Inside Forward : ตำแหน่งตัวรุกโมเดิร์นฟุตบอลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์ ฮ็อตปรอทแตก

Inside Forward : ตำแหน่งตัวรุกโมเดิร์นฟุตบอลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์  ฮ็อตปรอทแตก
ชยันธร ใจมูล

ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กลายเป็นหนึ่งในนักเตะไทยที่ฮ็อตที่สุดในศึกไทยลีก 2022-23 หลังจากที่เขาขยับตำแหน่งจากการเป็นกองหน้าทั้งตัวเป้า และกองหน้าตัวต่ำ มาเป็นตัวรุกริมเส้นแบบที่ฟุตบอลสมัยใหม่เรียกว่า Inside Forward

ตำแหน่งนี้เปลี่ยนให้เขาติดปีกได้อย่าง ทำไมการขยับตัวเองออกมาที่ริมเส้นจึงทำให้เขาอันตรายกว่าเดิมหลายเท่า ติดตามที่นี่

กำเนิดพร้อมฟุตบอลยุคใหม่

ปัจจัแรกที่ผมเห็นนั่ก็คือเรื่องของแผนการเล่น 4-3-3 หรือแบบที่ทิ้งกองหน้าไว้ 3 ตัว ถือเป็นเทรนด์ที่เริ่มนิยมในโลกฟุตบอลในช่วงกลางยุค 2010s เป็นต้นมา ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือทีมใหญ่ต่างก็หันมาเล่นในระบบการเล่นนี้แทบทั้งสิ้น โดย ฌอน ไดซ์ กุนซือคนปัจจุบันของ เอฟเวอร์ตัน เคยให้สัมภาษณ์กับ The Coach Voice ว่า

"4-3-3 คือหนึ่งในสัญลักษณ์ของฟุตบอลยุคใหม่ ยุคที่คุณจำเป็นต้องเอาชนะคู่แข่งในเเดนกลางให้ได้เพราะมันเป็นหัวใจสำคัญมากที่สุด”

“แผนนี้ถูกปรับมาจาก 4-4-2 กองหน้าจะต้องถอยลงมาเล่นต่ำลง 1 คน ขณะที่ปีก 2 ข้างจะต้องรับภาระเป็นหนึ่งในตัวแบกเกมรุกของทีม และยังต้องช่วยเล่นเกมรับด้วยในเวลาเดียวกัน มันจะทำให้คุณมีกองกลางเพิ่มขึ้นจาก 4 เป็น 5 คนในเวลาที่เล่นเกมรับ" ไดซ์ อธิบายเพื่อให้เห็นภาพโดยง่าย

Photo : The Mirror

ยิ่งเวลาผ่านไป ฟุตบอลก็ยิ่งยกระดับขึ้นไปอีกเรื่อย ๆ เหล่าทีมยักษ์ใหญ่เริ่มใช้สิ่งที่เรียกว่าการ "โอเวอร์โหลด(Overload)" หรือการใช้ผู้เล่นเกมรุกมากกว่าเดิมในจังหวะที่พวกเขาเป็นฝ่ายได้บุก ซึ่งวิธีการโอเวอร์โหลด ถือเป็นศาสตร์ที่ทำให้ทีมบุกสามารถตีโซนเกมรับของคู่แข่งได้ดีมากขึ้น  

โดยรูปแบบการดันผู้เล่นไปใส่ในเกมรุกมากขึ้นมักจะเป็นรูปแบบของระบบการเล่น  2-3-5 กล่าวคือจะเหลือแค่เซ็นเตอร์แบ็ค 2 คนเท่านั้นที่ยืนห้อยท้ายอยู่ ขณะที่ฟูลแบ็ค จะเติมขึ้นมาอยู่ใกล้กับตัวรุกริมเส้น เพื่อทำให้เกิดการเล่นร่วมกัน เป้าหมายก็ที่จะเปิดพื้นที่ให้ตัวริมเส้นมีโอกาสเอาชนะในการดวลต่อตัวต่อกันมากขึ้นนั่นเอง

และเมื่อเปิดพื้นที่ เปิดโอกาสในการเอาชนะมากขึ้น นักเตะตำแหน่ง Inside Foward หรือตัวรุกริมเส้น จึงกลายเป็นตำแหน่งที่ทำหน้าที่ยิงประตูเป็นหลัก และอาจจะเป็นกลไกสำคัญในการยิงประตูมากกว่ากองหน้าตัวเป้าด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพในทันทีก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ลิโอเนล เมสซี่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ในเวลานี้เป็นต้น

Photo : Goal

ส่วนหากเราหันกลับมามองในฟุตบอลไทยเราเองก็จะได้เห็นภาพชัด ๆ ของนักเตะตำแหน่ง Inside Foward ได้เช่นกัน หากใครได้จับตาดูพัฒนาการของ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา กองหน้าวัย 22 ปีของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คุณจะได้เห็นว่าการเปลี่ยนตำแหน่งมาเป็น Inside Forward ของ "แบงค์เล็ก" นั้นมีผลอย่างมากต่อฟอร์มอันร้อนแรงของเขา และการเป็นทีมที่พร้อมจะยิงประตูในทุกนาทีของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

บุรีรัมย์ ในยุค อิชิอิ

มาซาทาดะ อิชิอิ เข้ามาเป็นกุนซือของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และเริ่มใช้งานศุภณัฏฐ์ ที่เดิมทีมักจะประจำการอยู่ริมเส้นฝั่งซ้ายหรือไม่ก็มักจะเป็นกองหน้า มาเล่นในตำแหน่งใหม่นั่นคือตัวรุกฝั่งขวาในสไตล์การเล่นแบบ Inside Forward ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ก่อนที่ ศุภณัฎฐ์ จะกลายเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดในตำแหน่งนี้ไม่ว่าจะเป็นการยิงประตู หรือการสร้างโอกาสในเกมรุกให้กับทีม

ตำแหน่งริมเส้นถือเป็นตำแหน่งที่กองหน้าดาวรุ่งหลายคนไม่ว่าจะในระดับบอลไทย หรือในระดับโลก ได้ขยับมาเล่น เพราะวิธีการเล่นของการเป็นตัวรุกริมเส้นนั้นไม่ได้ยากเหมือนกับการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ต้องโดนคู่แข่งล้อมรอบ 360 องศา

การเป็นตัวริมเส้นจะทำให้เจอตัวประกบน้อยลง มีพื้นที่เล่นมากขึ้น และที่สำคัญคือการได้สร้างจังหวะเกมรุกแบบหันหน้าใส่คู่ต่อสู้ในสถาการณ์ด้วย 1-1

ซึ่งตำแหน่งนี้เหมาะกับนักเตะดาวรุ่งที่มีความสด ความห้าว และความเร็ว ยกตัวอย่างเช่น เธียร์รี่ อองรี, เมสซี่ หรือ โรนัลโด้ ก็เกิดมากับตัวริมเส้นก่อนที่จะขยับไปยืนเป็นกองหน้าในวันที่ประสบการณ์และร่างกายมากขึ้นและเเข็งแรงขึ้นตามลำดับ

Photo : Liverpool FC

หากคุณลองเปิดดูไฮไลต์ลูกยิงและแอสซิสต์แต่ละลูกของ ศุภณัฎฐ์ คุณจะเห็นได้ว่าวิธีการเล่นของ ศุภณัฎฐ์ นั้นออกจะคล้าย ๆ กับวิธีกาเล่นของ โม ซาลาห์ ของ ลิเวอร์พูล กล่าวคือเขาจะเป็นตัวริมเส้นที่ไม่ได้ยืนชิดริมเส้นข้างสนาม เหมือนกับปีกสัญชาติไทยคนอื่น ๆ

แต่วิธีการเล่นของศุภณัฎฐ์ จะเน้นที่การยืนในพื้นที่ที่เรียกว่า Half Space หรือพื้นที่ที่อยู่ระหว่างริมเส้นกับกรอบเขตโทษ การเล่นเกมรุกแต่ละครั้ง ศุภณัฎฐ์ จะไม่ได้เล่นแบบเลื้อยลากกระชากเพียงลำพัง แต่เจ้าตัวจะมีนักเตะที่คอยขนาบข้างอยู่เสมอ อาทิประตูที่ ศุภณัฎฐ์ ยิงใส่ ชลบุรี เอฟซี ในการเจอกันนัดแรก(เกมที่ 3 ของฤดูกาล) คุณจะได้เห็นว่า ศุภณัฎฐ์ ได้บอลจากจังหวะสวนกลับ และเขารีบส่งบอลเร็วไปที่ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ที่เติมเกมมาทางริมเส้นฝั่งขวาอย่างรวดเร็ว จากนั้นกองหน้าอีก 2 คนอย่าง ศุภชัย และ โจนาธาน โบลินกิ จะรีบวิ่งเข้าไปรอในจุดนัดพบในกรอบเขตโทษ พร้อมกับการดึงกองหลังของ ชลบุรี เอฟซี ให้วิ่งตามเข้าไปด้วย

Photo : Buriram United

ขณะที่ ศุภณัฎฐ์ เมื่อจ่ายบอลเเล้ว เขาวิ่งมารอแถวพื้นที่ว่างหน้ากรอบเขตโทษโดยไม่มีใครประกบเลย จากนั้น นฤบดินทร์ ก็จ่ายมาในตำแหน่งนั้นให้ศุภณัฎฐ์ ได้ตั้งเท้ายิงเข้าไปเป็นประตูที่ 2 ของตัวเองในเกมนั้น

เช่นเดียวกับประตูที่เขายิงได้ในเกมที่ บุรีรัมย์ บุกชนะ บีจี ปทุม 2-0 ในเกมวีกที่ 18 เราก็จะได้เห็นว่า ศุภณัฎฐ์ ครองบอลอยู่ริมเส้นฝั่งซ้ายเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เพื่อนร่วมทีมก็รีบเติมขึ้นมาประคองเขาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเพื่อนมาถึงจุดที่รับบอลต่อได้ ศุภณัฎฐ์ ก็ปล่อยบอล และวิ่งเข้ามาเป็นตัวเลือกในเขตโทษให้กับทีมทันที และนับจากจังหวะปล่อยบอลแรกของเขาเพียง 7 วินาที ศุภณัฎฐ์ ก็ได้บอลและพลิกเข้าไปยิงประตูแบบเหนือชั้น

รูปแบบการยิงประตูแบบนี้จะเห็นได้บ่อยมากจากศุภณัฎฐ์ นั่นคือการเล่นเกมรุกแบบผสานงานกันกับเพื่อนร่วมทีม ซึ่งถือเป็นลูกซ้อมลูกสูตรของ บุรีรัมย์ ในฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ วิธีการเข้าทำแบบเพิ่มผู้เล่นเข้าไปในกรอบเขตโทษเป็นจำนวนมากทำให้เปิดพื้นที่กับ ศุภณัฎฐ์ ได้มีโอกาสลุ้นยิงประตูมากขึ้นและทำให้เขาอันตรายขึ้นเป็นเงาตามตัวจากวิธีการเล่นแบบนี้  


เก่งขึ้นจากประสบการณ์และทัศนคติ

ศุภณัฎฐ์ ลงเล่นในศึกไทยลีกตั้งแต่อายุ 15 ปี ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 17-18 ปี และทุกวันนี้เขาอายุ 20 ปี แล้ว 5 ปีในเวทีลูกสูงสุดของประเทศทำให้เขาเข้าใจวิธีการและจังหวะของเวทีไทยลีกมากขึ้น

แม้ศุภณัฎฐ์ จะถูกเปลี่ยนตำแหน่งบ่อย ๆ แต่เจ้าตัวก็มีทัศนคติที่ดีพอที่จะยกระดับพัฒนาเกมของตัวเองในตำแหน่งนั้น ๆ เช่นในตำแหน่งตัวรุกฝั่งขวาเดิมทีเจ้าตัวก็ไม่ได้ถนัดตรงนี้มากนัก

"ผมยังไม่ถนัดเล่นปีกขวาเท่าไหร่ พยายามปรับตัวและพัฒนาตัวเองให้เล่นตำแหน่งนี้ให้ดีขึ้น แต่เพื่อทีมผมพร้อมเล่นทุกตำแหน่งอยู่แล้ว ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องเล่นกองหน้าอย่างเดียว" ศุภณัฎฐ์ กล่าวในช่วงที่ อิชิอิ เริ่มปรับหาตำแหน่งประจำให้กับเขา

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศุภณัฎฐ์ พุ่งพรวด : อัพเดท 10 อันดับนักเตะไทยลีกมูลค่าสูงที่สุดในเวลานี้ | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง เรียกได้ว่าหลังจากที่ ศุภณัฎฐ์ กลับมาจากการร่วมฝึกซ้อมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ เด็กหนุ่มคนนี้ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาอย่างเต็มที่ และได้แสดงให้แฟนบอลชาวไทยเห็นแล้ว ในศึก รีโว่ ลีก คัพ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เอาชนะ เมืองทอง ยูไนเต็ด ได้ 2-1


นอกจากประสบการณ์ในไทยลีกแล้ว ศุภณัฎฐ์ ยังมีประสบการณ์ในแบบที่นักเตะอายุน้อย ๆ อย่างเขาหลาย ๆ คนไม่เคยสัมผัส นั่นคือการร่วมฝึกซ้อมกับ เลสเตอร์ ถึง 2 ครั้ง

และเมื่อเขากลับมาสิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือรูปร่างที่ดูแข็งแกร่งขึ้น และวิธีการเล่นที่อาจจะไม่หวือหวาแต่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ว่าง่าย ๆ จังหวะยิงก็ยิงอย่างเฉียบคม จังหวะจ่ายก็ต้องจ่ายอย่างแม่นยำ

Photo : Buriram United

“อย่างแรกที่ เลสเตอร์ฯ ให้เลยก็คือเรื่องของฟิตเนส เรื่องของการทำให้ร่างกายพร้อม อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกก็คือเรื่องของความคิด ตอนอยู่ไทยผมอาจจะไม่ได้คิดว่าเราควรจะต้องดูแลตัวเอง แต่พอไปนู่นแล้วก็ยังด้อยกว่าเขาอยู่ดี เพราะว่าเรื่องสภาพร่างกาย ความแข็งแรง เรื่องความคิดของเขาก็เป็นมืออาชีพมากกว่า” ศุภณัฎฐ์ กล่าวกับรายการ The Player

เมื่อร่างกายเเข็งแรง ได้เล่นในตำแหน่งที่เหมาะสม และมีประสบการณ์รู้จังหวะ รู้วิธีการเล่น เราจึงได้เห็นการเล่นในแบบที่ดูเรียบง่ายและเต็มไปด้วยประสิทธิภาพจากการยืนในตำแหน่ง Inside Forward ทางฝั่งขวาของ ศุภณัฎฐ์ เหมือนตา แบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้


เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา : ไปเจออะไรมาที่ เลสเตอร์ ทำไมถึงเก่งเบอร์นั้น ?

เปิดกฎเวิร์คเพอร์มิตพรีเมียร์ลีก : ศุภณัฎฐ์ ไป เลสเตอร์ ได้จริงหรือ ?

ยุโรปไม่ไกลเกินฝัน : 5 ลีกทางเลือกที่แข้งไทยเล่นได้ไม่ต้องห่วงเรื่องเวิร์คเพอร์มิต

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ