กลางอัดแน่น : มาโน่สไตล์ มิดฟิลด์ลุยอุ่นเครื่อง ซีเรีย, ยูเออี ใครตัวจริง ?

กลางอัดแน่น : มาโน่สไตล์ มิดฟิลด์ลุยอุ่นเครื่อง ซีเรีย, ยูเออี ใครตัวจริง ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

โปรแกรมอุ่นเครื่องช่วง ฟีฟ่า เดย์ ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในวันที่ 25 และ 28 มีนาคมนี้ จะเป็นการเจอกับชาติในเอเชีย ซึ่งเป็นโซนตะวันออกกลางทั้ง ซีเรีย อันดับที่ 90 กับ ยูเออี อันดับที่ 70 สองชาติที่มีฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง สูงกว่าไทยทั้งหมด

ถ้าย้อนกลับไปดูกันเรื่องของสถิติ เฮด ทู เฮด การเจอกับ ซีเรีย ทัพช้างศึก ยังไม่เคยปราชัยให้กับชาตินี้แม้แต่ครั้งเดียว เก็บชัยชนะไปได้ถึง 3 นัด และเสมอไป 2 นัด นับเฉพาะผลในช่วงเวลาปกติ

โดยครั้งล่าสุดเจอกันในรายการ คิงส์ คัพ ปี 2016 หรือประมาณเกือบ 7 ปี เสมอกันในเวลา 2-2 ก่อนที่เราจะดวลจุดโทษชนะไป 7-6

ส่วนการเจอกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ ยูเออี ไทย มีสถิติเป็นรองค่อนข้างชัดเจน ผลงานจบลงด้วยการชนะ 3 นัด เสมอ 4 นัด และแพ้ไป 8 นัด

ครั้งล่าสุดเพิ่งจะปะทะกันไปในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก เดือนมิถุนายน ปี 2021 ผลจบลงด้วยการบุกไปพ่าย 1-3 แต่ถ้าย้อนกลับไปในปี 2019 ในรายการเดียวกัน แต่กลับมาเป็นฝั่งเราที่เป็นเจ้าถิ่น สามารถเอาชนะไปได้ดด้วยสกอร์ 2-1

แน่นอนว่าสิ่งที่แฟนบอลไทยกำลังลุ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ คือการประกาศรายชื่อ 23 ขุนพลช้างศึก ที่จะได้มีโอกาสรับใช้ชาติในเกมที่เดิมพันด้วยแต้ม ฟีฟ่า แร้งค์กิ้ง สูงที่สุดในรอบหลายปี พร้อมเป็นการปูทางก่อนจะไปเยือนยุโรปช่วงปลายปี

ก่อนหน้านี้ได้มีการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ไปแล้วในตำแหน่งผู้รักษาประตูและกองหลัง คลิปนี้จะขยับมาพูดถึงตำแหน่งห้องเครื่องแดนกลางกันบ้าง รวมไปถึงตัวริมเส้นที่เป็นหัวใจในการขึ้นเกมรุกของทีมชาติไทย

บทความที่เกี่ยวข้อง : กองหลังช้างศึก : เดาใจมาโน่ เลือก 23 แข้งทีมชาติไทยนัดอุ่นเครื่อง ซีเรีย & ยูเออี

กองหลังช้างศึก : เดาใจมาโน่ เลือก 23 แข้งทีมชาติไทยนัดอุ่นเครื่อง ซีเรีย & ยูเออี | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ทีมชาติไทยหาทางลงในช่วงปฎิทินฟีฟ่าเดย์ ได้อย่างลงล็อคด้วยการได้โปรเเกรมบุกเยือนทีมแกร่งจากตะวันออกกลางอย่าง ซีเรีย และ ยูเออี ในวันที่ 25 และ 28 มีนาคม นี้ตามลำดับ เมื่อโปรเเกรมใกล้เข้ามาก็ได้เวลาที่เราจะมาลองสอดส่องกันดูว่าในช่วงโปรเเกรมฟีฟ่าเดย์

สิ่งที่แฟนบอลไทย พอจะตื่นเต้นกันได้บ้าง คือ การที่ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ แย้มข้อมูลสำคัญออกแล้วว่าสองสตาร์ช้างศึก ที่ค้าแข้งอยู่ในศึก เจ ลีก อย่าง “เช็ค” สุภโชค สารชาติ และ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะเดินทางมาร่วมทีมด้วยแน่นอน แม้ว่าจะต้องทิ้งเกมกับสโมสรก็ตาม

เกมสำคัญแบบนี้ ไม่มีทางที่ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทย จะไม่เรียกตัวนักเตะที่ดีที่สุดมาใช้งาน ดังนั้นสองผู้เล่นที่ออกไปค้าแข้งในลีกชั้นนำทั้ง เจ และ เช็ค การันตี เตรียมลงสนามเป็นแกนหลักให้กับทีมแน่นอน

วันนี้ Think Curve - คิดไซด์โค้ง พร้อมเดาใจ มาโน่ ตามความน่าจะเป็น กับตำแหน่งที่เหลืออยู่ในแดนกลางว่า ผู้ฝึกสอนรายนี้จะเรียกตัวใครมาใช้งานในเกมสำคัญสองแมตช์นี้กันบ้าง

ระบบการเล่นที่เดาได้ไม่ยาก

ยึดจากการจัดแผนการเล่นที่ผ่านมา มาโน่ โพลกิ้ง ชื่นชอบแผนการเล่น 4-1-4-1 และ 3-1-4-2 เป็นพิเศษ เน้นการอัดแผงกองกลางให้แน่น เพื่อชิงพื้นที่ให้มีความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

ดังนั้นโควต้า 11 ตัวจริงจะมีตัวเลือก ที่เป็นกองกลางกินพื้นที่ไปถึง 5 รายด้วยกัน ประกอบไปด้วย กองกลางตัวรับหน้าแผงกองหลัง, กองกลางบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์, เพลย์เมคเกอร์ตัวสร้างสรรค์เกม และ ตัวริมเส้นซ้าย-ขวา

บทความที่เกี่ยวข้อง : เริ่มต้นที่นายทวาร : เดาใจมาโน่เลือก 23 แข้งในเกมอุ่นเครื่องกับ ซีเรีย และ ยูเออี

เริ่มต้นที่นายทวาร : เดาใจมาโน่เลือก 23 แข้งในเกมอุ่นเครื่องกับ ซีเรีย และ ยูเออี | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ทีมชาติไทยหาทางลงในช่วงปฎิทินฟีฟ่าเดย์ ได้อย่างลงล็อคด้วยการได้โปรเเกรมบุกเยือนทีมแกร่งจากตะวันออกกลางอย่าง ซีเรีย และ ยูเออี ในวันที่ 25 และ 28 มีนาคม นี้ตามลำดับ เมื่อโปรเเกรมใกล้เข้ามาก็ได้เวลาที่เราจะมาลองสอดส่องกันดูว่าในช่วงโปรเเกรมฟีฟ่าเดย์

พอเป็นเกมระดับทีมชุดชาติชุดใหญ่ มีการเดิมพันสูง มาโน่ ต้องพยายามเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุด เข้ามาเป็นขุมกำลังในการใช้งานแต่ละตำแหน่ง ด้วยการยึดตัวหลักที่มีประสบการณ์เป็นแกนกลางของทีม สตาร์ต้องมากันครบ

ส่วนดาวรุ่งหรือตัวสอดแทรก อาจจะมีหลุดเข้ามาให้เห็นกันบ้างประปราย แต่จะทดลองใช้งานจริงแค่ไหน มอบโอกาสให้ในช่วงเวลาใด ก็ต้องมาลุ้นกันตามหน้าเสื่ออีกที

กลางรับที่ไม่เซอร์ไพรส์

แน่นอนว่าตำแหน่งกองกลางตัวรับ ที่มีหน้าที่สำคัญทั้งตัดเกมในแดนกลาง รวมไปถึงการลำเลียงบอลจากแดนหลังขึ้นไปแดนหน้าหน้าเพื่อเชื่อมเกม จำเป็นต้องใช้ขาประจำหน้าเดิมที่คุ้นเคยกันดีอย่าง ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งนำผลงานได้ดีในศึก อาเซียน คัพ เป็นตัวยืน หากยึดกันตามผลงานล่าสุด

แม้ว่าตำแหน่งนี้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัดของเจ้าตัว แต่การเล่นที่แสดงทักษะให้เห็นในสนาม ไม่ว่าจะเป็นการอ่านเกม การจ่ายบอล และ การใช้ทักษะส่วนตัวในการแกะเพรสซิ่ง ล้วนทำได้ดีในระดับการเจอกับชาติจากอเซียน แต่ในระดับเอเชียต้องมาดูกันอีกที

PHOTO : เพจช้างศึก

ยิ่งไปกว่านั้นการเล่นในบทบาท อินเวิร์ท วิงแบ็ค ของเขามาอย่างยาวนาน ย่อมช่วยเรื่องการคุมจังหวะเกม สร้างสรรค์เกมบุก เพิ่มมิติการออกบอลสั้นและยาว รวมไปถึงการขยับถ่างออกไปริมเส้น เพื่อโจมตีคู่แข่งด้วยการครอสบอลแบบได้เสียเข้าเขตโทษได้มากแน่ๆ สถิติทำไป 2 ประตู กับอีก 9 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 28 นัดรวมทุกรายการ เป็นการการันตีคุณภาพได้เป็นอย่างดี

ส่วนผู้เล่นขาประจำทีมชาติอีกสองรายจากค่าย บีจี ปทุม อย่าง สารัช อยู่เย็น และ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล เหลือเพียงแค่รายเดียวให้ใช้งานได้ตอนนี้ คือ ตังค์-สารัช ซึ่งอาจไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติอีกเช่นกัน เรื่องการตัดเกมอาจไม่ใช่ของถนัดของเจ้าตัว

แถมการออกบอลหน้าแผงหลังก็ยังไม่ชัวร์เท่า ธีราทร น่าจะถูกเลือกไปใช้งานในบทบาทอื่นๆ ที่เหมาะสมกว่า มีกส่วนร่วมกับเกมรุกมากกว่า เพราะทีเด็ดของ ตังค์ อยู่ที่การออกบอลได้เสีย รวมไปถึงการเติมไปยิงจากแถวสอง ซึ่งเหมาะกับการยืนตำแหน่งที่สูงกว่า

ฤดูกาลนี้ทำประตูไปแล้ว 2 ประตู กับ 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 28 นัด บ่งบอกถึงเซ้นส์การเล่นเกมรุกของเขาได้ชัดเจน เขาเป็นตัวขับเคลื่อนแดนกลางให้กับทีมที่ทำหน้าที่หนักทั้งรับและรุก แม้ผลงานรวมๆ ของทีมอาจจะไม่ดี แต่ฟอร์มส่วนตัวของ ตังค์ ไม่ได้ย่ำแย่ตามไปด้วย

PHOTO : เพจช้างศึก

ด้าน เต้-พิธิวัตต์ ยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ต้องพักอีกราวๆ หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่มีส่วนร่วมกับทีมชุดนี้ แล้วอีกหนึ่งผู้เล่นที่ยังเข้าๆ ออกๆ ทีมชาติอยู่เสมออย่าง ตั้ม ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ก็ยังมีลุ้นอยู่ลึกๆ

เนื่องจากผลงานกับสโมสร การท่าเรือ รักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองได้ดีอยู่ ขนาดตัวผู้เล่นในทีมแทบล้น ตั้ม ยังได้ลงสนามรวมทุกรายการไปถึง 22 เกม ทำประตูไปแล้ว 1 ลูก และมี 2 แอสซิสต์ แล้วก็มีลูกตัดบอลสวยๆ ให้เห็นอยู่แทบทุกเกม ตามสไตล์บอลสายเชิง

นอกจากนี้ยังเหลือทางเลือกอีกหนึ่งทาง คือ การเลือกใช้งาน วีระเทพ ป้อมพันธุ์ ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ เนื่องจากเจ้าตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเล่นเกมป้องกันอยู่แล้ว ยืนได้ทั้งเซนเตอร์แบ็คและตัวตัดเกม สามารถเพิ่มมิติเรื่องการออกบอลให้กับทีมได้ด้วย แต่ก็ต้องแลกกับความดุดันที่ขาดหายไป

แม้ว่าเขาจะถูกจับไปทำหน้าที่ รับผิดชอบบทบาทในเกมรับเป็นพิเศษ แต่สถิติการทำไป 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการไป 25 นัด ประโยชน์จากวิชั่นในการเล่นเกมรุกของ เตอร์ อาจจะช่วยเพิ่มมิติเรื่องการขึ้นเกมให้กับทีมชาติได้เช่นกัน

PHOTO : เพจช้างศึก

จริงอยู่ที่ ทีมชาติไทย สามารถเลือกใช้งานผู้เล่นที่ไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติได้ในระดับการเจอกับทีมอาเซียน เพราะต้องพูดกันตามตรงว่า คุณภาพนักเตะของเรามีฝีเท้าที่เหนือกว่าอยู่พอควร

แต่พอจะก้าวขึ้นไปชนกับชาติที่เหนือกว่าในทวีปเอเชีย มาโน่ ต้องหาวิธีการหรือวางแทคติกส์ในการเล่น ไม่ให้เราประมาทเสียบอลง่ายในแดนตัวเอง สามารถทรานซิซั่นจากรุกมาเป็นรับยังไงไม่ให้การยืนตำแหน่งรวน ไม่โดนเจาะตรงกลาง และทางริมเส้น ที่เป็นการบ้านต้องนำไปขบคิดต่อไป

ผึ้งงานในแดนกลาง

อีกหนึ่งตำแหน่งในแผงมิดฟิลด์ในยุค โมเดิร์น ฟุตบอล ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ กองกลาง บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ ที่เป็นผู้เล่นที่ต้องขึ้นสุดลงสุด มีส่วนร่วมกับทีมทั้งจังหวะเกมรุกและเกมรับ ซึ่งถ้ายึดกันตาม 11 ตัวจริงที่ผ่านมาในศึก อาเซียน คัพ แน่นอนว่า สารัช ต้องยืนหนึ่ง

ส่วนตัวสอดแทรกที่ผลงานกำลังเข้าฝักมากๆ แล้วน่าจะเป็นตัวโจ๊กเกอร์ คือ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะส่งลงเป็นตัวจริงก็ได้ หรือจะเก็บไว้เป็นไพ่ตายในการแก้เกมก็ดี เรื่องความขยันทุ่มเท ความมั่นใจชั่วโมงนี้มาเกินร้อย ซีซั่นนี้ทำไปแล้ว 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จากการทุกรายการ 25 นัด

PHOTO : เพจช้างศึก

อย่างไรก็ตาม พีรดนย์ จำเป็นต้องไปเบียดแย่งตำแหน่งตรงๆ กับผู้เล่นที่ มาโน่ ชอบใช้งานเอามากๆ คุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยร่วมงานกันในระดับสโมสร นั่นก็คือ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ว่ากันตามตรงแล้วหากไม่มีอาการบาดเจ็บ น่าจะเป็นตัวเลือกเบอร์หนึ่งในบทบาทนี้ได้ไม่ยาก การันตีด้วยสถิติ 2 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวม 25 นัดทุกรายการ

เพราะเข้าใจว่ากุนซือต้องการให้รับหน้าที่ทำอะไรบ้างในสนาม แถมความขยันทุ่มเทก็ไม่เป็นรองใคร บางครั้งยังมีทีเด็ดในการสอดขึ้นไปยิงประตูได้อีกด้วย การันตีเลยว่า ทั้งสองคนนี้มีชื่อในทีมชุดนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ หากไม่มีอาการบาดเจ็บไปเสียก่อน

ส่วนตัวสอดแทรกม้ามืดที่ผลงานกำลังดี แล้วอาจมีชื่อติดเข้ามาในทีมชุดนี้ คือ วิลเลียม เวเดอร์เฌอ จากสโมสร การท่าเรือ ที่ลงสนามให้กับต้นสังกัดไปแล้ว 19 นัด ทำไปแล้วหนึ่งประตู

ต่อกันที่ ปานเดชา เงินประเสริฐ จากสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด หนึ่งในมิดฟิลด์ตัวรับสถิติสุดโหด ผ่านบอลสำเร็จ 642 ครั้งมากที่สุดในลีก, เอาชนะการครอบครองบอล 127 ครั้งเป็นอันดับ 2 ในลีก, เข้าปะทะ 27 ครั้ง อันดับที่ 4 ของลีก และดวลชนะ 122 ครั้ง อันดับ 3 ของลีก ลงสนามทุกรายการ 22 เกม ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์

PHOTO : KHON KAEN UNITED

รวมไปถึง ชานุกูล ก๋ารินทร์ จากสโมสร โปลิศ เทโร กองกลางจอมขยัน ที่ลงสนามทุกรายการ 24 นัด แล้วทำไป 4 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ ซึ่งก็ต้องไปวัดกันตามผลงานและชื่อชั้น แล้วไปดูกันเอาเองว่า มาโน่ จะเลือกได้ตรงใจแฟนบอลหรือไม่?

ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว ก็ยังเหลือผู้เล่นรายอื่นๆ ที่เคยมีชื่อติดทีมมาก่อนแล้วยังมีลุ้น สามารถยืนในตำแหน่งนี้ได้ อาทิ ศิวกรณ์ เตียตระกูล จากสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด ที่ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 23 นัด แต่น่าห่วงเรื่องสถิติใบเหลือง ที่โดนคาดโทษไปแล้ว 10 ใบ

พิชา อุทรา จากสโมสร เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ลงสนามทุกรายการไป 23 นัด ทำไป 1 ประตู และ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ บีจี ปทุม ที่ลงเล่นทุกรายการไป 11 นัด ทำไปแล้ว 2 แอสซิสต์

เชื่อว่าสุดท้ายแล้วตัวผมมองว่า แผงมิดฟิลด์ จะไม่มีการปรับเปลี่ยนเยอะ เพราะส่วนใหญ่ต้องยึดแกนหลักหน้าเดิมๆ ไว้ก่อน เพราะเรื่องประสบการณ์บนเวทีใหญ่ก็สำคัญ ต้องเข้าใจโค้ชด้วยว่า ต้องเลือกทางที่เซฟที่สุดไว้ก่อน เนื่องจากเห็นผลงานกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ถ้าไปลองตัวใหม่ๆ ในเกมใหญ่ ผลงานไม่ดีขึ้นมา จะกลายเป็นโดนแฟนบอลโจมตีอีก

เพลย์เมคเกอร์เบอร์หนึ่ง

ตำแหน่งนี้คงยากที่จะพลิกโผ เพราะถ้าการันตีแล้วว่าเรียกตัว ชนาธิป มาจาก คาวาซากิ ฟรอนตาเล่ ยังไงก็ต้องใช้งาน ต่อให้จะยังไม่ได้ลงเกมอย่างเป็นทางการในลีกให้กับต้นสังกัดก็ตาม ยังไงคุณภาพในการสร้างสรรค์เกมบุก และคาแรกเตอร์การเป็น แมตช์ วินเนอร์ ยังไม่หายไปจากเขาแน่ๆ แล้วก็เพิ่งจะมีชื่อลงเล่นบอลถ้วย ลูวาน คัพ ให้กับทีมเพื่อเรียกความมั่นใจมาสดๆ ร้อนๆ

PHOTO : J.League

ส่วนทางเลือกอื่นๆ ที่น่าสนใจเป็นเบอร์รองลงมา คงหนีไม่พ้น วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ที่กำลังทำผลงานได้เข้าฝักกับ การท่าเรือ ที่เครื่องติดทำประตูสวยๆ ให้แฟนบอลได้เห็นกันมาแล้ว 2 ประตูกับ สิงห์เจ้าท่า ในเลกที่สอง จากการลงเล่นไปแล้ว 9 นัดรวมทุกรายการ ถ้านับรวมเลกแรกด้วยทำไปแล้ว 5 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 24 นัดรวมทุกรายการ

หรือจะเลือกให้โอกาส ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ดาวรุ่งจากสโมสร ชลบุรี เอฟซี ก็ได้เช่นกัน ซีซั่นนี้ผลงานกับ ฉลามชล ก็ค่อนข้างน่าพอใจ ส่องประตูให้ต้นสังกัดไปแล้วสองลูก ลงสนามรวมทุกรายการ ไปแล้วถึง 22 นัด

แต่ในรายของ อลงกรณ์ จรนาทอง กองกลางวัย 33 ปี จากสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด แม้ว่าผลงานกับต้นสังกัดจะโดดเด่น ทำไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงสนามรวมทุกรายการ 19 เกม แต่ถ้ามองเรื่องของอายุอานามคงยากที่จะได้รับเลือก เนื่องจากต้องมองเรื่องการถ่ายเลือดสร้างขุมกำลังใหม่ๆ ได้แล้ว

ซึ่งอาจนับรวมไปถึงผู้เล่นอย่าง สุมัญญา ปุริสาย อดีตเพลย์เมคเกอร์ฟอร์มเยี่ยม วัย 36 ปี ซึ่งผลงานในปีนี้หลังจากย้ายมาอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี ดร็อปลงไปกว่าเดิมพอควร มีเพียงแค่ 4 แอสซิสต์เท่านั้น จากการลงเล่น 17 เกมรวมทุกรายการ

ปีกซ้ายตัวอิมพอร์ท

แน่นอนว่าถ้า มาโน่ เลือกเล่นในระบบแผงแบ็คโฟร์ 4 คน ตัวเลือกเบอร์หนึ่งที่จะได้ลงในตำแหน่งปีกซ้าย ย่อมเป็นตัวอิมพอร์ทจาก เจ ลีก อย่าง สุภโชค สารชาติ หากวัดกันตามดีกรีและเสียงเชียร์ แม้ว่าจะยังไม่ได้ลงเป็นตัวจริงให้ต้นสังกัด คอนซาโดเล่ ซัปโปโร แม้แต่เกมเดียวก็ตาม แต่ก็เพิ่งได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในศึก ลูวาน คัพ หมาดๆ

PHOTO : J.League

ตัวสอดแทรกที่จะได้สลับกันลงสนาม ย่อมหนีไม่พ้น บดินทร์ ผาลา ตัวริมเส้นฟอร์มดี ที่ผลงานในทีมชาติและสโมสร อยู่ในช่วงที่มั่นใจ มีจังหวะการลากตะลุยฝ่าแนวรับ การตัดเข้ามายิงประตู และ การครอสบอลที่หวังผลได้เสมอ ลงสนามทุกรายการไป 27 เกม ทำไป 5 ประตู กับ 5 แอสซิสต์

ซึ่งถ้ามีการปรับระบบเป็นกองหลังตัวกลางสามคน จะมีตัวเลือกที่ต้องมาเบียดกันเพิ่มเติม คือ ศศลักษณ์ ไหประโคน จากสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เป็นตัวยืน แต่ต้องลุ้นเพราะยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ ลงสนามทุกรายไปแล้ว 18 เกม ทำไป 2 แอสซิสต์ แต่เรื่องความขยัน ความทุ่มเท การเล่นเกมรุก-เกมรับที่สมดุลย์ คงจะช่วยทีมได้มาก ยิ่งไปพี่ชายอย่าง ธีราทร คอยประคอง คงประสานงานกันได้อย่างเข้าขารู้ใจสุดๆ

ในรายของ ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์ ดาวรุ่ง วันเดอร์ คิดส์ จากสโมสร ชลบุรี เอฟซี ก็น่าสนใจเพรา่ะลงเล่นไปแล้วทุกรายการ 22 เกม ทำไป 1 ประตู และ 1 แอสซิสต์ เติมเกมรุกมัน ความเข้าใจเกมดี แต่อาจติดเรื่องร่างกายที่ยังบางไปหน่อย

รวมไปถึง เควิน ดีรมรัมย์ แบ็คจากสโมสร การท่าเรือ ซึ่งทำไปแล้ว 5 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 19 เกมรวมทุกรายการ แต่ก็ไม่รู้ว่ารอบนี้ถ้าโดนเรียกตัว จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนอีกหรือไม่

ปีกขวาที่ยังไม่ลงตัว

ตำแหน่งปีกขวาของทัพ ช้างศึก เหมือนจะยังหาคนที่เล่นแล้วทำผลงานได้โดดเด่น ลงตัวกับการใช้งานของ มาโน่ ไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังคงเป็นจุดบอดที่ต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป

โดยแคนดิเดตที่น่าสนใจในตำแหน่งนี้ ปฐมพล เจริญรัตนภิรมย์ จากสโมสร การท่าเรือ เอฟซี อาจได้เรื่องของความขยัน ความเร็วสปีดต้นในการปั่นป่วนกองหลัง แต่ยังขาดเรื่องของความนิ่ง รวมไปถึงการรักษามาตรฐานฟอร์มของตัวเอง อย่างน้อยปีนี้ก็ยังทำไป 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการรวม 22 เกม พอถูไถไปได้อยู่

ส่วนอีกสองทางเลือกจากค่าย เมืองทอง ยูไนเต็ด อย่าง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่ปีนี้ทำไปแล้ว 3 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 23 นัด และ เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ทำไป 5 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นทุกรายการ 25 นัด ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน

PHOTO : Muangthong United FC

แต่พอเอาเข้าจริงในเกมใหญ่ๆ ยังมีอาการตื่นสนามให้เห็นกันอยู่บ้าง น่าจะเหมาะกับการลงมาเป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกมมากกว่า เพราะข้อดีของทั้งคู่คือมีความเร็วจัดจ้าน กระชากลากเลื้อยได้เมามัน สามารถฉีกแนวรับคู่แข่งได้ดี เหมือนที่ทำให้เห็นกันมาแล้วใน ไทย ลีก

หากมองถึงช้อยส์อื่นๆ ที่พอจะเข้าข่าย ก็จะมี ปกรณ์ เปรมภักดิ์ จากสโมสร การท่าเรือ เอฟซี แต่ฟอร์มการเล่นรวมๆ ก็ยังไม่ได้เด่นมากมาย เพียงแต่สถิติการยิงไป 4 ประตู กับทำอีก 6 แอสซิสต์ จาการลงสนามทุกรายการ 24 นัด อาจมาช่วยเติมมิติในการเล่นลูกเซ็ตเพลย์ หรือการเปิดบอลจากริมเส้นที่แม่นยำได้อยู่

ต่อกันที่ รุ่งรัฐ ภูมิจันทึก ปีกวัย 30 ปี จากค่าย แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ทำไปแล้ว 4 ประตู กับ 3 แอสซิสต์จากการลงเล่นทุกรายการ 26 นัด ซึ่งทาง มาโน่ อาจมีคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว ผลงานในสนามก็กำลังเล่นได้อย่างมั่นใจ ได้รับคำชมจากแฟนบอลอยู่เนืองๆ

ส่วนในรายของตัวสอดแทรกอย่าง พลากร วอกลาง จากสโมสร ขอนแก่น ยูไนเต็ด ผลงานทำไป 1 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงเล่นรวมทุกรายการ 23 นัด มองผ่านๆ ตามสถิติดูเหมือนจะผ่านเกณฑ์ แต่ในเมื่อยังต้องเบียดกับคนอื่นๆ ที่กล่าวถึงมาก่อนหน้านี้ คงน่าจะยังไม่ติดโผเข้ามา เนื่องจากชื่อชั้นยังเป็นรอง

แล้วถ้าหาก ชาญณรงค์ มีชื่อติดทีมเข้ามา ก็สามารถถูกจับมายืนตรงตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน เพราะเคยถูกใช้งานมาก่อนหน้านี้แล้ว ผลงานก็พอไปวัดไปวาได้ แล้วอาจได้ผลดีทางอ้อม คือ การเติมประสบการณ์เกมแข็งๆ บนเวทีทีมชาติให้กับดาวรุ่ง ที่จะกลายเป็นตัวหลักให้กับทีมต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย

PHOTO : เพจช้างศึก

ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่เหลือ Think Curve - คิดไซด์โค้ง จะคัดเลือกผู้เล่นที่เข้าข่าย มานำเสนอต่อไปให้ครบทุกตำแหน่ง ก่อนจะมีการประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้าย มารวมตัวฝึกซ้อมกันในวันที่ 20 มีนาคม เพื่อตัดให้เหลือ 23 คน ที่จะได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันที่ 23 มีนาคมนี้

ย้ำกันอีกครั้งสำหรับโปรแกรมการแข่งขันเกมอุ่นเครื่องช่วง ฟีฟ่า เดย์ ของทีมชาติไทยชุดใหญ่ จะพบกับทีมชาติ ซีเรีย ในวันที่ 25 มีนาคม และ ทีมชาติยูเออี ในวันที่ 28 มีนาคม

ส่วนรายละเอียดเรื่องสนาม และ เวลาที่ลงทำการแข่งขันอย่างเป็นทางการ จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งในภายหลัง แต่ที่แน่นอนแล้ว คือ แฟนบอลสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง AIS Play เหมือนเช่นเคย

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

MOST POPULAR

สนใจโฆษณาติดต่อ