ย้อนรอย 5 นัดน่าจดจำบนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อสโมสรไทย ไม่พ่ายทีมจาก ‘เจลีก’

ย้อนรอย 5 นัดน่าจดจำบนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อสโมสรไทย ไม่พ่ายทีมจาก ‘เจลีก’
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

จากผลการแข่งขันในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ที่จบลงด้วยความผิดหวังของสโมสรจากศึก ไทย ลีก อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่บุกไปพ่าย โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส แบบฉิวเฉียดในช่วงต่อเวลาพิเศษ 0-1 ส่งผลให้ไม่เหลือทีมจากไทยให้ตามลุ้นตามเชียร์บนถ้วยชิงแชมป์ทวีปเอเชียสักทีมเดียว

PHOTO : True Bangkok United

แน่นอนว่าหากมองกันตามชื่อชั้นหรือหน้าเสื่อ แบงค็อก นั้นเป็นรองอยู่พอสมควรแบบปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของศักยภาพตัวผู้เล่น อย่างไรก็ตาม โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า การวางแท็คติกและปลุกใจลูกทีม ปลูกฝังแนวทางการเล่นเกมรับอย่างมีวินัย พวกเขาก็สามารถสู้กับรองแชมป์ เจ ลีก ได้อย่างสนุกและคู่คี่สูสี

แม้ว่าจะเป็นอีกครั้งที่สโมสรจาก ไทย ลีก ต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมจากศึก เจ ลีก แต่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ สโมสรจากบ้านเราจะแพ้ทีมจากแดนปลาดิบเสมอไป เพราะก่อนหน้านี้มีหลายทีมที่สามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการ ไม่แพ้ให้กับทีมจากแดนอาทิตย์อุทัยมาเป็นตัวอย่างให้เห็นกันแล้ว

ดังนั้นทีมงาน Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้รวบรวม 5 เกมอันน่าจดจำบนเวที เอซีแอล ที่ทีมจาก ไทย ลีก สามารถต่อกรกับสโมสรในศึก เจ ลีก แล้วเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้ ไม่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ เรียกว่าหักปากกาเซียนไปหลายสำนัก แต่จะเป็นเกมไหนกันบ้าง? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กันได้เลย

เมืองทอง ยูไนเต็ด 2-1 คาชิม่า แอนท์เลอร์ส (ACL 2017 รอบแบ่งกลุ่ม)

ย้อนกลับไปในเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ปี 2017 เมืองทอง ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ ธชตวัน ศรีปาน มีคิวต้องลงดวลกับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส ภายใต้การกุมบังเหียนของ มาซาทาดะ อิชิอิ บนเวที เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม อี ณ สนาม ศุภชลาศัย ท่ามกลางผู้ชมที่เข้ามาให้กำลังใจกว่า 1 หมื่น 2 พันคน

PHOTO : X

กิเลนผยอง ในชุดนั้น มีสตาร์ดาวเด่นเป็นขุนพลตัวหลักจากทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย เป็นแกนนำ ไม่ว่าจะเป็น กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ นายทวารเจ้าของฉายา กวินทร์บินได้, ทริสตอง โด แบ็คลูกครึ่งจอมขยัน, ธีราทร บุญมาทัน ดาวเตะเจ้าของฉายาซ้ายปีศาจ, พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา ตัวริมเส้นสาระพัดประโยชน์ฝั่งซ้าย, มงคล ทศไกร ปีกขวาจอมขยันที่มีทีเด็ดในเรื่องของการสอดเข้าไปทำประตู และ เมสซี่เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์ เพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักสุดๆ

PHOTO : Football Tribe

ส่วนทางฝั่งทีมเยือนจากประเทศญี่ปุ่น เซนเซย์ อิชิอิ นำทีมมาด้วยสตาร์ชาวบราซิลเต็มสูบ อาทิ เปโดร จูเนียร์ ในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม, เลอันโดร ปีกขวามากลีลา และ เลโอ ซิลวา กองกลางตัวตัดเกม

PHOTO : ESPN

เริ่มเกมมาได้ประมาณ 10 กว่านาที ชนาธิป โชว์จังหวะลากเลื้อยฝ่าแนวรับอาคันตุกะ จนคู่แข่งตัดสินใจทำฟาล์วตัดเกมก่อนจะเข้าเขตโทษ แล้วก็เป็นทาง ธีราทร ที่กดฟรีคิกด้วยซ้ายเสียบเสาแรกเข้าไปให้ทางเจ้าบ้าน เมืองทอง ออกนำตั้งแต่นาทีที่ 12

ไฮไลท์เกมดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม เปโดร จูเนียร์ ก็มาแผลงฤทธิ์ยิงประตูตีเสมอให้กับ คาชิม่า ได้ในนาทีที่ 47 หลังพยายามทำเกมบุกกดดันอยู่นาน ยิ่งไปกว่าทีมเยือนยังพลาดโอกาสแซงนำไปอย่างน่าเสียดาย เมื่อมาได้ลูกจุดโทษ แต่ทาง ยูมะ ซูซูกิ กองหน้าที่ลงมาเป็นตัวสำรองยิงพลาดหลุดเสาออกไป

เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอแบา่งแต้มกันไปอยู่แล้ว แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเข้าสู่นาทีที่ 5 เป็นทาง ซิสโก้ ฆิเมเนซ กองหน้าชาวสเปน กลายเป็นฮีโร่ยิงประตูชัยพาทัพ กิเลนผยอง เก็บสามแต้มในเกมนี้ไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

กัมบะ โอซาก้า 1-1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (ACL 2015 รอบแบ่งกลุ่ม)

เกมนี้เป็นศึก เอเอฟซี รอบแบ่งกลุ่ม ปี 2015 กลุ่ม เอฟ ที่ทางขุนพล ปราสาทสายฟ้า ต้องบุกไปเยือนทีมแกร่งจากศึก เจ ลีก อย่าง กัมบะ โอซาก้า ถึงประเทศญี่ปุ่น ท่ามกลางความหวังจากแฟนบอลชาวไทยว่า ทีมแกร่งจาก ไทย ลีก มีโอกาสสู้ได้ เพราะยุคนั้นจัดเต็มเรื่องนักเตะทั้งสตาร์นักเตะไทยและตัวต่างชาติ

ทีมเยือน บุรีรัมย์ ในยุคนั้นมีทาง อเล็กซานเดร กาม่า เฮดโค้ชชาวบราซิลเป็นผู้กุมบังเหียน ผู้เล่นในมืออุดมไปด้วยสตาร์อย่าง ธีราทร บุญมาทัน, อันเดรส ตูเญซ และ โก ซึล-กิ ในแผงกลางและหลัง ส่วนกองหน้าเป็นสองคู่หูตัวอันตรายอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต และ กิลแบร์โต้ มาเชน่า

ไฮไลท์ผลงา่นของขุนพล ปราสาทสายฟ้า ในการออกไปเยือนเกมดังกล่าว

ส่วนทางฝั่งเจ้าถิ่น กัมบะ มีทาง เคนตะ ฮาเซงาวะ เป็นเฮดโค้ช โดยมีนักเตะดาวดังอย่าง ฮิโรยูกิ อาเบะ, ยาสุฮิโตะ เอ็นโดะ, โคทาโร่ โอโมริ และ ทาคาชิ อูซามิ เป็นแกนหลัก เทียบกันตามหน้าเสื่อแล้ว อาจไม่ได้กุมความได้เปรียบเหนือกว่าอาคันตุกะเท่าใดนัก หากวัดกันที่ศักยภาพตัวผู้เล่น

อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐานการเล่นของทีมระดับ เจ ลีก ทางฝั่ง กัมบะ ได้ประตูออกนำไปก่อนจาก อาเบะ ตั้งแต่นาทีที่ 39 ก่อนที่ทางทีมเยือนจาก ไทย ลีก จะมาโชว์สปิริตสู้แบบไม่มีถอย จนมาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จากฟรีคิกสุดสวยของ ธีราทร นาทีที่ 62 จบเกมท่มกลางสายฝนไปด้วยสกอร์นี้ แล้วแบ่งกันไปทีมละแต้ม

เซเรโซ โอซาก้า 1-1 การท่าเรือ เอฟซี (ACL 2021 รอบแบ่งกลุ่ม)

ศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก อาจไม่ใช่เวทีที่สโมสร การท่าเรือ เอฟซี คุ้นเคยกับการลงเล่นเท่าไหร่นัก เนื่องจากผลงานในประเทศ ยังคงไม่สามารถรักษามาตรฐาน เป็นทีมระดับลุ้นแชมป์ หรือ ติดท็อปทรีได้ทุกๆ ปี แต่ในปี 2021 พวกเขาสามารถผ่านเข้ามาสู่รอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสรได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม สิงห์เจ้าท่า ยังมีดวงอยู่บ้างจากการจับฉลาก สนามที่จะลงทำการแข่งขันในกลุ่ม เจ นั้นเป็น ช้าง อารีน่า จังหวัด บุรีรัมย์ ประเทศไทย แล้วเกมสำคัญหลังจากพวกเขาเก็บสามแต้มแรก บนเวทีระดับเอเชียมาได้ คือ การดวลกับ เซเรโซ โอซาก้า ทีมแกร่งจากเวที เจ ลีก ที่เพิ่งคว้า 6 แต้มเต็มมาจากการลงเล่นสองเกมแรก

PHOTO : AFC

สโมสรจากแดนอาทิตย์อุทัยในเวลานั้นคุมทัพโดย เลเวียร์ คัลปิ กุนซือมากประสบการณ์ชาวบราซิล มีสตาร์ตัวชูโรงประจำทีมอย่าง ฮิโรชิ คิโยทาเกะ และ โยชิโตะ โอคุโบะ ที่เคยผ่านการติดทีมชาติญี่ปุ่นชุดใหญ่มาแล้ว

PHOTO : Sanook

ส่วนทางฝั่ง สิงห์เจ้าท่า มีทาง โค้ชอู๊ด-สระราวุฒิ ตรีพันธ์ นำทัพลูกทีมที่ประกอบด้วยสตาร์ชั้นนำของ ไทย ลีก อาทิ ดาบิด โรเชล่า, ฟิลิป โรลเลอร์, โก ซึล-กิ, จอห์น บาจโจ้, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ เซร์คิโอ ซัวเรซ แม้ว่าชื่อชั้นอาจจะเป็นรอง แต่การได้เล่นบนสังเวียนที่พวกเขาคุ้นเคยกว่า มีสิทธิ์สร้างความได้เปรียบให้ไม่มากก็น้อย

แล้วเมื่อเกมเริ่มขึ้นก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เซเรโซ ที่ไม่ได้จัดตัวแบบฟูลทีม มีแค่สตาร์อย่าง โอคุโบะ ประคองทีม เป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน เมื่อโดนทีเด็ดลูกยิงไกลจากระยะกว่าครึ่งสนามของ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ส่งให้ทาง การท่าเรือ ออกนำไปก่อน 1-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก

พอเข้าสู่ครึ่งหลัง คัลปิ ส่งตัวสำรองที่เป็นทีเด็ดอย่าง คิโยทาเกะ และ ทัตสึฮิโระ ซากาโมโตะ ลงมาสร้างสรรค์โอกาส แล้วในที่สุดก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 จาก ซากาโมโตะ ในนาทีที่ 79 ก่อนที่เกมจะจบลงไปด้วยสกอร์นี้ แบ่งกันไปทีมละแต้ม

เชียงราย ยูไนเต็ด 0-0 วิสเซล โกเบ (ACL 2022 รอบแบ่งกลุ่ม)

เกมนัดนี้เป็นศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เจ ที่ลงเล่นกันที่สนาม ช้าง อารีน่า โดยเงื่อนไขของเจ้าถิ่น กว่างโซ้งมหาภัย จำเป็นต้องชนะอาคันตุกะอย่าง วิสเซล โกเบ สโมสรเงินถุงเงินถึงจากศึก เจ ลีก ให้ได้สถานเดียว เพราะพลาดท่าแพ้มาในสองเกมแรก

ในเวลานั้น เอเมอร์สัน เปไรร่า กุนซือชาวบราซิลยังคงทำหน้าที่กุมบังเหียน เชียงราย โดยมีสตาร์ประจำทีมอย่าง บรินเนอร์ เอ็นริเก้, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และ เกทเตอร์สัน อัลเวส ดอส ซานโตส เป็นตัวชูโรง

แม้ว่าเกมนี้จะไม่ชนะตามเป้า แต่ก็สู้ได้อย่างน่าประทับใจ

ส่วนทาง วิสเซล โกเบ มีกุนซือชื่อดังอย่าง มิเกล อังเคล โลติน่า โค้ชมากประสบการณืชาวสเปน คอยผสมผสานแท็คติกให้เข้ากับสตาร์ที่มีอยู่ล้นทีม อาทิ โบยาน เกอร์กิช, ยูยะ โอซาโกะ และ ยูตะ โกเกะ เป็นต้น

แม้ว่าเกมนี้จะจบลงด้วยผลเสมอกันไปแบบไม่มีสกอร์ แต่ทัพ กว่างโซ้งมหาภัย ก็สามารถสู้กับ วิสเซล โกเบ ได้อย่างสูสี ทั้งที่ศักยภาพนักเตะนั้นเป็นรองอยู่หลายขุม พร้อมกับแรงกดดันที่ถาโถมในการคว้าสามแต้มสถานเดียว ซึ่งต่อให้ภารกิจในเกมนี้จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่การได้หนึ่งแต้มมาครองก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าจดจำและชื่นชมได้อย่างเต็มปาก

แบงค็อก ยูไนเต็ด 2-2 โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส (ACL 2023 รอบ 16 ทีมสุดท้าย)

แข้งเทพ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในรอบแบ่งกลุ่มศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ ด้วยการไม่แพ้ให้กับทีมใดเลย แถมยังสามารถเก็บชัยชนะไปได้ถึง 4 เกมเลยทีเดียว ภายใต้การคุมทีมของ โค้ชแบน-ธชตวัน ศรีปาน

PHOTO : The Canberra Times

อย่างไรก็ตามการจับสลากรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด่านหินที่พวกเขาต้องเผชิญหน้าด้วย คือ โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส รองแชมป์จากศึก เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งจะเปลี่ยนตัวกุนซือมาเป็น แฮร์รี่ คีลล์ อดีตเพื่อนร่วมงานของ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่เคยพาทัพ เซลติก ครองความยิ่งใหญ่ในประเทศสก็อตแลนด์มาก่อนหน้านี้

เกมนัดนี้ แข้งเทพ เปิดบ้านต้อนรับ มารินอส ซึ่งหลายสื่อต่างมองว่า จ่าฝูง จากศึก ไทย ลีก ในเวลานั้นเป็นรองอยู่หลายขุม โดยเฉพาะเรื่องของศักยภาพนักเตะที่ทีมเยือนจัดแนวรุกสามประสานชาวบราซิล ลงมาครบครันทั้ง แยน มาเธอุส, แอนเดอร์สัน โลเปส และ เอลแบร์

ส่วนทางฝั่งเจ้าถิ่นก็จัดขุนพลที่ดีที่สุดในมือลงเล่นทุกแดน ไม่ว่าจะเป็น นิติพงษ์ เสลานนท์, เอแวร์ตอน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก, ปกเกล้า อนันต์ และ วิลเล่น โมต้า ผสมผสานระหว่างความสดและความเก๋าให้ลงตัวมากที่สุด

ผลงานระดับ มาสเตอร์พีซ บนเวที ACL ของทัพ แข้งเทพ

รูปเกมที่ออกมาเป็นไปดังคาดเมื่อ มารินอส เป็นฝ่ายออกนำไปก่อนถึง 2-0 จากประตูของ เอลแบร์ ในนาทีที่ 18 และ โคตะ วาตานาเบะ นาทีที่ 24 แต่ด้วยหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ของ แข้งเทพ และการแก้เกมอันเฉียบคมของ โค้ชแบน ได้รางวัลตอบแทนมาเป็นสองประตูจาก นิติพงษ์ เสลานนท์ นาทีที่ 35 และ มาห์มูด อีด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลัง ต่อลมหายใจมาลุ้นผ่านเข้ารอบในเกมถัดไปแบบไม่เป็นรองได้สำเร็จ

แหล่งข้อมูลอ้างอิง : 

https://en.wikipedia.org/wiki/Thai_football_clubs_in_the_AFC_Champions_League

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ