อยู่อย่างราชา ใช้วีซ่าทูต : เปิดชีวิตแข้งซูเปอร์สตาร์ ในลีกซาอุดิอาระเบีย

ซาอุดิอาระเบียกลายเป็นลีกที่น่าจับตามองที่สุดในโลกไปแล้ว จากการคว้านักเตะซูเปอร์สตาร์มากมายเข้ามาค้าแข้ง อาทิ คริสเตียโน โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, เนย์มาร์, ซาดิโอ มาเน่, เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ริยาด มาห์เรซ, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน เป็นต้น

มันไม่ใช่เรื่องง่ายกับการเซ็นสัญญานักเตะระดับนี้ เมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งในและนอกสนาม อย่างแรกเลยพวกเขาต้องยอมลดเกรดลงมาเล่นในลีกระดับเอเชีย ทั้งที่เคยอยู่ในจุดสูงสุดของฟุตบอลระดับสโมสร

ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังต้องยอมทิ้งชีวิตอิสระและสังคมเปิดกว้างในยุโรป มาใช้ชีวิตในประเทศมุสลิมที่มีกฎระเบียบเคร่งครัด และมีสิ่งแวดล้อมแตกต่างโดยสิ้นเชิง ทั้งเรื่องสภาพอากาศ, อาหารการกิน และการปฏิบัติตัว

สโมสรจากซาอุดิอาระเบียจึงต้องพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อโน้มน้าวใจบรรดาแข้งซุปตาร์ยอมรับข้อจำกัดเหล่านี้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าสิ่งที่ได้รับคุ้มค่ากว่าสิ่งที่จะเสียไป

จึงเป็นที่มาของการยื่นข้อเสนอที่ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งแม้แต่คนซาอุดิอาระเบียแท้ ๆ ก็ไม่มีโอกาสเอื้อมถึง

ตามหน้าสื่อเราเห็นกันอยู่แล้วว่า นักเตะที่ย้ายมาได้รับค่าจ้างชนิดมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ อย่าง คริสเตียโน โรนัลโด้ และ คาริม เบนเซมา ได้รับค่าจ้างคนละ 200 ล้านยูโรต่อปี (7,700 ล้านบาท)

นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความะดวกต่าง ๆ คอยให้บริการอย่างครบครัน อย่าง เนย์มาร์ นอกจากค่าเหนื่อยก้อนโตแล้ว เขายังได้ใช้เครื่องบินเจ็ทส์ไซส์ใหญ่ของเจ้าชายซาอุฯตอนเดินทางมาเซ็นสัญญากับทีม ได้อยู่แมนชั่นหรู มีคนคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง แถมยังรถซูเปอร์คาร์ให้ใช้แบบฟรี ๆ อีกต่างหาก

เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขายังได้รับการยกเว้นให้จัดงานปาร์ตี้และดื่มแอลกอฮอล์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ามของซาอุดิอาระเบีย เพราะเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่นักเตะหลายคนทำไว้ในสัญญา

"เมื่อเป็นนักเตะชื่อดัง จะมีการตกลงข้อยกเว้นตอนเจรจาสัญญา นั่นหมายความว่า นักเตะจะสามารถดื่มแอลกอฮอล์และจัดปาร์ตี้ที่บ้านได้ แต่ต้องระมัดระวังอยู่เสมอ" ชาร์ลส์ คาร์โดโซ่ เอเย่นต์ผู้คร่ำหวอดชาวบราซิล กล่าว

สิทธิพิเศษอีกอย่างที่นักเตะจะหาไม่ได้จากที่ไหนคือ พวกเขาจะได้รับวีซ่านักการทูต ซึ่งปกติแล้วจะออกให้เฉพาะนักการทูตจากประเทศต่าง ๆ เท่านั้น และได้รับการปฏิบัติราวกับเป็นคนในราชวงศ์ซาอุฯเลยก็ว่าได้

"น้ำหมึกปากกาที่เซ็นสัญญายังไม่ทันแห้งดี นักเตะก็จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายในซาอุดิอาระเบีย พวกเขาจะได้รับการปฏัติราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์ที่นั่น" ชาร์ลส์ คาร์โดโซ่ กล่าวต่อ

"พวกเขาจะไม่ได้เดินทางเข้าประเทศด้วยวีซ่านักกีฬา แต่จะเข้ามาด้วยวีซ่านักการทูต เนย์มาร์ได้รับค่าจ้าง 2.5 ล้านปอนด์ต่อสัปดาห์ (112 ล้านบาท) มันบ่งบอกถึงศักยภาพของซาอุดิอาระเบียได้เป็นอย่างดี"

"ไม่ใช่แค่นักเตะซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับค่าจ้างระดับนี้ แต่นักฟุตบอลธรรมดา ๆ ในลีก ก็ได้ค่าจ้าง 1 ล้านปอนด์ต่อเดือนแล้ว (45 ล้านบาท)"

เป้าหมายของซาอุดิอาระเบียคือการก้าวขึ้นไปเป็นลีกแถวหน้าของโลกภายในปี 2030 ซึ่ง ชาร์ลส์ คาร์โดโซ่ มองว่า มันมีโอกาสเป็นไปได้ เพราะพวกเขามีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่ใช่แค่ใช้งานซื้อนักเตะเข้ามาเหมือนกับลีกจีน

"ซาอุดิอาระเบียมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ไม่เหมือนกับลีกจีนที่ล้มเหลว กลยุทธของซาอุฯคือการนำนักเตะที่ดีที่สุดมาอยู่ในลีก เพื่อทำให้ประเทศได้รับความสนใจมากขึ้น ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา และแสดงให้คนเหล่านั้นเห็นถึงโครงสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักฟุตบอล" เอเย่นต์บราซิล ทิ้งท้าย

"จากนั้นพวกเขาก็จะขายนักเตะเหล่านี้กลับไปยุโรปด้วยราคามหาศาล ผมมั่นใจว่าจะได้เห็นนักเตะย้ายไปลีกซาอุฯมากขึ้น ๆ ในช่วง 2-3 ฤดูกาลต่อจากนี้ มันคือรางวัลใหญ่ของทั้งนักเตะ, สโมสร และนักลงทุน"

จากคำพูดของ ชาร์ลส์ คาร์โดโซ่ กลยุทธของซาอุฯเริ่มเห็นผลแล้ว เพราะมีสถานีโทรทัศน์และแพลตฟอร์มออนไลน์ ครอบคลุมกว่า 130 ประเทศทั่วโลก เข้ามาซื้อลิขสิทธิ์เพื่อถ่ายทอดเกมลีกซาอุดิอาระเบียในฤดูกาลนี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

เป็นไปได้แค่ไหน ? เมื่อซาอุดิอาระเบียคิดการใหญ่ วางแผนส่งสโมสรไปเล่นถ้วย UCL

เนย์มาร์ มาอีก 1 : ใครคือ 10 นักเตะที่ได้ค่าเหนื่อยแพงที่สุดในลีกซาอุ ตอนนี้ ?

เปิดแผนครองโลกของลีกซาอุฯ : เทงบ 7.5 แสนล้านบาท สู่ความยิ่งใหญ่ใน 7 ปี

กล้าฝันยิ่งกว่าจีน : ไขเบื้องหลังการปฎิวัติโลกลูกหนังของลีกซาอุฯ

อ้างอิง :

https://www.thesun.co.uk/sport/23548124/inside-rich-world-saudi-league-football-ronaldo-neymar/

https://qoly.jp/2023/08/20/4o6hnyah-iks-1

https://ca.finance.yahoo.com/news/canal-snaps-france-africa-rights-112328142.html

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด