ยุทธการเด็ดปลีกพญาอินทรี : ชำแหละแท็คติคโมริยาสุ ผู้พา ญี่ปุ่น สอนบอล เยอรมัน
ชัยชนะเหนือเยอรมัน 4-1 บนแผ่นดินของคู่แข่ง คือหลักฐานยืนยันว่า ตอนนี้ทีมชาติญี่ปุ่นกลายเป็นทีมระดับโลกไปแล้ว และเป้าหมายการคว้าแชมป์โลกที่วางไว้ในปี 2050 ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป และอาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่านั้นก็เป็นได้
ขุมกำลังของทีมชาติญี่ปุ่นชุดนี้ต้องบอกว่าแข็งแกร่งทั่วแผ่น นักเตะค้าแข้งในลีกใหญ่ของยุโรปแทบทั้งนั้น อาทิ วาตารุ เอ็นโดะ, คาโอรุ มิโตมะ และ ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ ที่สร้างชื่อในพรีเมียร์ลีก หรือแม้แต่ ทาเคฟุสะ คุโบะ ที่กำลังร้อนแรงสุด ๆ ในเวทีลาลีก้า
นักเตะเหล่านี้ดวลกับนักเตะระดับท็อปของโลกอยู่ทุกสัปดาห์ ดังนั้นเมื่อมารวมตัวกันในทีมชาติและเผชิญหน้ากับทีมที่แข็งแกร่ง พวกเขาจึงไม่ได้เกรงกลัวศักดิ์ศรี กล้าเล่นกล้าลุยใส่คู่แข่ง และนี่คือเหตุผลที่ทีมชาติญี่ปุ่นกดทีมชาติเยอรมันจนอยู่หมัด
นอกจากคุณภาพของผู้เล่นแล้ว ฮาจิเมะ โมริยาสุ นายใหญ่ทัพซามูไรบลู คืออีกคนที่สมควรได้รับเครดิต ด้วยแท็คติคที่วางไว้อย่างแยบยล และยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ จนสุดท้ายพวกเขาก็ย้ำแค้นต่อทีมอินทรีเหล็กได้สำเร็จ
ทีมชาติญี่ปุ่นออกสตาร์ตเกมด้วยระบบ 4-2-3-1 โดยขยับ ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ มายืนเป็นปราการหลังตัวกลางคู่กับ โก อิตาคุระ แดนกลางมี วาตารุ เอ็นโดะ กับ ฮิเดมาสะ โมริตะ ยืนประจำการหน้าแผงแบ็คโฟร์ โดยวาง คาโอรุ มิโตมะ, จุนยะ อิโตะ และ ไดจิ คามาดะ คอยขับเคลื่อนเกมรุก
โมริยาสุ ให้เห็นผลว่า "วันนี้เราเริ่มต้นเกมด้วยแผนกองหลัง 4 คน เราพยายามใช้แผนนี้ให้ได้มากที่สุด เพื่อหยุดเกมรุกของคู่แข่ง และตอบโต้ให้พวกเขาพบกับความยากลำบาก โดยเฉพาะการเติมเกมขึ้นไปของผู้เล่นแถวสอง"
แผนที่ โมริยาสุ วางไว้ในครึ่งแรกได้ผลเป็นอย่างดี จริงอยู่ที่ ญี่ปุ่น ครองเกมได้น้อยกว่า แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเปิดเกมรุกตอบโต้ เกมของ เยอรมัน ก็จะปั่นป่วนทันที จนสามารถทำสกอร์ออกนำไปก่อน 2-1 ซึ่งเอาจริง ๆ พวกเขาควรนำห่างกว่านั้นด้วยซ้ำ เมื่อดูจากโอกาสจบสกอร์
ระบบของ ญี่ปุ่น ทำท่าว่าจะไปได้สวย แต่ โมริยาสุ ก็สังเกตเห็นจุดอ่อนตรงแนวรับฝั่งขวา ซึ่งถูก เลรอย ซาเน่ เจาะเข้ามาหลายครั้ง หนึ่งในนั้นนำมาซึ่งประตูที่ทีมเสียไป ซึ่งถ้าปล่อยไว้แบบนี้ มีโอกาสที่ เยอรมัน จะกลับสู่เกมได้
โมริยาสุ จึงตัดสินใจปรับหมากการยืนในครึ่งหลัง เปลี่ยนไปเล่นแผนกองหลัง 5 คน เพิ่มเซ็นเตอร์ฮาล์ฟเป็น 3 คน แล้วถอยปีกอย่าง จุนยะ อิโตะ กับ คาโอรุ มิโตมะ ลงมาเล่นวิงแบ็คช่วยเกมรับ เพื่อปิดตายเกมริมเส้นของเยอรมัน
"ความจริงคือเราเตรียมแผนเซ็นเตอร์แบ็ค 3 คน ไว้ตั้งแต่ก่อนเกมแล้ว ตอนพักครึ่งผมก็ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้แผนนั้น เพราะทีมนี้แตกต่างจากทีมชุดฟุตบอลโลก พวกเขาสามารถเล่นได้ในหลายระบบ เราจึงเปลี่ยนแผนเพื่อหยุดกับเยอรมัน เพราะตอนนี้เรามีทางเลือกในการต่อสู้มากขึ้น" โมริยาสุ กล่าว
"นักเตะเล่นกันฉลาด พวกเขาสามารถรับมือกับการเล่นของเยอรมัน ขณะเดียวกันก็ทำในสิ่งที่เยอรมันไม่ชอบ พวกเขาแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการตอบโต้เกมของคู่แข่ง เล่นได้ดีทั้งจังหวะเกมรุกและเกมรับ"
หมากที่ โมริยาสุ วางไว้ในครึ่งหลังได้ผลจริง ๆ ญี่ปุ่น หยุดเกมรุกของ เยอรมัน ได้อย่างหมดจด และตอบโต้ด้วยการเล่นเกมรุกที่อันตราย จนสามารถบุกมาเอาพิชิตทีมอินทรีเหล็กได้แบบขาดลอย 4-1 ทั้งที่ มาร์ค-อันเกร แทร์ สเตเก้น นายด่านทีมคู่แข่ง เซฟได้ถึง 7 ครั้ง เรียกว่าเป็นชัยชนะที่เป็นเอกฉันท์ทั้งผลสกอร์และรูปเกมที่ออกมา
ฮาจิเมะ โมริยาสุ คือผู้อยู่เบื้องหลังความยอดเยี่ยมของทีมชาติญี่ปุ่นชุดนี้ หากเปรียบเป็นการทำอาหาร เขาคงเป็นพ่อครัวระดับมาสเตอร์เชฟ ที่รู้จักนำวัตถุดิบที่มีอยู่มารังสรรค์เมนูออกมาได้อย่างกลมกล่อมและลงตัว
แม้แต่นักข่าวชาวเยอรมันของ Frankfurter Rundschau ที่นอกจากจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี เขายังอดที่จะยกย่องผลงานอันสมบูรณ์แบบของทีมชาติญี่ปุ่นชุดนี้ไม่ได้
ถึงกับออกปากว่า "ฟอร์มของญี่ปุ่นคือฟอร์มของทีมอันดับท็อป 10 ของโลก เทคนิคและการยืนตำแหน่งของพวกเขายอดเยี่ยมไร้ที่ติจริง ๆ"
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เป้าที่ไม่ได้ตั้งเล่น ๆ : ญี่ปุ่น จะทำอะไรต่อเพื่อแผนเป็นแชมป์โลกปี 2050 ?
ศิษย์-อาจารย์, เพื่อน, คู่แข่ง : ญี่ปุ่น-เยอรมัน ความสัมพันธ์ลึกซึ้งผ่านฟุตบอล
ไปแข่งบอล แต่เหมือนโดนคุมตัว : เกาหลีเหนือ ดินแดนที่ ทีมชาติญี่ปุ่น ไม่มีวันลืม
อ้างอิง :
https://web.gekisaka.jp/news/japan/detail/?391709-391709-fl https://www.soccerdigestweb.com/news/detail/id=138924
https://www.soccerdigestweb.com/news/detail/id=138916
https://www.soccerdigestweb.com/news/detail/id=138934