ความเหมือนที่ R9 ยังยอมรับ : เอ็มบัปเป้ เก่งพอแซงหน้า โรนัลโด้ ได้ไหม ?
โรนัลโด้ R9 คือ "กองหน้าที่เก่งที่สุดในโลก" นี่คือประโยคคลาสิกของโลกฟุตบอลมาตั้งแต่ยุค 90s ...แต่ความคลาสสิกนี้อาจกำลังถูกทำลาย
เมื่อโลกได้พบกับเด็กนรกคนหนึ่งที่ชื่อว่า คิลิยัน เอ็มบัปเป้ จากฝรั่งเศส ที่เก่งตั้งแต่อายุ 18 ปี และนับวันก็ดูเหมือนจะทวีความโหดมากขึ้นเรื่อย ๆ
แหล่งอ้างอิง : “นิว เเคร์โรลล์” จริงดิ : หาต้นเหตุทำไม ดาร์วิน นูนเญซ มักยิงง่าย ๆ ไม่เข้า ?
Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะรวบรวมข้อมูลของ เอ็มบัปเป้ และจากปากคำของเหล่านักเตะดังที่เคยรับมือกับเขา รวมถึงนักเตะที่เคยรับมือกับ R9 และหาความน่าจะเป็นว่า...
"เอ็มบัปเป้ จะไปถึงระดับของ โรนัลโด้ ได้หรือไม่?" ติดตามที่นี่
ทำไม โรนัลโด้ R9 ถึงถูกเรียกว่า เบอร์ 1 ตลอดกาลของนักเตะตำแหน่งกองหน้า ?
"โรนัลโด้ แห่ง บราซิล คือนักเตะที่มีความยูนีคยากจะหาคนทำซ้ำได้ นี่คือนักเตะที่คุณสามารถพูดได้เลยว่า "แทบไม่มีโอกาส" จะหยุดเขาได้ ด้วยสปีดต้นในระดับนั้น"
คนที่พูดประโยคนี้คือหนึ่งกองหลังที่เคยถูกยกย่องว่าเก่งที่สุดในโลกอย่าง เปาโล มัลดินี่ กัปตันทีมผู้ยิ่งใหญ่ของ เอซี มิลาน ผู้เคยดวลกับ โรนัลโด้ มาตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา ... นั่นอาจจะทำให้เราเริ่มต้นเรื่องนี้ได้อย่างเห็นภาพว่า โรนัลโด้ นั้นมหัศจรรย์ขนาดไหน
โรนัลโด้ เติบโตมาแบบแข้งบราซิเลี่ยนหลายคน ที่มีครอบครัวที่ยากจน เริ่มต้นเล่นฟุตบอลจากข้างถนนและชายหาดด้วยเท้าเปล่า การทำซ้ำแบบนั้นเรื่อยมาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ มันพอจะบอกได้ว่าทักษะในการควบคุมบอล หรือเทคนิคลูกเล่นของเขาคือสกิลติดตัวตั้งแต่จำความได้
สิ่งที่เหลือต่อจากนั้นคือขั้นตอนของการต่อยอดจากชายหาดสู่สนามหญ้า โรนัลโด้ นั้นขึ้นชื่อที่ 1 เรื่องความเร็ว โดยตัวเขาเองก็รู้ได้และพยายามใช้จุดนี้พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ไม่ใช่แค่ทำอย่างไรให้ตัวเองวิ่งเร็วขึ้น แต่มันหมายถึงการทำอย่างไรให้เขาสามารถจัดการความเร็วของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อธิบายให้เห็นภาพก็คือ วิ่ง หยุด และไปต่อ พร้อม ๆ กับลูกฟุตบอล ให้ดูนุ่มนวลและลื่นไหล นอกจากนี้สิ่งที่ โรนัลโด้ ทำไปพร้อม ๆ กับการควบคุมฝีเท้าและร่างกาย คือการฝึกเรื่องความคิดให้ประมวลผลออกมาได้เร็วมาก จังหวะไหนควรจะไปซ้าย จังหวะไหนควรจะไปขวา จังหวะไหนควรลากผ่านเข้าไปยิงประตู ทุกอย่างอยู่ในหัวของเขาหมดแล้ว เขาเล่นไปคิดไปจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา กดรีโมตเมื่อไหร่ก็ใช้งานได้เมื่อนั้น
"ความเร็วของ โรนัลโด้ มันไปควบคู่กันทั้ง 2 อย่าง สปีดของร่างกายและความคิดสัมพันธ์กันอย่างน่าเหลือเชื่อ สมบูรณ์แบบจนคุณไม่เดาไม่ออกว่าเขาสามารถทำแบบนั้นได้อย่างไร ?" คนที่พูดประโยคนี้คือ ริคาร์โด้ กาก้า นักเตะที่เคยคว้ารางวัลบัลลงดอร์ มา 1 สมัย
สิ่งที่ยืนยันได้ดีกว่าคำพูดของนักเตะเหล่านี้ คือ "ผลลัพธ์ในสนาม" สำหรับ โรนัลโด้ เขายิงไปแล้ว 414 ประตู จากการลงเล่น 600 เกม ถ้าคุณยังไม่เห็นภาพคุณสามารถรับชมคลิปรวมการยิงประตูในยูทูบของเขาได้เลย คุณจะเห็นได้ถึงความนรกของสปีด ความคิด และจินตนาการโดยสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะลูกง่าย ๆ อย่างการแท็ปอิน การวิ่งฉีกแนวกองหลังเพื่อรับบอลทะลุช่องจากเพื่อน หรือแม้กระทั่งการดวล 1-1 และเเตะหนีเข้าไปยิงดื้อ ๆ เราสามารถสรุปวิธีการเล่นของเขาด้วยคำว่า "ครบเครื่อง" ยากที่แนวรับคนไหนในโลกก็ตามที่จะเอาอยู่
"โรนัลโด้ นั้นโคตรจะเหลือเชื่อ ก่อนเเข่ง ยูฟ่า คัพ นัดชิงชนะเลิศปี 1998 ผมนั่งดูคลิปวีดีโอการเล่นของเขาตั้งนานสองนาน แต่พอเเข่งขันจบ เราแพ้ไป 0-3 ... ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรผิดไป แล้วผมก็พบว่าจริง ๆ แล้วผมไม่ได้พลาดนะ แต่ โรนัลโด้ คือคนที่คุณไม่สามารถจะหยุดพวกเขาได้ เขาเร็ว จนเหมือนคนรอบข้างกลายเป็นภาพสโลว์ เอาแบบนี้เเล้วกัน" อเลสซานโดร เนสต้า อีกหนึ่งตำนานของทีมชาติ อิตาลี สรุปความโหดของ โรนัลโด้ ได้อย่างตรงความที่สุดเเล้ว
เอ็มบัปเป้ เก่งแค่ไหน ?
ในส่วนที่อธิบายโรนัลโด้ เราเปิดด้วยคำพูดของ มัลดินี่ ไปแล้ว ดังนั้นในส่วนของการสาธยายความเก่งของ เอ็มบัปเป้ เราก็จะเปิดด้วยคำพูดของ มัลดินี่ เช่นกัน ... และเขาก็เคยพูดถึง เอ็มบัปเป้ ว่า
"กองหน้าจากฝรั่งเศสคนนี้คือคนที่สามารถไล่ตามพละกำลังและสปีดของโรนัลโด้ทัน เขาทำได้ใกล้เคียงมากจริง ๆ อีกอย่างที่คล้ายก็คือเท้าขวาของเขานี่แหละ เขาวางเท้ายิงดีมาก เขามาด้วยความเร็ว หยุด และเปรี้ยง! จากนั้นก็เป็นประตู" มัลดินี่ บอกแบบนั้น
ช่างบังเอิญจริง ๆ ที่ 2 ประตูในเกมกับ โปแลนด์ ที่ผ่านมาของ เอ็มบัปเป้ มันคล้าย ๆ กับสิ่งที่ มัลดินี่ บอก เอ็มบัปเป้ ยิงบอลด้วยเท้าขวาด้วยความแรงและแม่นยำ จากจังหวะ ลาก หยุด และ ยิง ทั้งสองลูก มีไม่กี่คนที่ควบคุมสปีดความเร็วของตัวเองได้ดีขนาดนี้ และสามารถทำได้อย่างสัมพันธ์กันทั้ง ร่างกายและความคิด ... นี่คือจุดเด่นของ โรนัลโด้ R9 ที่ เอ็มบัปเป้ เองก็สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกัน
ส่วนเรื่องความเก่งกาจในด้านอื่น ๆ หลายคนก็น่าจะเห็นมามาก อย่างน้อย ๆ ก็ในฟุตบอลโลกครั้งนั้น จังหวะดวลกัน 1-1 คือจังหวะที่วัดคุณภาพนักเตะสายสปีดสายเทคนิคได้ดีที่สุด และเท่าที่เห็น เอ็มบัปเป้ ใช้วิธีการเปลี่ยนสปีด และแตะหนีกันดื้อ ๆ วิ่งผ่านแบบเห็น ๆ ซึ่งปลายทางจากการเเตะนั้น มักจะนำมาซึ่งโอกาสจบสกอร์เสมอ ... หากอยากจะหยุดเอ็มบัปเป้ ด้วยตัวคนเดียวนั้น ยากพอกับการหยุด โรนัลโด้ ในยุคพีกจะพูดแบบนั้นก็คงไม่ผิดนัก
"เขาสามารถทำในสิ่งที่ไม่มีผู้เล่นคนไหนบนโลกนี้ทำได้... ทั้งฝีเท้าและพละกำลัง มันดีมากเลยที่เราจะเอาเขาไปเทียบกันนักเตะอย่าง โรนัลโด้ และ เธียร์รี่ อองรี ผมมองว่ามันเป็นการผสมผสานกันในตัวของ เอ็มบัปเป้ คุณอยากได้ความเร็ว อยากได้เทคนิค หรืออยากได้ความเฉียบขาดในการจบสกอร์ ... ดูเหมือนว่าเขาจะทำมันได้ด้วยตัวคนเดียวนะ" แอชลี่ย์ โคล อดีคฟูลแบ็คทีมชาติอังกฤษ กล่าว
นับตั้งแต่เล่นเกมอย่างเป็นทางการเกมแรกให้ โมนาโก ตั้งแต่ปี 2015 เอ็มบัปเป้ ยิงประตูไปแล้ว 254 ลูกจาก 374 เกม ค่าเฉลี่ยของ เอ็มบัปเป้ อยู่ที่ 0.68 ประตูต่อ 1 เกม ส่วนค่าเฉลี่ยของ โรนัลโด้ อยู่ที่ 0.69 ประตูต่อ 1 เกม ... แบบนี้ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง และคงไม่มากมายเกินไปนักหากเราจะพูดว่า เอ็มบัปเป้ ในวัย 23 ปี กำลังไล่ตามรอยเท้าของ "กองหน้าที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์" อย่าง โรนัลโด้
แน่นอนว่ามุมมองของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่หากเราใช้สถิติและชุดข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงมาอ้างอิง มันก็อาจจะทำให้แนวคิดนี้บอกได้ว่า เอ็มบัปเป้ คือกองหน้าที่โลกรอมาอย่างยาวนาน ...
แต่ยังไม่จบ อย่าลืมว่าด้วยวัย 23 ปี เอ็มบัปเป้ ยังไปได้ไกลกว่านี้ ดังนั้นเราจะลองมาหาดูจากปัจจัยอื่น ๆ ว่า เอ็มบัปเป้ มีโอกาสจะก้าวข้าม โรนัลโด้ R9 ได้หรือไม่ ?
ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ เอ็มบัปเป้ แซง R9
อย่างแรกเลยที่ทำให้เส้นทางของ เอ็มบัปเป้ นั้นมีความเสี่ยงน้อยกว่า โรนัลโด้ คือฟุตบอลยุคนี้ออกกฎกติกาที่มีเอื้อต่อนักเตะเกมรุกมากขึ้น การไล่เตะแบบดื้อ ๆ หรือนอกเกมแบบเนียน ๆ ถือเป็นสิ่งที่ "ต้องห้าม" ของฟุตบอลยุคนี้ไปแล้ว เพราะกรรมการเข้มขึ้น รวมถึงการมี VAR ตามเช็คย้อนหลังอีก 1 เด้ง ดังนั้นโอกาสรอดจากการโดนลงโทษของเเนวรับที่เตะโฉ่งฉ่างนั้นมีน้อยมาก
ในยุค โรนัลโด้ เรื่องแบบนี้ยังคงไม่เกิดขึ้น โรนัลโด้ กลายเป็นนักเตะที่โดนเตะโดนหวดมาตั้งแต่ที่ยังอายุน้อย ๆ นอกจากนี้พื้นสนามฟุตบอลในยุคเก่า ๆ ก็ไม่ได้ดีและมีคุณภาพเหมือนทุกวันนี้ และเรื่องของพื้นสนาม มันส่งผลจริง ๆ ต่อหัวเข่าทั้ง 2 ข้างของ โรนัลโด้ มันทำให้เขาต้องเข้าผ่าตัดหลายรอบจนกระทั่งความจัดจ้านในช่วงบั้นปลายของ โรนัลโด้ ลดน้อยถอยลงไปมากพอสมควร (สามารถดูคลิปประกอบด้านล่าง)
นอกจากเรื่องของสิ่งแวดล้อมรอบข้างแล้ว โรนัลโด้ ยังมีจุดอ่อนตรงที่เป็นนักเตะที่กินหนัก เที่ยวหนักแบบบราซิเลี่ยน เราไม่รู้ว่าเขาดื่มอย่างเดียวหรือไม่ เพราะอาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ ส่งต่อไปยังร่างกายของเขา โดย โรนัลโด้ นั้นเคยเปิดเผยว่า หลังจากปี 2002 ที่เขาคว้าแชมป์โลกกับบราซิล ได้นั้น โรนัลโด้ เริ่มมีอาการป่วยไทรอยด์ จนทำให้เขามีหน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น เพราะระบบเผาผลาญทำงานน้อยลง
"ผมพบว่าตัวเองเจ็บป่วยจากอาการที่เรียกว่าโรคไทรอยด์ ซึ่งทำให้การเผาผลาญพลังงานของผมช้าลง และเพื่อที่จะควบคุมมัน ผมต้องใช้ยาซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ควรในวงการฟุตบอล คนหลายคนรู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับคำวิจารณ์ที่มีต่อน้ำหนักตัวของผม ผมแค่อยากจะอธิบายว่าเพราะอะไรก่อนที่ผมจะเลิกเล่น” โรนัลโด้ เล่าหลังจากที่เขาประกาศเลิกเล่น
และถ้าเราอ้างอิงจากบทความเชิงวิชาการนั้นปัจจัยที่ทำให้คน ๆ หนึ่งเป็นโรคไทรอยด์ มีอยู่ 5 ข้อได้แก่ พันธุกรรม, การสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์, การอดหลับอดนอนพักผ่อนน้อย และ ภาวะความเครียดสูง ... ซึ่งมองดูแล้วก็มีหลายข้อที่ไปเกี่ยวโยงกับไลฟ์สไตล์ของ โรนัลโด้ เข้าอย่างจัง
ขณะที่ เอ็มบัปเป้ นั้นมีเติบโตในยุคที่วิทยาศาสตร์การกีฬาเฟื่องฟูสุด ๆ เคล็ดลับและศาสตร์ของการรักษาสมรรถภาพร่างกายนักเตะไปไกลกว่ายุค โรนัลโด้ ไม่น้อย (ทั้งคู่อายุห่างกัน 23 ปี) นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า หากเอ็มบัปเป้ สามารถทำให้ตัวเองอยู่ห่างปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เขาอาจจะสามารถรักษามาตรฐานการเล่นให้ยืนยาวได้มากว่า โรนัลโด้ ก็เป็นได้
สิ่งเดียวที่หลายคนอาจจะยังไม่เชื่อมือ เอ็มบัปเป้ คือเขายังไม่เคยออกไปค้าแข้งนอกลีกเอิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นหนทางของ เอ็มบัปเป้ คือการต้องออกมาพิสูจน์ตัวเอง อยู่ในลีกที่การแข่งขันสูง มีความเข้มข้นในทุกสัปดาห์ และเหนือสิ่งอื่นใดคือการพิชิตถ้วยรางวัลทั้งกับสโมสรและรางวัลส่วนตัวให้มากกว่านี้
ไว้ เอ็มบัปเป้ ไปเล่นในลีกอย่าง ลา ลีกา หรือ พรีเมียร์ลีก ที่ผู้คนได้เห็นเขาลงสนามในทุกสัปดาห์ เมื่อนั้นโลกอาจจะเปิดใจยอมรับว่า ไอ้หนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ มีศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่หมดยุค R9 ก็เป็นได้
https://medium.com/@cricketsoccer/the-perfect-striker-according-to-paolo-maldini-25e2f8727dd8
https://www.quora.com/Can-Mbappe-become-better-than-Brazilian-Ronaldo