ยาสซิน โบโน : ตัวแสบโมร็อกโกผู้เซฟจุดโทษได้ 11 หนในรอบ 2 ปี
พุ่งถูกทางทุกลูก และเซฟลูกยิงของฝั่งสเปนได้ทั้งหมด คือเหตุการณ์ที่ทำให้ ยาสซิน โบโน ประตูของ โมร็อกโก โด่งดังเพียงชั่วข้ามคืน
หลายคนบอกการดวลลูกจุดโทษคือเรื่องของดวงที่มีโอกาส 50-50 แต่สำหรับ โบโน่ เขาส่ายหัวและเชื่อว่าของแบบนี้อยู่ที่การใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นความลับของเขามากกว่า
เคล็ดลับการเซฟจุดโทษของ โบโน่ มีจริงหรือ ? และเขาเป็นคนแบบไหนทำไมถึงดูมั่นอกมั่นใจนักในสถานการณ์ที่กดดันอย่างที่สุด ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
จุดโทษ = ฝีมือ
แม้จะยังคงมีความเชื่อว่าจุดโทษนั้นคือเรื่องของโอกาส 50-50 ทว่าอันที่จริงแล้ว คำว่าดวงหรือโชคชะตานั้นไม่มีค่าเท่ากับการฝึกซ้อม และใจที่เตรียมพร้อมมาเพื่อจบเกมด้วยการเป็นผู้ชนะ
โดยเฉพาะในฟุตบอลทัวร์นาเม้นต์อย่างฟุตบอลโลก มั่นใจได้เลยว่าแต่ละชาติที่เข้ามาถึงรอบน็อคเอาท์นั้นต้องมีการซักซ้อมการยิงจุดโทษมาเป็นอย่างดีเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
เซียนดวลจุดโทษเบอร์ 1 ของโลกนี้ของทีมชาติเยอรมัน ... เยอรมัน คือชาติที่ชนะในการดวลจุดโทษในฟุตบอลโลก 100% สถิติไร้พ่ายนี้เกิดจากการฝึกซ้อมหลายแบบไม่ใช่แค่การลงไปซ้อมในสนาม คนยิงซ้อมยิง คนเป็นประตูก็ซ้อมรับ แต่มันรวมไปถึงการเรียนรู้เรื่องการสร้างสภาพจิตใจ ทำให้จิตประสาทตัวเองนั้นแข็งแกร่งพอที่จะสะกดจิตตัวเองได้ว่า "เราเซฟได้แน่"
"เราเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตประสาทสุดแกร่ง และความมั่น ก่อนจะง้างเท้ายิงหรือเซฟ กายพร้อม ใจพร้อม คือความลับของเรา เดินเข้ากรอบ 18 หลาด้วยความสง่า เรามั่นใจว่ายิงไป ผลลัพธ์ที่ตามมาจะดีงามแน่นอน" อันเดรียส ค็อปเค่ ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน ว่าเช่นนั้น
สิ่งที่ ค็อปเค่ บอก ส่งตรงไปถึง ยาสซีน บูนู หรือ "โบโน่" ประตูทีมชาติโมร็อกโก ที่เซฟจุดโทษได้อย่างแม่ยำในเกมที่ โมร็อกโก เอาชนะ สเปน 3-0 ในการดวลจุดโทษ ส่งให้ โมร็อกโก เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในระวัติศาสตร์
วิธีการเล่นของ โมร็อกโก ตลอด 120 นาที แสดงให้ทุกคนที่ดูเกมนี้รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาหวังไว้มากกับการยันเสมอเพื่อเข้าไปดวลจุดโทษ วาลิด เรกรากี กุนซือของทีมสั่งให้ทีมซ้อมจุดโทษก่อนแข่งขันมาอย่างหนัก และอย่างที่ได้กล่าวไว้ก็คือนอกจากการซ้อมยิงและเซฟแล้ว สภาพจิตใจของผู้รับมอบหมายหน้าที่ก็ดูจะได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะลูกยิงยัดเข้าตรงกลางประตูของ ฮาคิม ซิเย็ค, ลูกยิงปาเนนก้าของ อชราฟ ฮาคิมี่ และการเซฟจุดโทษของ โบโน่ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่เกิดจากการซักซ้อมเพื่อเน้นไปที่การเอาชนะจุดโทษโดยเฉพาะ
ในส่วนของ โบโน่ นั้นยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ และเมื่อเราลองสืบค้นประวัติรวมถึงนิสัยใจคอของเขา ดูเหมือนว่า เขาจะเป็นผู้รักษาประตูที่มีคาแร็คเตอร์เหมาะกับการเซฟจุดโทษเป็นอย่างยิ่ง
เชื่อมั่นในตัวเอง
คนจะเซฟจุดโทษเก่งต้องมีความมั่นใจสูงเป็นอย่างแรก โดยตัวของ โบโน่ นั้นมีผู้รักษาประตูในแบบที่โมเดิร์นฟุตบอลเรียกวันว่า "สวีปเปอร์ คีปเปอร์" ที่ต้องใช้เท้าเล่นบอลมากกว่าใช้มือ ต้องคอยรับมือกับการวิ่งกดดันเข้าหาของแนวรุกคู่แข่ง ดังนั้นทุกการจับบอลหรือออกบอลจะต้องมั่นใจ เพราะเมื่อพลาดก็มีโอกาสเสียประตูมากขึ้นหลายเท่า
สำหรับ โบโน่ นั้นไม่ใช่นักเตะที่โด่งดังมากตั้งแต่เด็ก เขาเกิดที่ มอนทรีอัล ประเทศ แคนาดา ก่อนจะย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่ คาซาบลังก้า เมืองหลวงของประเทศโมร็อกโก และเริ่มอาชีพกับ วีดัด คาซาบลังกา สุดท้าย แอตฯ มาดริด ก็มาดึงตัวเขาไปร่วมทีมในปี 2012
ช่วงเวลาที่อยู่กับ แอตฯ มาดริด นั้น โบโน่ ไม่ได้เล่นชุดใหญ่เลยแม้แต่เกมเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ โบโน่ การสู้ต่อจนถึงที่สุด เขาพยายามหาโอกาสลงเล่นด้วยการไปยืมตัวกับทีมต่าง ๆ ในดิวิชั่นที่ต่ำกว่า สุดท้ายก็มาเล่นให้กับทีมระดับสูงอย่าง เซบีย่า แม้จะต้องเป็นมือ 2 อยู่หลายปี แต่การปรับตัวและสภาพจิตใจคือส่วนสำคัญที่ทำให้เขารอจนโอกาสที่เหมาะสม สุดท้ายก็มาจบด้วยการได้เป็นมือ 1 ของ เซบีย่า ในท้ายที่สุด
“มันยากเสมอสำหรับนักเตะแอฟริกันเมื่อพวกเขามาถึงยุโรป” เขาอธิบาย “เมื่อพวกเรา(นักเตะแอฟริกัน)มาที่นี่ เราพยายามหาสิ่งที่คล้าย ๆ กับที่ ๆ เราจากมา เราอยากจะเจอกับใครที่ทำให้พวกเรามีความมุ่งมั่นแลเป็นที่พึ่งเสมอ"
"ผมเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาบ้าง แต่ช่วงเวลาเหล่านั้นทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น เราต้องปรับตัวให้เข้ากับความคิดแบบยุโรปและใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อให้ได้การปรับตัวและปรับความคิดให้เข้ากับผู้เล่นคนอื่น ๆ และพยายามทำให้ตัวเองมีผลงานที่ดี”
กล่าวคือ โบโน่ ก้าวเท้าออกมาจาก โมร็อกโก ด้วยความเชื่อมั่นเสมอว่าเขาจะต้องสามารถเอาชนะความอยากลำบาก การปรับตัว และการยกระดับตัวเองขึ้นมาเพื่อได้เล่นในระดับสูง เขายอมถอยหลัง 2-3 ก้าว เพื่อทะยานไปข้างหน้าได้ไกลว่า
ไม่มีการเกรงใจว่าตัวเองเป็นนักเตะจากทวีปแอฟริกา จะต้องยอมหงอให้กับนักเตะจากชาติมหาอำนาจลูกหนัง และนอกจากความมั่นใจแล้ว โบโน่ ยังมีสิ่งที่เรียกว่า "เล่ห์เหลี่ยม" มากกว่าที่ใคร ๆ คิด คนอย่างเขาทำได้ทุกอย่าง และกล้าเสี่ยงเพื่อให้ทีมมีโอกาสเป็นผู้ชนะ และก่อนหน้าที่จะมาเซฟ 3 จุดโทษ โบโน่ ก็เป็นไอ้ตัวแสบในสายตาคู่แข่งมาแล้วหลายคน
ห้าวไม่กลัวใคร
ฟุตบอลคือกีฬาของลูกผู้ชาย นอกจากจะต้องใช้กำลังห้ำหั่นกันเเล้วยังต้อง ชิงไหว ชิงพริบ เล่นเกมจิตวิทยาใส่กัน ใครประสาทแข็งกว่าคนนั้นก็เป็นมีโอกาสเป็นจบเกมด้วยการเป็นผู้ชนะ
เรื่องการเซฟจุดนั้น โบโน่ คือจอมเซฟมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จุดเด่นของเขาคือคนที่ชอบใช้เหลี่ยม หรือจะพูดแบบชาวบ้านก็คือ "แอบโกง" นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแทรชทอล์ค หรือการใช้คำพูดหรือการแสดงออกที่ทำลายสมาธิของคนยิง หรือคู่แข่งของเขาเสมอ เช่นเขาเคยบอกว่า "เพราะ เซบีย่า ฉลาดกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พวกเราถึงเอาชนะเกมนี้ได้" ในเกมที่ 2 ทีมเจอกันในรอบรองชนะเลิศ ยูโรป้า ลีก ปี 2020
นอกจากนี้ครั้งหนึ่งในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2021 โบโน่ เคยเซฟจุดโทษของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ มาแล้วในเกมที่ เซบีย่า เสมอกับ ดอร์ทมุนด์ 2-2 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยในเกมนั้น โบโน่ ทำท่าขยิบตาและยิ้มเพื่อส่งความกดดันไปยัง ฮาลันด์ ประมาณว่า "ลองยิงมาดูสิ เดี๋ยวจะเซฟให้ดู"
ซึ่ง ฮาลันด์ ก็ยิงพลาดจริง ๆ โดยหลังจากเซฟได้ โบโน่ วิ่งออกมาตะโกนดีใจใส่หน้า ฮาลันด์ เป็นการยั่วยุเพิ่มอีกดอก โดยจบเกม ฮาลันด์ ถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า "ผมยิงพลาด แต่เขา(โบโน่)ก็เล่นขี้โกง"(เท้าออกนอกเส้นปากประตู)
"ตอนที่เขาออกมาตะคอกใส่หน้าผมหลังจากผมยิงลูกแรก ผมคิดในใจทันทีว่าเดี๋ยวผมต้องยิงใส่เขาให้ได้ แล้วผมก็ทำได้จริง ๆ" ฮาลันด์ กล่าว
การเซฟของ โบโน่ คล้าย ๆ กับที่ ค็อปเค่ บอก มันคือความมั่นใจว่าจะต้องเซฟได้แน่ ๆ ยั่วยุแบบไม่กลัวว่าหากตัวเองเซฟไม่ได้ จะต้องโดนล้อหรือโดนยั่วยุกลับ โบโน่ เชื่อว่าการเสี่ยงยั่วฝั่งตรงข้าม ดีกว่าการปล่อยให้คนยิงตั้งสมาธิและยิงจุดโทษด้วยความมั่นใจ
“การดวลจุดโทษเป็นเรื่องสัญชาตญาณและการเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะออกมาดีกว่าการอยู่เฉย ๆ และปล่อยให้มันเรื่องของดวงอย่างแน่นอน คุณต้องคิดอยู่เสมอว่ามันเป็นงานที่เป็นส่วนหนึ่งของเกมและคุณต้องคำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น" โบโน่ กล่าวประโยคนี้หลังเกมที่เขาพา เซบีย่า ชนะ เรอัล บายาโดลิด ในซีซั่น 2021
ใจความที่เขาจะสื่อคือ ซ้อมเซฟจุดโทษให้มาก เตรียมจิตใจให้แข็งแกร่ง คาดเดามันล่วงหน้า คิดซะว่าไอ้คนที่จะยิงคุณมันคิดแบบไหน คิดภาพเอาไว้ในหัว และเชื่อใจสัญชาติญาณของตัวเอง
ก่อนจะเริ่มฟุตบอลโลก 2022 โบโน่ เซฟจุดโทษได้ทั้งหมด 14 ครั้ง ขณะที่ 2 ปีหลังสุด หรือปี 2021 ถึงปี 2022 ดูเหมือนว่าเขาจะจับทริกอะไรบางอย่างได้ ด้วยการเซฟจุดโทษไปถึง 9 ลูก นอกจากนี้ยังเคยเซฟจุดโทษเกมเดียว 2 หนมาเเล้ว ในเกมที่ เซบีย่า เสมอกับ ซัลซ์บวร์ก 1-1 ในปี 2021 ... และหากรวมการเซฟในการดวลจุดโทษกับ สเปน ไปด้วย จะเท่ากับว่า โบโน่ เซฟไปถึง 11 หนในรอบ 2 ปี นี่คือตัวเลขที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
หากคุณย้อนไปดูไฮไลต์การเซฟจุดโทษของ โบโน่ คุณจะได้เห็นสีหน้าของเขาก่อนจะเซฟที่ดูผ่อนคลายสุด ๆ ไม่มีหน้านิ่วคิ้วขมวด มีแต่รอยยิ้มที่แสดงถึงความมั่นใจ ส่วนจังหวะการเซฟ ถือเป็นรูปแบบเดิมที่เขาใช้มาตั้งแต่ตอนเล่นให้ เซบีย่า แล้ว นั่นคือการขยับตัวยึกยักด้วยความเร็วจากนั้นก็พุ่งไปยังทางที่ตัวเองเลือก แถมยังเป็นการพุ่งสุดทางอย่างมั่นใจ จากการซ้อมและศึกษาก่อนเกมมาเป็นอย่างดี
คาแร็คเตอร์ของ โบโน่ นั้นคล้ายจอมเซฟจุดโทษอีกหลาย ๆ คนที่เคยสร้างตำนานในฟุตบอลโลก เยนส์ เลห์มันน์(เยอรมัน) และ ริคาร์โด้(โปรตุเกส) ที่มักจะทำตัวเป็นไอ้แสบในสายตาคู่แข่ง ชอบเล่นเกมจิตวิทยา และมีลูกบ้าซ่อนอยู่ในตัวเอง(โบโน่ เคยเติมขึ้นไปโหม่งประตูจากลูกเตะมุมมาแล้ว) เหนือสิ่งอื่นใดคือคนที่มั่นใจในตัวเอง และไม่กลัวว่าจะโลกจะถล่มกลับใส่เขา หากการปากแจ๋งว หรือแสดงการข่มคู่แข่งของเขานั้นจบลงด้วยความพ่ายแพ้
ก่อนฟุตบอลโลก 2022 เริ่มขึ้นเขาถูกถามถึงเป้าหมายกับทีมชาติ โมร็อกโก ณ ตอนนั้นหลายคนอดขำไม่ได้ที่เขาบอกว่า “การไล่ล่าแชมป์โลกกับทีมชาติ โมร็อกโก คือเป้าหมายของผม” … ดูเหมือนว่าตอนนี้คำพูดของเขาเริ่มจะดูมีน้ำหนักขึ้นไม่มากก็น้อย
เจ้าของความสูง 195 เซ็นติเมตร มีโปรเเกรมซ้อมจุดโทษโดยเฉพาะ และฝึกเรื่องสภาพจิตใจมาเป็นอย่างดี ทั้งหมดนี้ทำให้ โบโน่ สามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยม และกลายเป็น 1 ในตำนานที่น่าจดจำของฟุตบอลโลก 2022 หนนี้อย่างแน่นอน
https://www.fifa.com/news/bounou-morocco-fifa-world-cup-qualifiers-interview
https://lionsdelatlas.ma/yassine-bounou-je-me-sens-tres-heureux-a-seville/
https://www.fifa.com/fifaplus/en/watch/2ZqLZ2FFPV6urFL8A9fIBl
https://www.transfermarkt.com/bono/elfmeterstatistik/spieler/207834
https://www.coachesvoice.com/wolves-0-sevilla-1-tactical-analysis/