เอริค โจฮาน่า : อดีตกัปตัน เคนยา ของดีที่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ยอมอดทนรอ

ในช่วงเลกแรก เอริค โจฮาน่า ถือเป็นหนึ่งในนักเตะต่างชาติที่ทำผลงานได้ผิดหวังจากที่แฟน ๆ คาดไว้คนหนึ่ง จนใคร ๆ ก็บอกว่าเขาจะต้องหลุดจากโควต้าต่างชาติของ เมืองทอง ยูไนเต็ด แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว นับตั้งแต่ช่วงปลายเลกแรกจนถึงตอนนี้ โจฮาน่า ดูเข้ารูปเข้ารอยและทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนเกมล่าสุดยิงไป 5 ประตู และเป็นผู้ซัดแฮตทริกแรกในไทยลีกซีซั่นนี้

เขาเป็นใครมาจากไหน เกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง ? ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ก่อนจะถึงเมืองทอง

เอริค โจฮาน่า เริ่มต้นเส้นทางลูกหนังด้วยวัย 20 ปี กับสโมสร มาธาเร่ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นสโมสรในเคนย่าถิ่นบ้านเกิดของเขา ซึ่งถือว่าเขาเริ่มต้นค่อนข้างช้าเลยสำหรับการที่เด็กหนึ่งจะเริ่มต้นกับนักฟุตบอลอาชีพ เพราะส่วนใหญ่แล้วเด็ก ๆ มักจะเริ่มต้นกับทีมอคาเดมีตั้งแต่อายุ 9-10 ขวบ ก่อนที่จะไต่เต้าขึ้นสู้ทีมเยาวชนและทีมชุดใหญ่ต่อไป

แต่สาเหตุอาจเป็นเพราะฟุตบอลใน เคนยา ณ เวลานั้น อาจจะไม่ได้รับการดูแลและพัฒนาเท่าที่ควร ทำให้เด็ก ๆ ที่นั่นไม่ได้รับโอกาสเท่าทีควรตามไปด้วย

เมื่อปี 2015 โจฮาน่า พึ่งเริ่มเล่นให้กับทีมเพียงปีเดียวแต่เขาได้รับเลือกให้เป็น กองกลางยอดเยี่ยม กับทีม มาธาเร่ ยูไนเต็ด สโมสรในลีกสูงสุดของเคนยา

เขาใช้เวลา 3 ปี ในการบ่มเพาะประสบการณ์และพัฒนาความสามารถของเขา ก่อนที่ในปี 2017 จะเปิดตัวครั้งแรกในยุโรปกับสโมสร วาซาลุนด์ ไอเอฟ ของสวีเดน เขาอยู่กับทีมได้เพียง 1 ฤดูกาลก่อนจะย้ายมาอยู่กับทีม ไอเอฟ บรอมมาโพคาน่า และลงเอยกับสโมสรที่สามในสวีเดนอย่าง ยอนโคปิงส์ โซดรา

เขาลงเล่นให้กับ ยอนโคปิงส์ ไปทั้งหมด 55 เกม ยิงไป 14 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจย้ายไปยังลีกยุโรปแห่งอื่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งนั่นก็คือลีกเบลเยียม ย้ายไปร่วมทีมกับสโมสร วาสแลนด์-เบเวอเรน และเล่นเขาลงเล่นให้กับทีมไปเพียง 4 เกม และเขาใช้เวลาไม่นานเลยก่อนจะตัดสินใจ ย้ายมาอยู่กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด

หลังจากนั้นเขาถูกเรียกติดทีมชาติเป็นครั้งแรกในปี 2015 และเขาก็ได้รับการเรียกติดทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ แถมเคยได้รับโอกาสให้เป็นกัปตันทีมชาติ เคนยา มาแล้ว

ครั้งหนึ่ง วิคเตอร์ วานยาม่า นักเตะกองกลางคนดังของ เคนยา ก็ยังออกมายอมรับว่า ฟอร์มของ โจฮาน่า ในช่วงที่เป็นดาวรุ่งนั้นนับเป็นหนึ่งในความหวังของวงการฟุตบอล เคนยา เลยก็ว่าได้

แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ที่สุดแล้ว เขาก็มาทีไทยลีกในท้ายที่สุด โดยตัวของ โจฮาน่า เล่าว่าตัวของเขารู้จัก ไทยลีก พอสมควรเพราะมี อายุบ มาซิก้า ปีกชาวเคนยาเพื่อนร่วมทีมชาติของเขา มาเล่นอยู่กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แล้วในก่อนหน้านี้

เขาเซ็นสัญญากับเมืองทองฯ 1 ปี พร้อมออปชั่นขยายสัญญา และสวมเสื้อหมายเลข 19 เลขเดียวกับที่เขาเคยใส่ที่ เบลเยียม

อดีตกัปตันทีมชาติเคนยา เชื่อว่าเขาตัดสินใจถูกต้องและรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม

"ตอนที่เมืองทอง ยูไนเต็ด แสดงความสนใจ ผมก็ลองสำรวจทีม ไม่ว่าจะเป็น ประวัติศาสตร์, แฟนบอลที่ยอดเยี่ยม, ขุมกําลังที่แข็งแกร่ง และโค้ชก็ยอดเยี่ยมมาก ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ดูเหมือนจะถูกต้อง และผมพอใจกับการตัดสินใจของผม"

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เล่นที่นี่ ผมมีโอกาสได้ดู เมืองทอง ยูไนเต็ด มาระยะหนึ่งแล้ว มันเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม มีโค้ชที่ยอดเยี่ยมและฐานแฟน ๆ มากมาย มันเป็นงานที่สําคัญ และผมก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็วที่จะมาเล่นที่นี่"

และ โจฮาน่า แสดงเป้าหมายหลักอย่างชัดเจนในการเข้ามาร่วมกับทัพกิเลนผยอง

"ในฤดูกาลที่แล้วเมืองทองจบอันดับที่ 4 และในฐานะนักเตะผมมาที่นี่เพื่อช่วยทีมในการก้าวไปข้างหน้า ฤดูกาลนี้เรามีถ้วยรางวัลสามใบที่ต้องต่อสู้และเราสามารถชนะได้ทั้งหมด หนึ่งในเป้าหมายของผมในฤดูกาลนี้คือการมีส่วนร่วมกับทีมให้ได้มากที่สุด, พัฒนาความเร็วของผมกับเพื่อนร่วมทีม และช่วยทีมให้จบสกอร์ได้ดีขึ้นหรือคว้าถ้วยรางวัลมาครอง"

ความจริงที่ต้องพิสูจน์

แม้จะตั้งความหวังไว้มากมายสำหรับการมาเล่นในไทยลีก แต่ปัญหาของ โจฮานา นั้นคือเรื่องของแมตช์ฟิต ที่แทบจะเป็น 0 เลยในวันที่เขาย้ายมาเมืองทอง

แม้จะเป็นนักเตะที่เก่งและเล่นได้ดีขนาดไหน แต่ลีกไทยนั้นไม่ใช่หมู ๆ คุณเองก็ต้องมีความฟิตสูงในระดับหนึ่ง ซึ่งการร้างสนามไปนานก่อนการย้ายทีมทำให้ โจฮานา ประสบปัญหาเรื่องนี้

สิ่งที่สะท้อนออกมาคือโอกาสการลงสนามในช่วงเลกแรก โดยเฉพาะช่วง 10 เกมแรกของฤดูกาลนั้น โจฮาน่า ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาทีให้เมืองทอง เพียง 1 เกมเท่านั้น คือเกมที่เสมอกับ ลำปาง เอฟซี 2-2

ซึ่งในช่วงแรก ๆ แฟนบอลเมืองทองก็มีเสียงบ่นมาถึงเขาไม่น้อย เพราะมองว่าการทีเ่ป็นนักเตะต่างชาตินั้น จะต้องอยู่ในสถานะที่แบกทีมได้ เป็นตัวหลักของทีม และลงเล่นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับ โจฮาน่า

อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณความอดทุนของบอร์ดบริหารของเมืองทอง ยูไนเต็ด และ โค้ชมาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่กัดฟันก้าวผ่านผลงานเลวร้ายในช่วงแรกอย่างใจเย็น บอร์ดบริหารไม่ได้ปลดโค้ชอย่าง มาริโอ ขณะที่นักเตะต่างชาติอย่าง โจฮาน่า ก็ได้รับความไว้วางใจให้อยู่กับทีมต่อไป เรียกฟิตให้ถึงที่สุดและ สุดท้ายทุกอย่างก็เริ่มเห็นภาพชัดขึ้นในช่วงท้ายเลกแรก

เริ่มตั้งแต่เกมที่ชนะ พีที ประจวบ 5-0 โจฮาน่า ก็มีแอสซิสต์แรกให้กับทีม ก่อนที่หลังจากนั้นอีก 6 เกมต่อมากเขาจะยิงได้ถึง 5 ประตู และมีเกมที่ลงเล่น 90 เต็มอีก 3 เกม

ทุกอย่างมาชัดเจนเอาในช่วงเลกที่ 2 ที่ โจฮาน่า ได้เรียกความฟิตกลับมาและทำความเข้าใจกับแท็คติกและเพื่อนร่วมทีมมากขึ้น ท้ายที่สุดเกมเปิดเลก 2 ที่เอาชนะลำปาง 5-0 โจฮาน่า ก็ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากด้วยการเล่นที่หลากหลาย ความเร็วความคล่องตัว และเหนือสิ่งอื่นใดคือการจบสกอร์ที่ยิงได้ถึง 2 ลูกในเกมดังกล่าว

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

ชัดเจนแบบไม่ต้องสงสัยคือเกมที่เขายิงแฮตทริกแรกในไทยลีกซีซั่นนี้ ในเกมเสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แบบน่าชนะ 4-4 ซึ่งในเกมนี้ทุกคนได้เห็นความร้อนแรง รวดเร็ว และเฉียบขาดของเขาแบบที่หมดทุกข้อสงสัยอย่างแท้จริง

เรียกได้ว่าภาพของการ "แบกทีม" ในฐานะนักเตะตัวหลักของเขาเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว งานนี้มันแสดงให้เห็นว่าการอดทนรอของทัพ กิเลนผยอง ที่มีต่อ โจฮาน่า เริ่มจะตอบแทนพวกเขาเเล้ว ยิ่งในตอนนี้ทีมมีนักเตะใหม่หน้าเก่าเข้ามาอย่าง วิลเลี่ยม พ๊อพพ์ ที่เป็นตัวรุกที่ถนัดการเล่นแบบเป็นทีม ให้แล้วไป ชิ่งในพื้นที่เเคบ ๆ เก่ง ไม่เลี้ยงมากและเน้นจบสกอร์เป็นหลัก แนวรุกของ กิเลนผยอง ก็น่าจะลงตัวมากขึ้น เพราะมีการแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน ตัวป่วนริมเส้นเป็นหน้าที่ของ โจฮาน่า ตัวที่ป้อนบอลในจังหวะเกมรุกคือ ซาดอร์ มีร์ซาเยฟ ขณะที่ตัวจบสกอร์เป็น พ๊อพพ์

หาก 3 คนนี้เล่นร่วมกันได้ลงตัวเมื่อไหร่ เมืองทอง ยูไนต็ด อาจจะขยับอันดับบนตารางคะแนนไทยลีกได้อย่างรวดเร็วก็เป็นได้