ตามหานักเตะทีมชาติไทย U-23 ชุดแชมป์ ดูไบ คัพ 2017 ตอนนี้อยู่ไหนกัน ?
ตามโปรแกรมช่วงการอุ่นเครื่องทีมชาติประจำ ฟีฟ่า เดย์ ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่จะมีคิวเดินทางออกไปเล่นแถบตะวันออกกลาง แต่นับรวมไปถึง ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ด้วยเช่นกัน แถมมีคิวจะเปิดหัวก่อนด้วย
โดยรายการที่ ช้างศึกชุด ยู-23 จะเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศ กาตาร์ คือ ทัวนาเมนต์ โดฮา คัพ ซึ่งจะมีคิวประเดิมสนามนัดแรกกับ ซาอุดิอาระเบีย ในวันที่ 22 มีนาคม เวลา 00.30 น. และปิดท้ายด้วยการเจอกับเจ้าภาพกาตาร์ ในวันที่ 25 มีนาคม เวลา 02.00 น.
ว่ากันตามตรงแล้ว ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปี ไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์รายการต่างๆ มาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งมีทาง โค้ชโย่ง-วรวุฒิ ศรีมะฆะ เป็นผู้กุมบังเหียนในช่วงเวลานั้น ที่กวาดแชมป์มาครองได้สองรายการในปีเดียว ประกอบไปด้วย ดูไบ คัพ และ ซีเกมส์
ซึ่งถ้าจะโฟกัสไปที่รายการที่เจอคู่แข่งที่เขี้ยวกว่า ย่อมต้องเจาะจงไปที่ ดูไบ คัพ ซึ่งกว่าจะจัดขึ้นมาได้ตามที่เจ้าภาพสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วางตารางเอาไว้ล่วงหน้า ถือว่าต้องลุ้นกันหนักพอสมควร เพราะมีสองชาติที่ได้รับเชิญถอนทีมไปอย่าง เกาหลีเหนือ และ ซาอุดิอาระเบีย
ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนระบบการแข่งขันใหม่ เป็นการแข่งขัน 4 นัด หาชาติที่เก็บแต้มได้สูงสุดครองแชมป์เพียงชาติเดียว มีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 6 ชาติ ประกอบไปด้วย ไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จีน, จอร์แดน, มาเลเซีย และ สิงคโปร์
มองจากรายชื่อแล้วสาเหตุที่มีชาติจากภูมิภาคอาเซียน มาเข้าร่วมทั้งหมด 3 ทีม เนื่องจากช่วงนั้นกำลังอยู่ในระหว่างเตรียมทีมไปลุยศึก ซีเกมส์ 2017 แล้วการที่ลูกทีมของโค้ชโย่ง เรียกความมั่นใจจากการคว้าแชมป์รายการนี้ได้ ถือว่าเป็นการต่อยอดสำคัญ ที่สามารถคว้าแชมป์ที่สองตามมาได้ภายหลัง
การเตรียมทีมชุดนั้น สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ใส่ใจรายละเอียดต่างๆ ครบถ้วน มีการวางตัวผู้จัดการทีมเป็น มาดามเดียร์-วทันยา วงษ์โอภาสี ที่มาดูแลความเรียบร้อยภายในแคมป์ ซึ่งอุดมไปด้วยนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดี 23 คน
ผลงานของทีมชาติไทยชุดเล็กในรายการนั้น สามารถเก็บชัยชนะได้ถึง 3 เกม และแพ้เพียง 1 เกม เริ่มตั้งแต่พลิกแซงชนะเจ้าภาพ ยูเออี 2-1, ถล่ม มาเลเซีย 4-0, แพ้ จีน 1-2 และปิดท้ายด้วยการเอาชนะ สิงคโปร์ 2-0 คว้าไปทั้งหมด 9 แต้ม มีประตูได้เสียบวก 6 ลูก เป็นแชมป์ไปแบบน่าชื่นชม
แน่นอนว่าเหล่าผู้เล่นจากทีมชุดดังกล่าว ย่อมเติบโตไปบนเส้นทางสายลูกหนังตามวันและเวลาที่ผ่านไปแต่ละรายล้วนมีหนทางแตกต่างกันไป มีทั้งกลุ่มที่ประสบความสำเร็จตามศักยภาพ รวมไปถึงกลุ่มที่ต่อยอดพัฒนาฝีเท้าได้ไม่ถึงขั้น
นักเตะจากทีมชุดนั้นปัจจุบันเติบโตไปอยู่กับทีมไหนกันบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
กลุ่มซูเปอร์สตาร์ ไทย ลีก
จากรายชื่อทั้งหมด 23 คน ถ้าวัดกันที่กลุ่มผู้เล่น ที่ประสบความสำเร็จในการค้าแข้ง สามารถก้าวไปเป็นตัวหลักให้กับทีมหัวแถวในไทยลีกได้ คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น น่าเสียดายที่ทาง สุภโชค สารชาติ แนวรุกจากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นต้องถอนตัวไปก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น
สำหรับรายแรกที่ทำผลงานได้น่าประทับใจ แล้วก้าวไปอยู่ในสารบบทีมชาติชุดใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้ ต้องชี้เป้าไปที่ “ยิม” วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ อดีตเพลย์เมคเกอร์ของรักของหวงของ ชลบุรี เอฟซี ซึ่งถูกทาง บีจี ปทุม ทุ่มซื้อตัวไปร่วมทีม ด้วยราคาประมาณ 30 ล้านบาท
อันเป็นผลมาจากฟอร์มในฤดูกาล 2017/18 ที่กดประตูรวมทุกรายการไปถึง 17 ลูก ก่อนจะฟอร์มดร็อปไปช่วงหนึ่ง แล้วมาแรงอีกครั้งในซีซั่น 2021/22 ที่ระเบิดฟอร์มยิงไป 8 ลูก กับทำอีก 4 แอสซิสต์นับเฉพาะในลีก พอต้นสังกัด ฉลามชล เจอพิษโควิด-19 เล่นงานจนขาดสภาพคล่อง เลยจำต้องปล่อยตัวไปแบบเลี่ยงไม่ได้
โดยตัวของ ยิม เคยมีฝันว่าจะก้าวไปติดทีมชาติชุดใหญ่ ซึ่งเคยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า
"คนเรามีความฝันไม่ใช่เรื่องเสียหายนะ แต่บางความฝัน อาจจะต้องใช้เวลา ใช้ความพยายาม บางอย่างมันไม่ได้เกิดขึ้นภายในวันสองวัน อาจจะช้าหน่อย แต่เชื่อว่ามันก็ยังเป็นไปได้ ถ้าเรายังพยายามอยู่ ยังสู้ และตั้งใจทำจริงๆ"
ปัจจุบัน วรชิต ก้าวไปถึงจุดที่เขาใฝ่ฝันไว้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังโยกย้ายแบบชั่วคราวมาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ผลงานกำลังไปได้ดี ไม่แน่ว่าช่วงปิดซีซั่นนี้ อาจมีบิ๊กดีลการย้ายทีมของเขาอีกครั้งก็เป็นได้
ส่วนรายต่อมาเป็นผู้เล่นสาระพัดประโยชน์ตัวริมเส้น ที่สามารถเล่นได้หมดไม่ว่าจะเป็น ฟูลแบ็ค, วิงแบ็ค หรือ ตัวรุก ทั้งสองฝั่งอย่าง ศศลักษณ์ ไหประโคน อดีตผู้เล่นจากสโมสร แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่หลังจากทำผลงานได้ดีในปี 2017 เลยได้ย้ายมาเล่นให้กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยาวมาจนถึงทุกวันนี้
ผลงานของ ศศลักษณ์ นั้นมีความคงเส้นคงวา รักษามาตรฐานของตัวเองได้อย่างน่าชื่นชม มีความขยัน ความทุ่มเท พอบวกเข้ากับร่างกายที่ฟิตเกินร้อย ช่วยทีมคว้าแชมป์ได้หลายรายการ
เลยกลายเป็นใบเบิกทางสำคัญให้เขา ได้ย้ายไปเล่นแบบยืมตัวกับ ชอนบุก ฮุนได มอร์เตอร์ส สโมสรชั้นนำในศึก เค ลีก ประเทศเกาหลีใต้
ศศลักษณ์ เก็บประสบการณ์ช่วงสั้นๆ แล้วนำมาช่วยทีมล่าแชมป์ในประเทศอยู่ในขณะนี้ ตามที่กล่าวไว้ว่า
"มันเป็นประสบการณ์ที่ดีที่ได้เจอนักเตะเก่ง ๆ หลายคนที่เคยค้าแข้งในยุโรปมาก่อน เช่นเดียวกับนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ เพราะผมได้เรียนรู้สิ่งดี ๆ จากพวกเขาหลายอย่าง"
"เคลีก แข็งแกร่งกว่า ไทย ลีก มีจังหวะการเล่นที่เร็วกว่า ผมมีความสุขที่ได้กลับมาบ้านของผมที่บุรีรัมย์ เพราะมันไม่ง่ายเลยในการไปเล่นต่างแดนครั้งแรก อย่างไรก็ตามมันก็มีความเสียใจอยู่บ้างที่ผมทำบางอย่างไม่สำเร็จ"
"ถ้านักเตะไทยสามารถไปเล่นต่างแดนได้โดยปราศจากความกลัว พวกเขาไม่เพียงแต่จะพัฒนาขึ้น แต่จะประสบความสำเร็จด้วย"
ส่วนอีกหนึ่งรายที่เป็นตัวหลักในแผงมิดฟิลด์ชุดดังกล่าวอย่าง พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ถึงจะเล่นในบทบาทปิดทองหลังพระ แต่ก็มีอนาคตการค้าแข้งที่สดใสหลังจากนั้นเช่นกัน ด้วยศักยภาพการเล่นเกมรับอันโดดเด่น
ในปี 2017 เป็นปีแรกที่ พิธิวัต ย้ายจาก บีอีซี เทโรศาสน มาอยู่กับ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งนับจากนั้นผลงานของเขาก็มีแต่กราฟขาขึ้น พาต้นสังกัดใหม่กวาดแชมป์ในประเทศอย่าง ไทย ลีก 1 สมัย, เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ลีก คัพ 1 สมัย พร้อมก่าวไปเป็นขุนพลตัวหลักของทีมชาติชุดใหญ่อยู่ช่วงหนึ่ง
ช่วงตลาดซัมเมอร์ ไทย ลีก ฤดูกาลนี้ พิธิวัต เพิ่งจะถูกทุ่มซื้อตัวมาอยู่กับ บีจี ปทุม แต่เนื่องด้วยปัญหาหลายๆ อย่างภายในทีม รวมไปถึงสภาพร่างกายของเจ้าตัว ที่เจออาการบาดเจ็บเล่นงาน
ฟอร์มของเขาเลยยังไม่เข้าฝักเหมือนเดิม เพราะเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บมาลงสนามได้สดๆ ร้อนๆ ในเกมล่าสุด ที่พ่ายให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด คาบ้าน 0-1 เป็นนัดอำลา แม็ตต์ สมิธ ผู้ฝึกสอนชาวออสเตรเลีย ที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่เกินที่บอร์ดบริหารจะทนไหว
กลุ่มตัวหลักใน ไทย ลีก
แม้ว่าผลงานของเหล่าลูกทีมของ โค้ชโย่ง จะทำผลงานออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการเป็นแชมป์ได้ถึงสองรายการ แล้วมีผู้เล่นที่โชว์ฟอร์มได้ดีหลายราย แต่ใช่ว่าทุกคนจะมีอนาคตการค้าแข้งที่สดใส ได้อยู่กับทีมระดับหัวตารางทุกคน
บางรายที่ยืนระยะไม่ได้ แจ้งเกิดกับทีมใหญ่ๆ ไม่สำเร็จ ทำได้แค่รอโอกาสบนม้านั่งสำรอง ก็จำเป็นต้องหาทางเอาตัวรอด เพื่อย้ายไปอยู่กับทีมที่พร้อมส่งเขาลงเป็นตัวจริง หรือ อาจมีคนที่เลือกจะอดทนอยู่โยงเพื่อพิสูจน์ตัวเอง ปะปนกันไปแล้วแต่การตัดสินใจของผู้เล่นรายนั้นๆ
แต่อย่างน้อยผู้เล่นที่มีรายชื่อในกลุ่มนี้ ยังถือว่าได้ค้าแข้งอยู่บนลีกสูงสุดประเทศไทย ไม่จำเป็นต้องลดระดับลงไปเล่นในลีกรอง แล้วยังเห็นหน้าค่าตาในการลงสนามกันอยู่แทบทุกอาทิตย์
เริ่มต้นจากสองคู่หูจากค่าย กว่างโซ้งมหาภัย อย่าง ชินภัทร ลีเอาะ เซนเตอร์แบ็คจอมมือสังหารฟรีคิก และ สุริยา สิงห์มุ้ย ซึ่งย้ายมาจากสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2017 แล้วเลือกฝากอนาคตอยู่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้
รายของ ชินภัทร หากสภาพร่างกายไม่มีอาการบาดเจ็บหนักรบกวน อนาคตของเขาน่าจะไปได้ไกลมากกว่านี้ เพราะตอนขึ้นมาเป็นดาวรุ่งใหม่ๆ ถือว่ามีฝีเท้าน่าจับตามองเลยทีเดียว
แต่มาเกิดเครื่องสะดุดเพราะเจ็บเอ็นไขว้หลังขาด แต่ฟอร์มที่กำลังกระเตื้องขึ้นมาเขายังหวังว่าจะมีโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่อยู่ ตามที่ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า
"ผมยังหวังกลับไปติดทีมชาติอีกครั้ง แต่ต้องพึ่งเรื่องการลงเล่นแบบต่อเนื่อง การรักษามาตรฐานการเล่นให้ได้ก่อน"
"ถึงติดทีมไปแล้วจะโดนโยกไปตำแหน่งอื่นก็ไม่มีปัญหา เพราะในที่สุดแล้วก็ต้องสู้และทำให้เต็มความสามารถเหมือนกัน"
ต่อกันที่ผู้เล่นในตำแหน่งแนวรุกสาระพัดประโยชน์อย่าง ธนาสิทธิ์ ศิริผลา ดาวรุ่งฝีเท้าเยี่ยม ที่ถือว่าเป็น วันเดอร์ คิดส์ ของวงการบอลไทยขณะนั้น ซึ่งค้าแข้งอยู่กับ บางกอกกลาส ที่ยิงประตูไปได้ถึง 2 ลูกในศึก ดูไบ คัพ 2017 กลับมีอนาคตที่ขึ้นๆ ลงๆ มีพัฒนาการที่หยุดชะงัก
หลังจากย้ายไปอยู่กับ สุพรรณบุรี เอฟซี แล้วกำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ จนมีทีมในศึก เจ ลีก ทู ติดต่อเข้ามา กลับไม่ได้ย้ายไปตามฝัน แถมพอต้นสังกัดตกชั้นเลือกย้ายไปอยู่กับทีมใหญ่อย่าง การท่าเรือ เอฟซี ก็โดนดองยาวจนไม่ได้เล่น ตามที่เจ้าตัวให้สัมภาษณ์ไว้ว่า
"ช่วงอายุที่ผมประมาณ 22 มีดีลจากลีก เจ ลีก ทู เข้ามา ตอนนั้นผมเล่นให้ สุพรรณบุรี ทุกอย่างเขาคุยกันเรียบร้อยหมดแล้ว เขาอยากให้ผมไปเทสต์ ตัวเลือกที่เขาระบุมากับเอเย่นต์ คือ ปีกริมเส้นคนไทย อายุไม่เกิน 22ปี มันลงตัวกับผมเอามากๆ"
"ทางที่โน่นเขาจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พักเอาไว้ให้ผมเรียบร้อยแล้ว แต่ทาง สุพรรณ ไม่ให้ผมไป อย่างน้อยถ้าสมมติผมมีโอกาสได้ไป มันก็ไม่แน่นะ ไปเล่นให้เขาดูแล้วมันเข้ากับทีม ตรงสเปคที่เขาต้องการ"
"พอมาอยู่ ท่าเรือ มันมีเรื่องให้คิดเยอะ เรื่องนอกสนามเข้ามารบกวนในใจเยอะ บวกกับเราไม่ได้เล่น ไม่ได้รับโอกาส แต่บางทีการได้รับโอกาสแล้วผู้ใหญ่คาดหวังในตัวเรา กลายเป็นเรากดดันตัวเองกับเวลาอันน้อยนิดที่ได้รับ ผลงานมันเลยออกมาไม่เป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่"
อย่างน้อยตอนนี้ ธนาสิทธิ์ ได้ย้ายมาเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ พีที ประจวบ เอฟซี ผลงานของเขาก็กำลังดีขึ้นตามลำดับ ดีกว่านั่งรอโอกาสในถิ่น แพท สเตเดี้ยม แบบเลื่อนลอย เป็นการตัดสินใจคล้ายคลึงกับเพื่อนร่วมทีมชุดนั้นอย่าง สิทธิโชค กันหนู ที่เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แล้วกดไปสองประตูเท่ากันในรายการดังกล่าว
สิทธิโชค เป็นผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ช่วงที่ขึ้นมาใหม่ๆ ถือว่าผลงานแรงน่าจับตามอง แต่กลับยืนระยะรักษามาตรฐานของตัวเองไม่ได้ ประกอบกับไม่สามารถเบียดแนวรุกรายอื่นๆ ไม่ว่าจะตัวต่างชาติหรือนักเตะไทยด้วยกันไหว เลยจำต้องพเนจรออกไปเล่นให้กับสโมสรอื่นๆ
เขาถูกปล่อยไปให้กับ ไทย ฮอนด้า เอฟซี ยืมตัวไปใช้งานช่วงต้นปี 2017 แล้วก็ถูกขายขาดไปให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ช่วงปลายปีแบบไม่เปิดเผยค่าตัว อยู่กับทีมยาวจนถึงปี 2020 แต่ไม่สามารถทำผลงานได้เข้าตา ขนาดปล่อยไปเล่นกับ แอร์ฟอร์ซ ในลีกรองเพื่อเรียกความมั่นใจ ฟอร์มก็ไม่เข้าที่เข้าทาง เลยถูกปล่อยตัวออกจาก แข้งเทพ ในที่สุด
แล้วเป็นทาง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่ยังเห็นค่าในฝีเท้าของ สิทธิโชค ตัดสินใจลองของเซ็นมาร่วมทีมแบบฟรีๆ ซึ่งในฤดูกาลนี้ศูนย์หน้าวัย 26 ปี ฟอร์มของเขากับต้นสังกัด ค่อนข้างน่าจับตามองไม่น้อย
จากผลงานที่ สิทธิโชค ยิงไปแล้ว 7 ประตู กับทำอีก 1 แอสซิสต์ นับเฉพาะการเล่นบอลลีก 24 นัด แล้วมีกระแสจากแฟนบอลไทยบางส่วน เรียกร้องให้ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทัพ ช้างศึกชุดใหญ่ ลองเรียกตัวเขาไปติดธงใช้งานดูสักรอบ
กลุ่มไปไม่ถึงฝัน
แน่นอนว่าในเมื่อมีกลุ่มที่ยังคงต่อยอดผลงานของตัวเอง แล้วสามารถเอาตัวรอดในการเล่นบน ไทย ลีก ได้จากตัวอย่างที่ยกมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ ก็ย่อมต้องมีเหล่าผู้เล่นที่ผลงานดร็อปลงแบบน่าใจหาย ทั้งที่ตอนขึ้นมาใหม่ๆ ในช่วงนั้นโปรไฟล์ดีไม่หยอก
เริ่มกันที่รายแรกอย่าง จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ แบ็คสาระพัดประโยชน์ ที่ปัจจุบันย้ายไปอยู่กับ สุโขทัย เอฟซี สโมสรเล็กๆ บนลีกสูงสุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยอยู่กับทีมใหญ่อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด แล้วถูกผลักดันจนได้ย้ายไปเก็บประสบการณ์กับ เอฟซี โตเกียว
อย่างไรก็ตามเมื่อฝีเท้าของเขา ไม่สามารถผ่านมาตรฐานการคัดเกณฑ์ของทีมในญี่ปุ่น กลับมาอยู่กับต้นสังกัดแล้วเจออาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยๆ โอกาสลงสนามก็หดหาย สุดท้ายก็ต้องแยกทางกันไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งรายที่น่าเสียดายเรื่องพรสวรรค์เอามากๆ
รวมไปถึงผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางสายเชิงอย่าง เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ผลผลิตจากอะคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อีกหนึ่งคน ที่ถูกทาง บางกอกกลาส คว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2017 พยายามผลักดันอย่างเต็มที่ให้มิดฟิลด์รายนี้ไปได้ไกลที่สุด
ถึงขนาดเคยยอมปล่อยตัวไปให้กับ เซเรโซ โอซาก้า ยืมตัวไปใช้งานสองครั้งสองครา แต่สุดท้ายก็ไม่มีการติดต่อซื้อขาดเกิดขึ้น จนต้องมาตั้งเป้าทำผลงานให้ดีที่สุดกับต้นสังกัดแทน แต่ก็ต้องมาเจอกับปัญหาภายในของสโมสร ซึ่งฟอร์มสะดุดแบบต่อเนื่อง จนไม่รู้ว่าจะใช้เวลากู้ศรัทธาแฟนบอลนานแค่ไหน
ความสำเร็จที่ผ่านมาของ ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 23 ปีรุ่นดังกล่าว แม้ว่าจะเป็นแค่รายการอุ่นเครื่อง ที่ต่อยอดให้ช่วยคว้าแชมป์ได้แค่ระดับอาเซียนแบบ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นแชมป์สองรายการสุดท้ายของทีมชาติชุดนี้ ซึ่งร้างความสำเร็จมาแล้วเกือบ 6 ปีเต็ม
แฟนบอลชาวไทย คงได้แต่หวังกว่าศึก โดฮา คัพ ที่ต้องออกไปอุ่นเครื่องกับชาติแถบตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมทีมไปลุยซีเกมส์ และ ถ้วยชิงแชมป์เอเชีย 2023 ที่เลื่อนไปแข่งกันในปีหน้า ช้างศึกยังบลัดรุ่นใหม่ จะทำผลงานได้ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับที่รุ่นพี่เคยทำไว้
เพราะถ้าฟังจากแค่แนวทางการวางแผนของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ ทีมงานสตาฟฟ์ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด การเตรียมทีมชุดนี้จริงจังไม่ใช่เล่น มีการกำหนดทิศทางต่างๆ เอาไว้อย่างชัดเจน ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย
อย่างไรก็ตามการขายฝันและขายนโยบาย เป็นเรื่องที่แฟนบอลไทยเจอกันมาทุกยุคทุกสมัย จนรู้สึกชาชินกันหมดแล้ว สิ่งที่ทุกคนในชาติเฝ้ารอ คือ ความสำเร็จที่จับต้องได้ ซึ่งต้องมาดูกันว่า มันจะเกิดขึ้นหรือไม่? กับรายการแข่งขันในช่วง ฟีฟ่า เดย์ ที่กำลังจะมาถึง
เรื่องราวบทความที่น่าสนใจ
เมื่อ “ซิโก้” ค้าแข้งฮัดเดอร์ฟิลด์ และพบเรื่องราวยิ่งกว่าที่แข้งไทยคนไหนเคยเจอ
โทชิยะ มิอุระ : โค้ชทีมชาติชุดยู 20 คนใหม่ เข้ม,เก่งแค่ไหนและปั้นใครมาบ้าง ?
เด็กในวันนี้ เทพในวันหน้า : 11 แข้งเอเชีย U-23 มูลค่าสูงสุดในโลก
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://thinkcurve.co/ngkhprak-bkaarplukphlangaefng-yim-wrchit-hlangcchudtiddwypratuusudswy/
https://southeastasiansports.blogspot.com/2017/03/dubai-cup-u23-uae-international.html
https://www.transfermarkt.com/thailand-u23/kader/verein/40464/saison_id/2016