ย้อนรอย ‘ทีมชาติไทย’ หลังอดไปบอลโลก 2006 มีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นบ้าง?

สถานการณ์ของ ทีมชาติไทย ในตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นัก หลังจากเปิดหัวศึก ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่ม โซนเอเชีย ด้วยการพ่ายแพ้ต่อ สาธารณรัฐประชาชนจีน 1-2 ทำให้ศรัทธาของแฟนบอลทัพช้างศึก ค่อนข้างกังวลกับอนาคตของทีมว่าจะเข้าสู่ยุคมืดของวงการบอลไทยอีกครั้งหรือไม่?

แน่นอนว่าหากย้อนกลับไปในอดีตที่เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ช่วงคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 ในช่วงปี 2004 ที่มีทาง คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัลโญ่ เป็นกุนซืออยู่ในขณะนั้น สื่อและแฟนบอลของเรามั่นใจในการดวลกับทีมชาติเกาหลีเหนือในบ้านอย่างมาก เนื่องจากอันดับ ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง รั้งอยู่ที่ อันดับที่ 74 เจอกับทีมที่โปรไฟล์ไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก โอกาสจะเก็บสามแต้มกรุยทางไปสู่บอลโลกนั้นมีความเป็นไปได้

อย่างไรก็ตามผลงานในเกมดังกล่าว กลับจบลงด้วยการพ่ายคาบ้านที่สนาม ราชมังคลากีฬาสถาน แบบเละเทะ 1-4 จนถูกนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นอย่าง ทักษิณ ชินวัตร ออกมาสังคายนาผู้ที่เกี่ยวข้องกันยกใหญ่ แทบจะไม่ต่างกับสถานการณ์ก่อนเกมที่ ช้างศึก จะพ่าย สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวานแบบสุดช็อค ทั้งที่สื่อในประเทศหลายต่อหลายเจ้า นำเสนอทิศทางข่าวว่า ช้างศึก มีโอกาสเก็บชัยชนะสูง

จากความพ่ายแพ้แบบพลิกล็อคในตอนนั้น ทีมชาติไทย แก้ปัญหาอย่างไร? ผลงานของพวกเขากระเตื้องขึ้นหรือไม่? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เปลี่ยนแปลงโค้ชและนักเตะ

ช่วงเวลานั้นสิ่งที่ผู้บริหารทีมชาติไทย เลือกที่จะแก้ไขเป็นการเร่งด่วน คือ การเอา ชัชชัย พหลแพทย์ ขึ้นมานั่งแท่นเป็นกุนซือแทนที่ของ คาร์วัลโญ่ เพื่อไปลุยศึก เอเอฟซี เอเชียน คัพ 2004 แต่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ 3 นัดติดให้กับ อิหร่าน 0-3, ญี่ปุ่น 1-4 และ โอมาน 0-2 ตกรอบไปแบบไม่ได้ลุ้น

คำวิจารณ์ของนายกฯ ทักษิณ เรื่องของตัวผู้เล่นที่กล่าวไว้ว่า

"(นักเตะ)บางคนเล่นมานาน แก่ตัว แก่วัดกันก็หลายคน มันต้องเปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนทั้งทีมหรือบางคนก็ต้องเปลี่ยน ถ้าจะเล่นให้ทีมชาติไทยได้ กายและใจก็ต้องพร้อมด้วย"

ทำให้ทางกุนซือใหม่ ชัชชัย เลือกที่จะเปลี่ยนแปลงผู้เล่นจากนัดแพ้ เกาหลีเหนือ บางรายที่หลุดทีมไป อาทิ ดุสิต เฉลิมแสน, รุ่งโรจน์ สว่างศรี และ ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล แล้วถูกแทนที่ด้วยสายเลือดใหม่อย่าง ณัฐพร พันฤทธิ์, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค และ ณรงชัย วชิรบาล เป็นต้น แต่เนื่องด้วยประสบการณ์บนเวทีเขี้ยวๆ ยังไม่มากพอ ย่อมทำให้สะท้อนมาถึงผลงานในสนาม

ช่วงตามหาหัวเรือใหม่

เมื่อการเปลี่ยนแปลงเรื่องของตัวผู้เล่น พยายามถ่ายเลือดแล้วทีมยังไม่ดีขึ้น ก็ย่อมมาถึงการเปลี่ยนแปลงตัวคนคุมทัพอย่างตำแหน่งกุนซือ รายแรกที่เข้ามา คือ ซิกฟรีด เฮลท์ ที่นำทัพไปทั้งหมด 11 เกม ผลงานยังไม่ดีขึ้น พาทีมบุกพ่าย เกาหลีเหนือ ซ้ำด้วยสกอร์เดิม 1-4, พาทีมตกรอบแรกอาเซียน คัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการใช้ผู้เล่นชุดยังบลัด และ ชวดแชมป์ คิงส์ คัพ ช่วงปลายปี ปิดสถิติไปด้วยการคุมทัพ 11 นัด ชนะ 4 เสมอ 4 และแพ้ 3 นัด ก่อนจะแยกทางกันไปในปี 2005

หลังจากนั้นก็มีการติดต่อทาง ‘อ.หรั่ง-ชาญวิทย์ ผลชีวิน’ เข้ามารับไม้ต่อระหว่างปี 2548-2551 ผลงานรวมๆ พอจะกระเตื้องขึ้นมาบ้าง ด้วยการคว้าแชมป์ คิงส์ คัพ ครั้งที่ 37 และ 38 มาครองได้ แต่ภาพรวมผลงานในการนำทีม 39 นัด ชนะไป 18 เสมอ 11 และแพ้ 10 ยังดูดีไม่พอ จึงจำเป็นต้องหากุนซือที่มีโปรไฟล์ดีกว่าเข้ามาแทน

อย่างไรก็ตามผู้จัดการทีมระดับการผ่านงานในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่า่ง ปีเตอร์ รีด และ ไบรอัน ร็อบสัน กลับมีธรรมชาติที่ไม่เหมาะกับการคุมนักเตะไทย พาทีมเก็บชัยชนะเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ 53.3% และ 38.8 % ตามลำดับ

หลังจากนั้นผู้เล่นซีเนียร์ตัวเก๋า ยกตัวอย่าง เช่น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กองหน้าระดับตำนานทัพช้างศึกก็อำลาทีมในปี 2007 รวมไปถึงเพื่อนๆ ของเขาที่อยู่ในยุคเดียวกัน ที่โรยราไปตามวัยแล้วพร้อมเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งหน้าใหม่ที่มีศักยภาพฝีเท้าดีมาทำหน้าที่ทดแทน

สุดท้ายแล้วทางผู้บริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ก็ต้องไปดึงตัวเฮดโค้ชโปรไฟล์หรูอย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันเข้ามารับงาน พร้อมก้าวเข้าสู่ยุคความหวังใหม่อย่างเต็มตัว พร้อมกับการถ่ายเลือดผู้เล่นครั้งใหญ่ ตามที่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า

“ผมพร้อมให้โอกาสผู้เล่นหน้าใหม่ ด้วยการดูฟอร์มและผลงานในศึก คิงส์ คัพ ครั้งที่ 42 ส่วนผู้เล่นตัวหลักที่เคยติดทีมแล้วไม่ได้เรียกมาในครั้งนี้ให้เตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมไว้ ส่วนแท็คติกจะเปลี่ยนจากบอลโยนยาวมาเน้นต่อบอลสั้นมากขึ้น”

แม้ว่าผลงานของ เชเฟอร์ ในการคุมทีมทั้งหมด 28 นัด จะพาทีมเก็บชัยชนะได้แค่ 50% จากการชนะ 14 เสมอ 6 และแพ้ 8 แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ให้โอกาส ‘เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์’ ได้ลงสนามในทีมชาติชุดใหญ่เป็นครั้งแรก แล้วกลายผู้เล่นคนสำคัญของทีมชาติไทยมาจนถึงทุกวันนี้

ก่อนที่ทาง ‘ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง’ จะพา ทีมชาติไทย กลับสู่ยุครุ่งเรือง เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับมาได้ช่วงหนึ่ง ซึ่งก็ต้องมาดูกันต่อไปว่า ณ สถานการณ์ปัจจุบัน ผู้บริหารของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จะจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้แบบใด? สามารถใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในอดีตมาต่อยอดแก้ไขส่วนใดได้บ้าง?

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.11v11.com/matches/thailand-v-korea-dpr-09-june-2004-253400/

https://www.11v11.com/matches/iran-v-thailand-20-july-2004-253548/

https://thinkcurve.co/eruue-ngaihyradabchaati-pii-2004-aithy-aeph-ekaahliiehnuue-1-4-thaksin-cha-eriiyngtaw-thkpayhaa-kthiiwii/?fbclid=IwAR1CEkAz83NHRJTPrpeyi_ovJbw0ESRm4_ZCe--Vrqc0G7IGKZ-gFKzQ8UM

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2

https://www.thairath.co.th/content/320186

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘เดวิด คิสต์’ ผู้สานต่อโปรเจ็คท์ U20 บลูล็อคสไตล์จิงโจ้

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด