ดื้อไม่เปลี่ยน : เมื่อ ฟรอนตาเล่ ใช้งาน ชนาธิป ในสภาพที่ทีมยุ่งเหยิง

ดื้อไม่เปลี่ยน : เมื่อ ฟรอนตาเล่ ใช้งาน ชนาธิป ในสภาพที่ทีมยุ่งเหยิง
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ณ เวลานี้ แฟนบอล คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ คงกำลังปวดเศียรเวียนเกล้ากันสุดๆ จากผลงานของทีมที่เป็นอดีตรองแชมป์ในซีซั่นก่อน ปรับตัวมาเป็นทีมครึ่งล่างของตารางศึก เจ ลีก เรียกว่าทำร้ายจิตใจกันแบบแทบรับไม่ไหวในช่วงเวลาสั้นๆ

นอกจากปัญหานอกสนามที่รบกวนจิตใจ เกี่ยวกับการที่แฟนบอลประท้วงแนวทางการทำทีม ที่ไม่ข้องแวะให้ความใส่ใจกับบุคคลในท้องถิ่นเหมือนเดิม ปัญหาการเล่นในสนามที่ฟอร์มย่ำแย่ ก็ตอกย้ำซ้ำเติมเหมือนคนกำลังล้มแล้วเหยียบซ้ำไปอีก

แฟนบอลไทย ที่เคยได้รับชมการถ่ายทอดสดฟรีๆ ผ่านทาง ยูทูบ ของสื่อในประเทศไทย ก็หมดอกาสตามลุ้นตามเชียร์นักเตะจากบ้านเราอย่าง เจ - ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ เช็ค - สุภโชค สารชาติ หลังจากดีลการซื้อลิขสิทธิ์หายเงียบ ราวกับว่าจะไม่มีการต่อสัญญากันต่อไปอีกแล้ว

PHOTO : GOAL

น่าเสียดายอย่างมากเพราะตอนนี้ ชนาธิป กำลังกลายเป็นไพ่ตายใบสำคัญของ โทรุ โอนิกิ ผู้จัดการทีมจอมดื้อของ ฟรอนตาเล่ ที่กำลังอยู่ในช่วงปรับเปลี่ยนแทคติกส์หลายด้าน ลองปรับแต่งหาความลงตัวให้กับทีมของเขา ให้พยายามกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ดีดังเดิมได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตามการคิดมากคิดเยอะของ โอนิกิ ที่ต้องการสร้างฟุตบอลในอุดมคติของเขาขึ้นมา กลับทำร้ายทีมที่เขาสร้างขึ้นมาเองไปทีละเล็กละน้อย เพราะความดื้ออย่างที่สุดกับการเชื่อในปรัชญาฟุตบอลของเขา ที่กำลังสร้างบอลหุ่นยนต์ ไร้ความอิสระในการเล่นขึ้นมา พอทางคู่แข่งจับทางได้ จนไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป

โดยเกมลีกนัดล่าสุด ฟรอนตาเล่ ก็บุกไปพ่ายให้กับ กัมบะ โอซาก้า อีกหนึ่งทีมที่เป็นของแสลง ดวลกันทีไรเจองานเหนื่อยตลอดไปแบบหมดรูป 0-2 แถมยังเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เกือบจะโดนลูกฝังลูกที่สามหลายต่อหลายครั้ง

ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้ ฟรอนตาเล่ เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ อนาคตของ ชนาธิป จะกลายเป็นเหยื่อถูกแขวนจากแฟนบอล ฟรอนตาเล่ หรือไม่ ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง

การปรับเปลี่ยนแผนการเล่น

การปรับเปลี่ยนเรื่องแผนการเล่น คือ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดของ ฟรอนตาเล่ ในมือของ โอนิกิ เวลานี้ เพราะจากเดิมแผนหลักของเขาที่เลือกใช้เป็น 4-3-3 แต่ตอนนี้รูปแบบการยืนตำแหน่งตามฟอร์เมชั่นบนกระดาน กลายเป็น 4-2-3-1 แถมในเกมล่าสุดที่ออกไปเยือน กัมบะ โอซาก้า ไม่มีตัวรับแท้ๆ สักรายเดียว

โอนิกิ เลือกที่จะใช้กองกลางเป็นตัวสกรีนบอลหน้าแผงหลังสองคน ประกอบไปด้วย เคนโตะ ทาจิบานาดะ และ ทัตสึกิ เซโกะ ในบทบาทกองกลางสไตล์ บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ไม่มีใครรับหน้าที่เป็นตัวรับแบบแท้ๆ มีจังหวะเติมเกมรุกก็ต้องเติม จังหวะไหนต้องเล่นเกมรับ ก็ต้องวิ่งหน้าตั้งลงมาประจำการอย่างรวดเร็ว

PHOTO : J LEAGUE

หากแฟนบอลนึกภาพไม่ออกลองคิดถึงสมัยที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใช้คู่หู แม็ค-เฟร็ด อย่าง สก็อตต์ แมคโทมิเนย์ และ เฟร็ด ลงประจำการหน้าแผงหลังในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นั่นคือตัวอย่างที่คล้ายคลึงที่สุดแล้ว ซึ่งความซวยก็จะตกไปที่แผงแนวรับทั้งหมด หากสองคนนี้ไม่สามารถตัดเกมหรือชะลอบอลก่อนเข้าพื้นที่สุดท้ายของทีมได้

ก่อนหน้านี้ โอนิกิ เคยให้สัมภาษณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงการเล่นของ ฟรอนตาเล่ เอาไว้ว่า

“ปีที่แล้วผลงานของทีมถือว่าทำได้น่าผิดหวัง มีหลายอย่างที่ผมพยายามสร้างมันขึ้นมาแต่ไม่ได้ผล ดังนั้นผมจึงอยากกลับไปเริ่มต้นกันใหม่จากศูนย์”

โดยรายงานข่าวจากสื่อในประเทศญี่ปุ่นอย่าง ฟุตบอลลิสต้า ที่ได้มีการส่ง ทาคาชิ เอโตะ ไปสืบเสาะข้อมูลในแคมป์เก็บตัวของ ฟรอนตาเล่ ก็มีการบอกถึงแทคติกส์คร่าวๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปเอาไว้ว่า

“ความท้าทายของ ฟรอนตาเล่ ซีซั่นนี้เป็นความทะเยอทะยาน ตั้งแต่ขอให้ลูกทีมทำตามข้อเรียกร้องของ โอนิกิ ที่ทางทีมงานคงไม่สามารถอธิบายรายละเอียดทั้งหมดได้”
บรรยากาศการซ้อมของ คาวาซากิ ฟรอนตาเล่

“แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือแนวรับตรงพื้นที่สุดท้าย จะมีการยืนตำแหน่งที่แปลกออกไป เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหายามที่ถูกคู่แข่งเล่นเกมเพรสซิ่งสูงใส่ ด้วยการเอาบอลออกมาจากพื้นที่อันตรายให้ได้”

แน่นอนว่าการใส่มิดฟิลด์ที่ออกบอลได้ดีอย่าง ทาจิบานาดะ และ เซโกะ ผู้ซึ่งที่ไม่ถนัดเกมรับเอาเสียเลย จะเข้ามาช่วยเรื่องการออกบอลแก้เพรสจากแดนหลังไปแดนบน โดยมีตัวรุกอย่าง ไดยะ โทโนะ, ชนาธิป และ อากิฮิโระ อิเอนากะ รับหน้าที่เป็นกลางรุก คอยสนับสนุนหน้าเป้าอย่าง ไทเซย์ มิยาชิโระ

เกมช่วงแรกเหมือนว่าเจ้าบ้าน กัมบะ จะปล่อยให้ ฟรอนตาเล่ ครองเกมบุกใส่ แล้วต่อกรด้วยเกมรับที่ยืนโซนกันเหนียวแน่น รอจังหวะโต้กลับอย่างอดทน เพรสซิ่งการขึ้นบอลจากแนวรับของทีมเยือน เพื่อหวังให้เกิดความผิดพลาด แล้วฉกฉวยโอกาสนั้นให้ได้

PHOTO : AFC

ส่วนทาง ฟรอนตาเล่ ที่ทำได้แค่ต่อบอลป้อไปป้อมา ก็ลงเอยอีหรอบเดิม หวังใช้ ชนาธิป เป็นตัวถ่างโซนแนวรับคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายบอล หรือ การลากตะลุย ซึ่งสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดในช่วง 15 นาทีแรก เป็นการเรียกใบเหลืองจาก เนตา เลวี กองกลางตัวรับฝั่งเจ้าถิ่น รวมไปถึงการให้บอลจังหวะเดียวบอลไม่หวงบอล

หน้าที่ของ โทโนะ และ มิยาชิโระ จะคอยสลับกันสอดหาพื้นที่ทำประตูในกรอบเขตโทษ บวกกับวิ่งไล่กดดันกองหลังคู่แข่ง รอบอลที่ป้อนมาจาก อิเอนากะ และ ชนาธิป ที่ยังไม่เข้าเป้าเท่าไหร่นัก พอเจ้าบ้านเริ่มจับจังหวะได้เกมของ ฟรอนตาเล่ ก็เกิดอาการช็อตจนตึงมือ ครองบอลได้แต่จบไม่ได้เหมือนเดิมๆ

แถมโดนสวนแต่ละทีกลางสองคนหน้าแผงหลัง ไม่เคยตัดฟาล์วหรือตัดบอลได้แบบเข้าตาสักครั้ง เล่นเอากองหลังมีอาการป้อแป้ ตั้งหลักแทบไม่ทัน เนื่องจากบอลคู่ต่อสู้ทะลุมาเร็วเหลือเกิน ยิ่งแบ็คสองฝั่งเติมขึ้นไปช่วยเกมบุก ยิ่งเป็นภาระหนักของคู่เซนเตอร์อย่าง ชินทาโร่ คุรุยามะ และ ทาคุมะ โอมินามิ สุดๆ

ความผิดพลาดส่วนบุคคล

การเลือกใช้ มิกิ ยามาเนะ ลงเป็นฟูลแบ็คฝั่งขวา จะได้ประโยชน์เรื่องการเติมเกมบุก และการออกบอลได้เสียจากวิชั่นเกมรุกที่เหนือชั้นของเขา แต่มันก็แลกมาด้วยเกมรับที่ลงมาป้องกันตำแหน่งตัวเองไม่ทันเช่นกัน

แล้วยิ่งพอขาด เจเซียล เซนเตอร์ตัวต่างชาติที่เป็นตัวหลัก แล้วเลือกเอา คุรุมายะ ที่ถนัดเล่นแบ็คซ้ายมากกว่ามายืน พอดวลกับ กัมบะ ไปนานเข้าๆ เจ้าบ้านก็เริ่มจับทางได้ว่าควรจะเลือกเจาะทางฝั่งไหนก็ได้ เพราะรั่วหมดทั้งซ้ายขวา

การเสียประตูลูกแรกมีจุดเริ่มต้นมาจาก ยามาเนะ ที่เติมขึ้นไปช่วยเกมบุก แล้วลงมาตั้งรับไม่ทัน จนทีมเสียลูกเตะมุม พอประกบตัวกันพลาดก็โดนโขกเข้าไปง่ายๆ ตามหลังไปก่อน 0-1

หลังจากนั้นพอ ฟรอนตาเล่ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทวงประตูคืน ก็เปิดเกมบุกแบบเต็มสูบ กองหลังเหลือทิ้งไว้แค่คู่เซนเตอร์ แบ็คเติมลอยแบบเต็มที่ เซนเตอร์บางจังหวะก็ต้องดันขึ้นไปช่วยเป็นตัวเลือกในการออกบอล เวลาโดนสวนแต่ละทีลุ้นกันใจหายใจคว่ำ

ซึ่งจากที่ทีมงานวิเคราห์ไปในช่วงแรก เมื่อทาง ฟรอนตาเล่ ไม่มีตัวตัดเกมมืออาชีพ บอลจะทะลุจากแดนบนไปถึงแดนหลังเร็วเอามากๆ ยิ่งขาดเซนเตอร์อาชีพไปหนึ่งตำแหน่ง จังหวะการสกัดบอล เข้าบอล หรือ ดักทาง ล้วนทำได้ทะลักทะเลไม่เคยพ้นโซนอันตราย จังหวะโดนคู่แข่งเพรสซิ่งหนัก ทั้งตัว โอมินามิ และ คุรุมายะ ออกอาการล่กแบบชัดเจน พลาดท่าจะเสียบอลกลางทางหลายต่อหลายครั้ง

แล้วการเสียประตูที่สอง ก็มาจากจังหวะที่กองกลางตัวรับ เข้าไปบังทางการยิงไกลของ ฮวน อลาโน่ ไม่ทัน จนมีเวลาให้เลือกปั่นเข้าเสาสองไปอย่างสุดสวย ฟรอนตาเล่ จึงยิ่งต้องโหมเกม โอเวอร์โหลดผู้เล่นแนวรุกมากขึ้นไปอีก หวังเดิมพันว่าไม่ได้คืนก็เตรียมใจรอโดนลูกฝังแลกกันไป

ก่อนหน้านี้ เจเซียล เคยกล่าวถึงการเล่นที่ผิดพลาดของทีมเอาไว้ว่า

“มันมีการเล่นที่ต้องใช้ความมั่นใจมากขึ้นและเสี่ยงไปพร้อมๆ กัน ซึ่งผู้เล่นบางรายก็ยังลังเลที่จะทำเช่นนั้น”
PHOTO : D20

“ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดหลายครั้ง มันก่อให้เกิดแรงผลักดัน”

“ภารกิจของผู้เล่นที่ท้าทาย มันจะเข้าใจและทำได้ถูกต้องมากกกว่า หากเรียนรู้จากความผิดพลาดในการเล่นที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น”

“ผู้เล่นหลายคนพยายามทำมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกว่าจะถึงจุดที่โค้ชพึงพอใจ”

จากคำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โอนิกิ ผู้จัดการทีมของ ฟรอนตาเล่ นั้นไม่ได้ยี่หระหรือสนใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเลย แล้วพร้อมจะเดินหน้าตามแนวทางที่ตัวเขาคิดว่าถูกว่าควร สั่งให้ผู้เล่นเสี่ยงเล่นในสิ่งที่เขาเชื่อ แล้วหวังให้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนในการสอนพวกเขาเอง ต้องทำมันไปจนกว่าจะสำเร็จ

ชนาธิป อาจโดนหางเลข

สถานการณ์ช่วงท้ายเกมของ ฟรอนตาเล่ ย่ำแย่ลงไปอีก เมื่อทางเซนเตอร์แบ็คอย่าง คุรุมายะ มาโดนใบเหลืองที่สองจากการพยายามเข้าเสี่ยงตัดบอลพลาด แล้วไปเข้าหนักใส่ผู้เล่นของทาง กัมบะ โอซาก้า แบบจังๆ เลยไม่รอดพ้นการคาดโทษจากผู้ตัดสิน

พอเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน โอนิกิ ย่อมต้องหาเหยื่อในการเปลี่ยนตัวเพื่อแก้เกม แน่นอนว่าหวยก็ไปออกที่ ชนาธิป เหมือนอย่างเคยๆ เพราะไม่มีผลงานในการสร้างเกมบุกที่จับต้องได้

เหมือนจะเลือกเหลือผู้เล่นชาวญี่ปุ่นเอาไว้เพื่อไม่ให้กระแสการต่อต้านจากแฟนบอลแรงขึ้นไปอีก ทั้งที่ อิเอนางะ หมดสภาพไม่เหลือแรงตั้งแต่นาทีที่ 60 แล้วด้วยซ้ำ ไล่บอลก็ไม่ได้ ออกบอลไม่เข้าเป้า แถมทำให้เกมรุกของทีมเสียจังหวะ ตายกลางทางตลอด

PHOTO : SKOR.ID

การเล่นของ ชนาธิป ที่พยายามเล่นบอลจังหวะเดียว เสียบอลให้ยากที่สุด นั้นมาจากความเกรงใจของเขาด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็โดนกำชับมาจากตัวผู้จัดการทีมด้วยเช่นกัน ตามที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“พอเราให้บอลไปปุ๊บ บางทีเราให้ไปเราก็อยากได้บอลคืนมาอีกทีนึง เพื่อที่จะเรียกความมั่นใจ แต่เพื่อนก็อาจไม่ส่งคืนมาให้แล้ว เพราะเลือกที่จะไปฝากบอลกับคนอื่น ซึ่งเขาก็ไม่ผิด เนื่องจากเขาอาจมีตัวเลือกที่ดีกว่า”

“แต่ผมเป็นคนที่เล่นฟุตบอลแบบอยากให้ไปก่อน แล้วเราค่อยหาจังหวะทำของเราเอง เดี๋ยวหาจังหวะจ่ายของเราเอง ซึ่งเราก็ไม่โทษโค้ช โทษเพื่อน เพียงแต่เว่าเราต้องเล่นในแบบของเราให้เขาดูให้ได้”

“พูดแบบจริงๆ เลย ผมไม่กลัวนะว่าจะสู้คนอื่นไม่ได้ ผมสู้ได้เพราะเจอผู้เล่นใน เจ ลีก มาหมดแล้ว”

แน่นอนว่าต่อให้ผลงานส่วนตัวพัฒนาขึ้นมากแค่ไหน แต่ถ้าภาพรวมของทีมยังคงย่ำแย่อยู่เช่นนี้ ชนาธิป ที่เป็นนักเตะอาเซียน ได้รับโอกาสให้ลงสนาม เพื่อประโยชน์ทั้งเรื่องการตลาดและการสร้างสรรค์เกม ย่อมโดนหางเลขจากกลุ่มแฟนบอล ฟรอนตาเล่ ไปด้วยในไม่ช้า

อย่างที่ทีมงานคิดไซด์โค้ง คุณเจ - วรปัฐ อรุณภักดี วิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า การจะเล่นฟุตบอลของ ชนาธิป ให้กลับมาพีคเหมือนเดิมได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวเพียงอย่างเดียว ปัจจัยอื่นๆ อย่างแทคติกส์การเล่นของทีมที่สังกัด จังหวะฟุตบอลที่เข้าทาง โชคลางต่างๆ มันเกี่ยวเนื่องด้วยกันทั้งหมด

หากไปอยู่กับทีมที่ใช่อะไรก็เข้าทาง ทุกอย่างมันก็ดีไปเสียหมด แต่ถ้าไปอยู่กับทีมที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ผิด แล้วยิ่งแฟนบอลของต้นสังกัด กำลังพยายามตามหาแพะรับบาป มาระบายอารมณ์หลังจากผลงานทีมกำลังย่ำแย่ด้วยแล้ว นอกจาก โอนิกิ ผู้จัดการทีมที่เป็นเป้าหลัก ชนาธิป ที่ไม่ใช่นักเตะบ้านเขา ก็ดูค่อนข้างน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://thinkcurve.co/chnaathip-ekiiywaihm-epidehtuphlaefnfr-ntaaelkhuenpaay-daaphuubrihaar-aet-chaphph-rth-o-niki/

https://thinkcurve.co/o-niki-duue-ruepaaw-tnt-fr-ntaael-f-rmtkaebbthiiaimekhyepnmaak-n/

https://thinkcurve.co/y-nhaakhamt-bprachyaafutb-l-fr-ntaael-cchring-saitlaihnthamaim-chnaathip-aimehmaaa/

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ