“เอ็มบัปเป้เเละเบนเซม่า มีฤดูกาลที่ดีทั้งคู่ เเต่จากที่ผมเห็น ผมว่า วินิซิอุส จูเนียร์ ดีที่สุด” เนย์มาร์ตอบคำถามนักข่าวที่ถามว่าคิดว่าใครควรจะได้บัลลัง ดอร์ ในปี 2022
วินิซิอุส จูเนียร์ ใช้ฝีเท้ากลบเสียงวิจารณ์จากทุกสำนัก ตอนนี้ไม่มีใครสงสัยในตัวเขาอีกเเล้ว เพื่อนร่วมทีมให้การยอมรับ เเละไว้ใจที่จะฝากบอลไปให้กับเขา เขาพาตัวเองขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับ คิลิยัน เอ็มบาปเป้ เเละ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
“ผมมีความมั่นใจมากๆว่า วินิซิอุสจะยังคงทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง” ซานติอาโก้ โซลารี่ อดีตเฮดโค้ชทีมกาสติย่าของ เรอัล มาดริด บอกกับ ดิ แอธเลติก
มาถึงตรงนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ เขามีคุณสมบัติครบทุกอย่างเเล้วกับการที่จะเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในโลก ทั้งฝีเท้า ความเข้าใจเกม ความมั่นใจ ความเเข็งเเกร่งของสภาพจิตใจ เหลือเเค่ความสม่ำเสมอของผลงานเเละถ้วยเเชมป์
ทั้งหมดนี้ วินิซิอุส จูเนียร์ ต้องขอบคุณสามคน คนเเรก เเน่นอน ต้องเป็น คาร์โล อันเชล็อตติ ที่เชื่อมั่นในตัวเขาเเละเค้นศักยภาพในตัวเขาออกมาเฉิดฉาย เข้ามาเปลี่ยนจากปีกที่มีดีเเค่การเลี้ยงกินตัวเเละลูกเล่นต่างๆ ให้กลายเป็นปีกที่เล่นเพื่อทีม มีลูกส่งที่มีประสิทธิภาพ การตัดสินใจที่ดีเเละการจบสกอร์ที่เฉียบขาด
คนที่สองคือ ตัวเขาเอง ที่ก้มหน้า ก้มตา อดทน ตั้งใจฝึกซ้อมทำงานอย่างหนักเพื่อให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะมาถึง จนได้รับการยอมรับจากโค้ชเเละเพื่อนร่วมทีม
คนที่สาม คือ คาริม เบนเซม่า เพื่อนร่วมทีม ลูกพี่ใหญ่ในทีม ที่สบประมาทเเละไม่ยอมรับในตัวเขาไว้ในวันนั้น เเละทำให้เขารู้ว่าเขายังห่างไกลคำว่าดีที่สุดอีกเยอะ ถ้าไม่เปลี่ยนตัวเองให้ทำงานหนักขึ้น จะไม่มีวันไปถึงระดับนั้นได้ หากไม่มีคำด่าในวันนั้น อาจจะไม่มี วินิซิอุส จูเนียร์ ในวันนี้