ยูสุเกะ มารุฮาชิ : ตำนานเซเรโซของดีที่ซ่อนในช่วงเวลาย่ำแย่ของ บีจี
ผลงานขอ บีจี ปทุม ไม่ค่อยสู้ดีนักหลังจากเข้าเลกที่ 2 พวกเขาชนะได้เพียงเกมเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีเรื่องของนักเตะอยู่คนหนึ่งที่แฟน ๆ หลายคนอาจจะมองข้ามความสำคัญของเขาไป ทั้ง ๆ ที่จริงเเล้ว เขาพกดีกรีระดับสูงมาเต็มกระเป๋า
เขาคนนั้นคือ ยูสุเกะ มารุฮาชิ แบ็คซ้ายชาวญี่ปุ่นผู้เคยมีประสบการณ์มากกว่า 300 เกมในลีกระดับสูงสุดของญี่ปุ่น กับสโมสร เซเรโซ โอซาก้า
ด้วยดีกรีที่ว่า เราจะหาเหตุผลว่าทำไม บีจี ปทุม จึงควรให้เวลากับเขา เพราะสิ่งที่จะได้กลับมานั้นมีโอกาสจะคุ้มค่าคืนทุนแบบทวีคูณ...
ไฮไลต์ลูกยิงของ มารุฮาชิ สมัยค้าแข้งกับ เซเรโซ
ยูสุเกะ มารุฮาชิ เจ๋งมาจากไหน ?
ที่ประเทศญี่ปุ่นมีอยู่สโมสรหนึ่งที่ยึดมั่นเรื่องอุดมการณ์เรื่องการปั้นนักเตะดาวรุ่งส่งออกไปค้าแข้งในยุโรป นั่นคือสโมสร เซเรโซ โอซาก้า
หากไร่เรียงนักเตะที่ เซเรโซ สร้างขึ้นมาและไปไกลถึงยุโรปเชื่อว่าคงคุ้นหูแฟนบอลบ้านเราไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น ทาคาชิ อินุอิ, ฮิโรชิ คิโยทาเกะ, โยอิชิโระ คาคิตานิ, ทาคุมิ มินามิโนะ, โฮตารุ ยามากุชิ และคนที่เก่งที่สุดและได้รับการยกย่องว่าเป็นความภูมิใจของสโมสรแห่งนี้และเป็นนักเตะที่เชื่อว่าคนไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี นั่นก็คือ ชินจิ คางาวะ
ประตูสุดท้ายของ คางาวะ ก่อนไปค้าแข้งในยุโรป
ยูสุเกะ มารุฮาชิ คือนักเตะในรุ่น ๆ ราวคราวเดียวกับ คางางวะ รวมไปถึงคนอื่น ๆ อย่าง คาคิตานิ และ คิโยทาเกะ ด้วย ... หากให้เทียบกับนักเตะเหล่านี้ มารุฮาชิ นั้นไม่ได้เก่งกว่า หรือใกล้เคียงในเรื่องของคุณภาพ แต่สิ่งหนึ่งที่ มารุฮาชิ ทำได้ดีไม่แพ้กับนักเตะญี่ปุ่นคนอื่น ๆ นั่นคือการเป็นนักเตะที่มีทัศนคติ ความทุ่มเท และมีนักเตะที่มีความเป็นทีมเพลเยอร์สูงมาก
มารุฮาชิ นั้นเขาสู่ระบบเยาวชนของ เซเรโซ ตอนในปี 2003 หรือในช่วงอายุราว ๆ 13 ปี เท่านั้น ซึ่งตัวของเขาต้องการที่จะเป็นนักเตะของ เซเรโซ แต่แรกอยู่แล้วเพราะเป็นแฟนบอลของทีมมานาน
"ตอนนั้นผมเรียนอยู่ชั้นประถม มีคนบอกผมว่าทำไมไม่ลองไปคัดตัวดูบ้าง ซึ่งผมได้ยินแบบนั้นผมก็อยากจะไปมาก ๆ เพราะผมตามดูนักเตะอย่าง (อากิโนริ) นิชิซาวะ และ (โอคุโบะ) โยชิโตะ และผมก็หลงรักทีมนี้ในทันที ซึ่งแน่นอนว่าถ้าผมจะต้องเล่นให้กับทีมไหนสักทีมในเจลีก จะต้องเป็น เซเรโซ โอซาก้า อย่างไม่ต้องสงสัย" มารุฮาชิ กล่าว
ตัวของ มารุฮาชิ นั้นถือว่าเป็นกลุ่มนักเตะแถวหน้าของ อคาเดมี่ ในทีมชุดของเขา เจ้าตัวยืนยันว่าในช่วงที่เขาอยู่กับทีมเยาวชนเขาพยายามจะหาจุดแข็งของตัวเองนั่นคือการฝึกเล่นด้วยเท้าซ้ายให้เฉียบขาดที่สุดเพื่อเป็นจุดเด่นในการเลื่อนระดับชั้นแต่ละรุ่นอายุแบบสบาย ๆ
"ตอนนั้นระบบอคาเดมี่ยังไม่ค่อยเข้มเหมือนทุกวันนี เพราะทุกวันนี้คุณต้อเล่น 2 เท้าให้ได้ ต้องฝึกการใช้เท้าไม่ถนัด แต่ในรุ่นอายุของผมคือเราต้องมีจุดเด่นจริง ๆ ผมพยายามซ้อมการใช้เท้าซ้ายหนักมาก และผมคิดว่าถ้าวัดกันในรุ่นนั้นผมไม่ได้เป็นสองรองใครแน่นอน" มารุฮาชิ ว่าต่อ
ประตูสุดสวยของ มารุฮาชิ
แม้จะไม่ได้ถนัดเท้าขวามากนัก แต่เท้าซ้ายคืออาวุธของ มารุฮาชิ ตั้งแต่วันนั้น เขาคือตัวยิงฟรีคิกของทีมมาตั้งแต่รุ่นยู-15 ก่อนจะพัฒนาตัวเองและได้ขึ้นชุดใหญ่ของ เซเรโซ ในปี 2010 ซึ่งเป็นตอนที่เขาอายุ 19 ปีเท่านั้น โดยในฤดูกาลแรกใรเจลีก 1 มารุฮาชิ ลงเล่นถึง 31 เกม ยิงได้ถึง 4 ประตู โดย 2 ประตูมาจากลูกยิงฟรีคิกจากเท้าซ้ายที่เขาซ้อมมาอย่างหนักนั่นเอง ... และนับตั้งแต่นั้น มารุฮาชิ ก็กลายเป็นตัวหลักของ เซเรโซ และกลายเป็นขวัญใจของแฟน ๆ ที่มักจะมีเพลงเชียร์ประจำตัวของเขาเสมอ
จุดเด่นของ มารุฮาชิ
มารุฮาชิ เป็นนักเตะสไตล์ไหน ? นี่คือคำถามที่แม้แต่แฟนบอลของ บีจี ปทุม ต้นสังกัดปัจจุบันของเขาก็ไม่สามารถตอบได้แบบชัด ๆ เนื่องจากตัวของ มารุฮาชิ นั้นไได้เล่นค่อนข้างหลากหลายตำแหน่ง บางเกมยืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ บางวันยืนวิงแบ็ค และบางวันก็เล่นเป็นเหมือนกับตัวริมเส้น เหนือสิ่งอื่นคือเรื่องฟอร์มโดยรวมของทีมที่ตกต่ำถึงขีดสุดในรอบหลายปี เกมรุกขาด ๆ เกิน ๆ เกมรับก็พร้อมจะเสียประตูตลอดเวลา ... ดังนั้นการจะตัดสินนักเตะคนใดคนหนึ่งในสภาวะที่ทั้งทีมฟอร์มแย่แบบนี้คงไม่ถูกต้องนัก ... ดังนั้นเราต้องย้อนความกลับไปตอนที่ มารุฮาชิ ยังค้าแข้งกับ เซเรโซ ก่อนหน้านี้ ว่าเขาเป็นนักเตะสไตล์ไหนกันแน่ ?
ช่วงที่เล่นในญี่ปุ่น มารุฮาชิ ถือว่าเป็นตัวนักเตะตัวหลักในตำแหน่งฟูลแบ็คฝั่งซ้าย ในระบบกองหลังสี่ตัว จุดเด่นที่สุดของเขาที่เจ้าตัวอธิบายจากการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2018 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาพีกที่สุดก็คงไม่ผิดนัก เพราะพลาดเกมลีกไปเพียงแค่ 2 นัด ที่เหลือลงเล่นครบทุกเกมยกเว้นในรายการ ลูวาน คัพ ที่เป็นรายการของนักเตะตัวสำรองและดาวรุ่ง
"ผมเฝ้าดูนักเตะหลาย ๆ คนและพยายามเอามาปรับใช้กับตัวเอง ผมจำวิธีการเล่นมาจาก นาโอยะ อิชิงามิ, ฮิริวกิ โอมาตะ และ โนริยูกิ ซาเกโมโตะ ถ้าจะนิยามก็ต้องเป็นวิธีการเล่นที่ดุดัน และต้องพยายามมีพลังสำหรับการวิ่งตลอด 90 นาที ผมพยายามทำงานหนักอยู่ตลอด เพื่อทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด" นี่คือสิ่งที่เขาอธิบายถึงตัวเอง
ความดุดันในการเข้าปะทะแย่งบอล และการเป็นแบ็คที่โดดเด่นในเกมบุกเป็นพิเศษ สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาเป็นแบ็คจอมบุกที่มีประสิทธิภาพคือ นับตั้งแต่ที่เขาเป็นตัวหลักของ เซเรโซ แบบเต็ม ๆ ในช่วงยุค 2010s ต้น ๆ มารุฮาชิ สามารถยิงประตูได้ถึง 27 ประตู และทำไปถึง 56 แอสซิสต์ นี่คือตัวเลขที่เยอะมาก ๆ หากเรามองดูนักเตะในตำแหน่งฟูลแบ็คของไทยลีก แทบหานักเตะที่มีประตูและแอสซิสต์มากขนาดนี้ไม่เจอเลยด้วยซ้ำ ยกเว้นเสียแต่ในรายของ ธีราทร บุญมาทัน ที่เกินระดับไทยลีกไปแล้ว
ประตูแต่ละลูกของ มารุฮาชิ ที่ยิงได้ และมีการบันทึกเอาไว้เกิดจากการยิงด้วยเท้าซ้ายถึง 24 ลูก เป็นลูกยิงไกล 6 ลูก ลูกยิงฟรีคิก 6 ลูก นอกจากนี้ยังเคยเปิดลูกเตะมุมเข้ามาแล้วอีก 2 ลูก
ฟรีคิกระดับ Signature ของ มารุฮาชิ
ขณะที่ลูกแอสซิสต์ของเขา 56 ลูกที่ทำได้ เกิดจากการวางบอลทางกราบซ้ายมากถึง 36 ลูก เรียกได้ว่าถ้าได้จับบอลนิ่ง ๆ ในตำแหน่งถนัด แล้วครอสบอลเข้าตรงกลาง ลูกเปิดของ มารุฮาชิ อยู่ในระดับเชื่อขนมกินได้สบาย ๆ
ฟอร์มการเล่นของ มูริฮาชิ ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาตลอดจนถึงปี 2021 ไม่มีฤดูกาลไหนเลยที่เขาลงเล่นน้อยกว่า 31 นัด นับตั้งแต่เดบิวต์ซีซั่นแรกให้ เซเรโซ แน่นอนว่าเขาเป็นกำลังสำคัญพาทีมคว้าเเชมป์ฟุตบอลถ้วย 3 รายการ จากากรลงเล่นมากกว่า 300 นัดจากสถิติดังกล่าวต้องบอกว่านอกจากลูกยิงและลูกเปิดที่เชื่อใจได้เเล้ว เรื่องของเหลี่ยมบอลประสบการณ์ในเกมการแข่งขันจริงนั้นเหลือกินเหลือใช้ ในแบบที่ไม่มีนักเตะเอเชียคนไหนในไทยลีกเทียบได้เลยด้วยซ้ำ .... นี่แหละคือคำจำกัดความของเขา
ทำไม บีจี ปทุม ต้องรอ ?
บีจี ปทุม ดึงตัวนักเตะระดับตำนานของ เซเรโซ มาได้ก็เกิดจากการเป็นพันธมิตรกันระหว่าง 2 สโมสร และมียันมาร์เป็นผู้สนับสนุนหลักทั้งคู่ หากไร้ซึ่งคอนเน็คชั่นการยืมตัว มารุฮาชิ คงเป็นไปได้ยากมาก ๆ และต้องมีค่าจ้างที่สูงมากจริง ๆ
อย่างไรก็ตามเหตุผลที่ มารุฮาชิ มาที่นี่ นั่นก็เพราะว่ามันคือโอกาสดีที่เขาจะได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อเคาะสนิมและเรียกจังหวะเดิม ๆ กลับมา เนื่องจากในช่วงฤดูกาล 2022 เป็นปีแรกที่ มารุฮาชิ หลุดจากตำแหน่งตัวหลักของ เซเรโซ เนื่องจากเจ้าตัวได้รับปัญหาบาดเจ็บต้องพักยาวถึง 6 เดือน พลาดเกมไปกว่า 30 นัด
บีจี อาจจะต้องให้เวลากับเขาสักนิดเพราะเพิ่งผ่านการเจ็บยาวมาหมาด ๆ แต่หากมองในแง่ดีนี่ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการทดลองและให้เวลากับนักเตะหลาย ๆ คน เนื่องจาก บีจี ไม่ได้มีลุ้นอะไรในเกมลีกอีกเเล้ว เรื่องนี้แม้แต่ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรก็ยังยืนยันด้วยตัวเองว่าฤดูกาลที่เหลือจะเป็นการเซ็นระบบทีมในเกมลีก และไปเน้นเอาที่ฟุตบอลถ้วยที่มีโอกาสเป็นแชมป์มากกว่า
ดังนั้นการให้โอกาส มารุฮาชิ ปรับจังหวะการเล่น หาตำแหน่งที่เหมาะสมกับตัวเอง และทำการศึกษาให้เข้าขารู้ใจกับเพื่อนร่วมทีม จนเขากลับมาเล่นในเกมที่ตัวเองถนัดได้เหมือนกับตอนที่เขาเล่นกับ เซเรโซ บีจี ก็จะได้อาวุธหนักในริมเส้นฝั่งซ้ายที่มีความแม่นยำในการเปิดบอล การเติมเข้ามายิงจากแถวสอง รวมถึงการเล่นลูกนิ่งที่ไว้ใจได้
และถ้าหากเขามีโอกาสได้ขยายสัญญาออกไปสัก 1 ซีซั่น ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่มีโอกาสที่ บีจี จะกลับมาทุ่มซื้อนักเตะคุณภาพมายกระดับทีมอีกครั้ง มารุฮาชิ ก็จะได้เล่นกับนักเตะในมาตรฐานที่ใกล้ ๆ กัน เซ้นส์บอลทันกัน และนั่นจะทำให้ภาพรวมของทีมดีขึ้นแน่ ซึ่งสิ่งนี้ก็จะสะท้อนกลับมาที่ฟอร์มการเล่นส่วนตัววของเขาเองด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้กับ บีจี คือการต้องยอมเจ็บปวดกัwaqsนต่อไปในเรื่องของฟอร์มการเล่นในศึกไทยลีก เพื่อกลับมาเซ็ตระบบกันใหม่ให้พร้อมที่สุดในซีซั่นหน้า ในวันที่ทุกตำแหน่งพร้อมหน้าพร้อมตา ยูสุเกะ มารุฮาชิ จะกลายเป็นนักเตะโควต้าเอเชียที่คุ้มค่าของ บีจี ปทุม อย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
สู่แนวรับซูเปอร์สตาร์ : เกาหลีฯ ปั้น ‘คิม มิน-แจ’ ให้เป็นแข้งชั้นยอดได้ยังไง ?
3 เกม 0 นาที : เกิดอะไรขึ้นที่ ฟรอนตาเล สาเหตุที่ ชนาธิป ไม่ได้ลงสนาม ?
3 ทางของ “เจ” : มองรอบด้านถึงอนาคต ชนาธิป ในการค้าแข้งต่างเเดน