“นิว เเคร์โรลล์” จริงดิ : หาต้นเหตุทำไม ดาร์วิน นูนเญซ มักยิงง่าย ๆ ไม่เข้า ?
ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล จ่ายเงินจำนวนมหาศาลในการดึงตัว ดาร์วิน นูนเญซ มาจากเบนฟิก้า เพื่อทดเเทนการจากไปของ ซาดิโอ มาเน่
โดยธรรมชาติของลิเวอร์พูลเเล้ว ถึงเเม้จะเป็นทีมใหญ่เเต่พวกเขาไม่ใช่ทีมที่จะใช้จ่ายเงินในการซื้อตัวผู้เล่นในราคาเเพงเเบบนี้ให้เราเห็นได้บ่อยๆ นั้นหมายความว่าพวกเขาเชื่อใจในศักยภาพของ ดาร์วิน นูนเญซ จริงๆ
ด้วยจำนวนเงินมหาศาลที่ลิเวอร์พูลจ่ายไปทำให้ความคาดหวังของเเฟนบอลมากขึ้นไปด้วย เเถมยังถูกเอาไปเปรียบเทียบกับ เออร์ลิ่ง ฮาเเลนด์ มันเลยกลายเป็นดาบสองคมที่ก่อให้เกิดความกดดันต่อตัว ดาร์วิน เอง เเละอาจจะส่งผลถึงการตัดสินใจในสนามได้ในบางครั้ง
เเต่ช้าก่อน ถ้าเราเอาสถิติมาคุยกันจริงๆ ผลงานของ ดาร์วิน นูนเญซ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด สถิติของเขาเป็นยังไงบ้าง ติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ชยันธร ใจมูล
เรามาเริ่มกันด้วย Facts
มองด้วยตาเปล่าก็พอเห็นๆกันอยู่เเล้วว่าวิธีการเล่นของ ดาร์วิน นูนเญซ ถือเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องเเละอันตรายคนหนึ่งของยุโรป โดยวิธีการเล่นของเขานั้นจะเน้นไปที่การจบกอร์มากกว่าเป็นตัวพักบอลให้เพื่อน
เขาเป็นกองหน้าคนหนึ่งที่ไม่ชอบลงมาเชื่อมบอลต่ำกับเพื่อนเท่าไหร่ เเต่จะมีการเคลื่อนที่พุ่งไปข้างหน้าเเละหาพื้นที่ว่างหลังไลน์กองหลังมากกว่า ด้วยความเร็วเเละความเเข็งเเกร่ง ทำให้สามารถเอาชนะกองหลังเเล้วเปลี่ยนเป็นโอกาสการจบสกอร์ได้
การจบสกอร์ของเขาก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปเหมือนกัน เขาสามารถยิงประตูได้จากทั้งสองเท้า เหมือนกับลูกวอลเลย์ด้วยซ้ายในเกมกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด การเป็นกองหน้าเเล้วสามารถยิงประตูได้ทั้งสองเท้าถือเป็นอาวุธอันตรายอย่างหนึ่งที่ทำให้กองหลังอ่านทางประกบได้ยาก
เเละด้วยความสูงถึง 187 เซ็นติเมตร ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมาอีกเช่นกันในการเล่นลูกกลางอากาศ มักจะหาโอกาสชิงจังหวะจบสกอร์ด้วยการโหม่งได้บ่อยๆ หรือเเม้กระทั่งบางทีสามารถโยกไปเล่นตัวริมเส้นได้ด้วย เพราะมีความสามารถในการใช้ความเร็วเอาชนะการดวล 1-1 ได้
“สภาพร่างกายของเขาน่าเหลือเชื่อมากๆ เขามีทั้งความสูงเเละความเร็ว เขาเป็นผู้เล่นที่ฉลาดเเละมักจะพาตัวเองไปอยู่ในตำเเหน่งที่ลุ้นประตูได้เสมอ” เดวิด บาเดีย โค้ชเก่าของ นูนเญซ ให้สัมภาษณ์
เเทบจะคล้ายๆว่าเขาคือส่วนผสมระหว่างสองกองหน้ารุ่นพี่ในทีมชาติอุรุกวัยอย่าง หลุยส์ ซัวเรส เเละ เอดิสัน คาวานี่ ก็ว่าได้ เเละเพื่อยืนยันสิ่งที่เราพูดถึงเราขอพาไปดูสถิติเพื่อยืนยันสิ่งนี้กันสักหน่อย เพราะตัวเลขไม่เคยโกหกใคร
ย้อนกลับไปในปีที่เเล้วกับเบนฟิก้า ดาร์วิน ลงเล่นให้กับเบนฟิก้าทั้งหมด 41 นัดในทุกรายการ ซัดไป 34 ประตู ทำให้เขามีค่าเฉลี่ยจำนวนนาทีต่อการยิงประตูหนึ่งลูกที่ดีที่สุดจากทั้ง 5 ลีกใหญ่ของยุโรป (นับจากกองหน้าที่ลงสนามเกิน 1000 นาที) ตัวเลขอยู่ที่ 1 ประตู ในทุกๆ 76 นาที
เท่านั้นยังไม่พอหากเราลองเอา โอกาสในการจบสกอร์มาคำนวณดูเเล้ว ดาร์วิน นูนเญซ ยังมีเปอร์เซ็นต์การเปลี่ยนโอกาสในการจบสกอร์ให้เป็นประตูมากที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ อยู่ที่ 27.2% (นับจากผู้เล่นทั้งหมดที่มีโอกาสยิงมากกว่า 55 ครั้งขึ้นไป) เรียกได้ว่ามีความคมในการจบสกอร์มากที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ เเละการทำประตูต่างๆของเขานั้นมาจากการจบสกอร์ด้วยเท้าขวา เท้าซ้าย เเละ ลูกโหม่ง เเบบเฉลี่ยๆกันไป
จากสถิติเหล่านี้ ถ้าจะบอกว่าเขาไม่เก่งก็คงไม่ใช่ ต้องใช้คำว่าฟอร์มตกมากกว่า เเล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้เขาฟอร์มตก? ปัญหาจริงๆอาจจะเป็นเรื่องนอกสนามมากกว่า … เพราะสิ่งที่เขาแบกเอาไว้บนหลังคือความกดดันที่ไม่ธรรมดา
85 ล้านปอนด์ ราคาเเห่งความกดดัน
ด้วยความที่กลไกราคานักฟุตบอลในยุโรปในปัจจุบันนั้นไปไกลชนิดที่ว่า ดีลระดับ 30-40 ล้านปอนด์ กลายเป็นเรื่องปกติ ทำให้การจะซื้อตัวเเต่ละทีสโมสรต้องยอมควักเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัวนักฟุตบอลที่ต้องการมาร่วมทีมให้ได้ เเละเเฟนบอลส่วนใหญ่ชอบลืมกันไปว่า ราคาไม่สามารถบ่งบอกความเก่งของนักฟุตบอลได้เสมอไป มันคือการทำธุรกิจเเละการตกลงกันในจุดที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ
ในกรณีของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็เช่นเดียวกัน ด้วยฟอร์มอันร้อนเเรงกับ เบนฟิก้า ในฤดูกาลก่อน ทำให้ เบนฟิก้า สามารถตั้งค่าตัวเขาไว้สูงๆได้ เเละเป็นทางลิเวอร์พูล ที่วิเคราะห์เเล้วว่า ดาร์วิน คือคนที่ตอบโจทย์ของพวกเขา ยอมจ่ายเงิน 85 ล้านปอนด์ ซื้อตัว ดาร์วิน นูนเญซ เข้ามาทดเเทนการจากไปของ ซาดิโอ มาเน่
แม้จะเป็นนักเตะคนละตำแหน่ง แต่หนึ่งสิ่งที่แฟนลิเวอร์พูลเรียกร้องตลอดก็คือกองหน้าหมายเลข 9 ที่เป็นสายโป้งปิดปัญชี แบบที่ทีมไม่มีมานาน และเเน่นอนว่าด้วยราคาขนาดนี้ทำให้ทุกสายตาของเเฟนบอลเเละสื่อทั่วโลกต่างจับจ้องมาที่เขาอย่างไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะกับเเฟนบอล ด้วยความที่ลิเวอร์พูลประสบความสำเร็จมาในช่วงหลายปีหลังเเละมีเเฟนบอลอยู่ทั่วทุกมุมโลก ทำให้เกิดความคาดหวังสูงในตัวดาร์วิน หวังว่าดาร์วินจะเข้ามาทดเเทนการหายไปของมาเน่ได้ในทันที จนลืมไปว่า ดาร์วิน นั้นต้องการเวลาการปรับตัว
เเละไม่ใช่เเค่กับเเฟนบอลของตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยมาดเเบบเเบดบอยยียวนกวนประสาทเหลือเกินของดาร์วิน ทำให้เขา ยังเป็นเป้าในการโจมตีของเเฟนบอลฝ่ายตรงข้ามในการออกไปเล่นเกมเยือน เเฟนบอลเจ้าบ้านมักจะร้องเพลงเเซว ยั่วยุอารมณ์ ดาร์วิน อยู่เสมอ เพราะพวกเขารู้ว่าการทำเเบบนี้จะสามารถกดดันเเละส่งผลในการเล่นของตัวดาร์วินได้
อย่างเช่น เกมกับ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เเฟนบอลของซิตี้ร้องเพลงเเซว ดาร์วิน นูนเญซ ว่า “You’re just a shit Andy Carroll” หรือถ้าแปลเป็นไทยก็หมายความว่า นายมันก็เเค่ แอนดี้ เเคร์โรลล์ นี่หว่า ถือเป็นการดูหมิ่นมากๆ มันยิ่งทำให้ นูนเญซ นั้นพยามพิสูจน์ตัวเองจนมากเกินไป ทำให้บางจังหวะของเขานั้น กลายเป็นการเล่นที่ดูฝืนมากไปหน่อย
สงครามประสาทในสนามกับเเฟนบอลฝั่งตรงข้ามเป็นเรื่องที่นักบอลทุกคนต้องเจอมาทุกยุคทุกสมัย เเละมันเป็นเพียงเเค่เวลา 90 นาทีในสนาม ถ้าอดทนได้ ก็ว่ากันใหม่คราวหน้า เเต่ความโหดร้ายของยุคนี้ คือ การเข้ามามีบทบาทของ โซเชียล มีเดีย ทำให้เวลามีการเล่นผิดพลาดของนักฟุตบอล มักจะโดนเเฟนบอลหรือไม่ก็สื่อเอาไปล้อเลียนทางอินเตอร์เน็ตไปเรียบร้อยเเล้ว เเละคำด่าเเละคำตัดสินต่างๆกรูเข้ามาได้เพียงในเวลาไม่กี่วินาทีเเละได้ทุกเวลา
ดาร์วิน นูนเญซ ก็กลายเป็นหนึ่งคนที่เป็นเป้าหมายของเหล่าเเฟนบอล อย่างเช่นเพียงเเค่การลงเล่นไม่กี่นัดในช่วงอุ่นเครื่อง ดาร์วิน นูนเญซ ก็ถูกแฟนบอลเอาคลิปไปตัดต่อรวบรวมจังหวะผิดพลาดกันไปซะเเล้ว
การเป็นนักฟุตบอลในทีมใหญ่สมัยนี้ไม่ใช่เเค่เก่งเพียงอย่างเดียว จิตใจต้องเเข็งเเกร่งด้วย ถึงจะอยู่รอดได้ เพราะเขาเหล่านั้น จ้องจะเล่นคุณอยู่
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ด้วยราคาค่าตัวในการย้ายทีมมากขนาดนี้ทำให้สื่อสำนักต่างๆเเละเเฟนบอลมักจะเอา ดาร์วิน ไปเทียบกับ เออร์ลิ่ง ฮาเเลนด์ เพราะทั้งสองคนนั้นย้ายมาทีมลุ้นเเย่งเเชมป์กันในลีกทั้งคู่ อายุไล่เลี่ยกัน และย้ายทีมมาพร้อม ๆ กัน ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่เเฟรสักเท่าไหร่ เพราะ ทั้งสองคนเติบโตมาไม่เหมือนกัน
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ นั้นถูกเลี้ยงดูมาเพื่อให้เติบโตไปเป็นนักฟุตบอล พ่อของเขาจัดการให้ทุกอย่างเพื่อให้เเน่ใจว่า ฮาลันด์พร้อมเสมอสำหรับการจะเป็นสุดดยอดนักเตะ เเถมตัว ฮาลันด์ นั้นเกิดเเละเติบโตที่ประเทศอังกฤษทำให้เขาคุ้นเคยกับภาษาเเละวัฒนธรรมเป็นอย่างดี
ต้องยอมรับว่า ฮาลันด์นั้นเก่งจริง ๆ เข้าขั้นปีศาจเลยก็ว่าได้ ทำให้การเปรียบเทียบนั้นสร้างความกดดันเเก่ตัวดาร์วิน มีผลต่อการตัดสินใจในจังหวะสำคัญๆเลยทำออกมาได้ไม่ดีพอสมควร
“นักฟุตบอลในปัจจุบันนั้นทุกคนต่างเล่น โซเชียล มีเดีย ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดเลย เพราะผู้คนในอินเตอร์เน็ตนั้นเขาตัดสินคุณตั้งเเต่วินาทีเเรกเเล้ว” เจอร์เกน คลอปป์ ให้สัมภาษณ์
เเละมันก็ถูกของ เจอร์เกน คล็อปป์ ในปัจจุบันผู้คนรีบตัดสินความเก่งของนักฟุตบอลคนหนึ่งจากเพียงการลงเล่นไม่กี่นัด พวกเขาต่างลืมไปว่า นักฟุตบอลก็คือมนุษย์คนหนึ่ง การย้ายทีม ย้ายประเทศ เปลี่ยนวัฒนธรรมเเละถิ่นที่อยู่อาศัยนั้น มันต้องใช้เวลาในการปรับตัวสักพักหนึ่งกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะกับเรื่อง “ภาษา”
กำเเพงภาษา
สิ่งหนึ่งที่ทำให้มนุษย์อย่างเรานั้นเเตกต่างจากสัตว์คือ ภาษาเเละวัฒนธรรม เเต่ละประเทศ เเต่ละทวีป จะมีสิ่งเหล่านี้เเตกต่างกันออกไป ทุกคนที่ตัดสินใจย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยต้องมีการเรียนรู้เเละปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมใหม่ๆ
ลองคิดภาพถ้าเราไปต่างประเทศ ถ้าไปเที่ยวเเค่ระยะสั้นใช้ภาษามือถูๆไถๆยังพอเอาตัวรอดได้ เเต่ถ้าเป็นการไปอยู่เป็นปีเลย มันต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับภาษาบ้านเขาสักนิด กว่าจะพูดได้คล่องเเละเข้าใจบริบทต่างๆของภาษาต้องใช้เวลา ต้องมีการใช้มันทุกวันเป็นเวลาหลายเดือนหรือเป็นปีเลยก็ว่าได้ หรือ บางคนอาจจะเลือกไปหาคอร์สลงเรียนภาษาเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจได้เร็วขึ้นก็เเล้วเเต่
ที่น่าสนใจก็คือ 63 % ของผู้เล่นในพรีเมียร์ลีกเป็นชาวต่างชาติ เเละมีบางคนย้ายเข้ามาทั้งๆที่ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สโมสรบางสโมสรเลยมีคอร์สให้ไปเรียนเพิ่มเติมเเถมมาให้หลังจากเซ็นสัญญา เเต่พอมันเป็นเรื่องเรียน ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ดีเหมือนกัน
หรือด้วยความที่นักเตะบางคนมองว่าฟุตบอลมันเป็นภาษาสากล ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาเดียวกันก็ได้ เพราะเราคุยกันด้วยฝีเท้า ทำให้บางคนเลือกที่จะเข้าใจภาษาอังกฤษเพียงไม่กี่คำเพื่อใช้ในยามจำเป็นเวลาลงสนา ยกตัวอย่างเช่น มิเกล อัลมิรอน ที่มาอยู่นิวคาสเซิ่ลได้หลายปีเเล้วเเต่ยังพูดภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องเท่าไหร่ … แต่เมื่อเขาปรับตัวได้ก็อย่างที่เห็นกัน อัลมิร่อน คือตัวรุกริมเส้นที่อันตรายที่สุดในซีซั่นนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยเเล้ว
ดาร์วิน นูนเญซ เองก็ไม่ต่าง ตัวเขานั้นไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษมาก่อน เขาเคยออกมายอมรับว่า ไม่เข้าใจที่คล็อปป์พูดสักคำ
“เราไม่ค่อยได้คุยกันมากนะ ผมไม่รู้ภาษาอังกฤษ ส่วนเจอร์เกนพูดสเปนไม่ได้” ดาร์วิน นูนเญซ ยอมรับว่าไม่เข้าใจภาษาอังกฤษเลยทำให้ไม่ได้คุยกับคล็อปป์มากนัก
“เวลาอธิบายทีมเเท็คติก พวกเขาจะมีคนคอยนั่งข้างๆแปลให้ผมฟัง ถ้าไม่มีใครแปลให้ฟังผมก็จะลงสนามไปแบบไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง” นูนเญซ กล่าวเพิ่มเติม
พอไม่เข้าใจเเท็คติก มันทำให้ความเข้าใจเกมไม่มี เล่นไปตามเกม ตามเซนส์ของตัวเอง เเถมยังสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมลำบากอีก ทำให้บางจังหวะการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมยังดูติดขัด เพราะฟุตบอลสมัยใหม่นั้นเเค่ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องมีความเข้าใจเกมด้วย
เพราะฉะนั้น สิ่งที่ ดาร์วิน นูนเญซ ต้องการคือเวลาในการปรับตัวเข้ากับชีวิตใหม่ของเขาในเมืองลิเวอร์พูลสักพัก ถึงเเม้คนทั้งโลกจะไม่เข้าใจ เเต่คนที่เข้าใจคือ เจอร์เกน คลอปป์ ก็เพียงพอเเล้ว
การที่ คล็อปป์ เลือกเซ็นสัญญากับดาร์วิน นูนเญซ ในราคานี้ ก็บ่งบอกเราได้ว่าเขาเชื่อมั่นในตัวดาร์วิน ถึงเเม้ลิเวอร์พูลจะเป็นทีมใหญ่เเต่พวกเขาไม่ใช่ทีมสไตล์ที่จะทุ่มเงินซื้อนักเตะไปเรื่อย การที่พวกเขายอมจ่ายในราคานี้นั่นแปลว่า เจอร์เกน คลอปป์ เห็นอะไรบางอย่างในตัว ดาร์วิน นูนเญซ เเน่นอน
“เขาลงสนามได้อย่างมั่นใจเเละไม่มีความกลัว ผมมั่นใจว่าเขาจะสร้างความตื่นเต้นให้กับเเฟนบอลของเราได้อย่างเเน่นอน เเต่มันสำคัญมากที่ทุกคนต้องเข้าใจว่ากระบวนเหล่านี้มันต้องใช้เวลา” เจอร์เกน คลอปป์ ให้สัมภาษณ์ถึงดาร์วิน นูนเญซ
เขาค่อยๆใช้งานดาร์วิน นูนเญซ อย่างปราณีต สลับกันเป็นตัวจริงกับ โรเเบร์โต ฟีร์มิโน่ ในตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า เเละในเมื่อเราเริ่มกันด้วยสถิติ เราก็จะไปจบกันที่สถิติ ว่าสถิติของดาร์วินในพรีเมียร์ลีกเป็นยังไง
ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ดาร์วิน นูนเญซ ลงสนามให้ลิเวอร์พูล 10 นัด ยิงไป 5 ประตู เเละจ่ายให้เพื่อนทำอีก 2 ประตู ถือว่าไม่ได้น่าเกลียดเลยจากการลงเล่น 10 นัดเเรก ในพรีเมียร์ลีก
เขามีโอกาสง้างเท้ายิงทั้งหมด 39 ครั้ง ตรงกรอบ 17 ประตู เเละจากทั้งหมด 39 ครั้งเป็นการยิงในกรอบเขตโทษถึง 30 ครั้ง ทำให้ค่าสถิติที่คาดหวังว่าเขาจะยิงได้กี่ลูกต่อเกมอยูที่ 0.97 เป็นรองเเค่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คนเดียวในลีก
การที่ค่าสถิตินี้สูงนั้นแปลว่า ถ้าดูจากโอกาสยิงเเล้ว เขาสามารถหาช่องเเละสร้างโอกาสยิงได้เยอะเเละมันควรจะเป็นประตู เเต่เเค่เขายังไม่สามารถปลี่ยนให้มันเป็นประตูได้
ทำให้เขาทำได้เพียงเเค่ 5 ประตู น้อยกว่าค่า ค่าxGรวม ที่ 6.56 อยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น (xG ย่อมาจากคำว่า Expected Goals หรือความน่าจะเป็นของการได้ประตู)
จะเห็นได้ว่าถ้าดูจากสถิติเเล้ว ถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้น่าเกลียดเลยด้วยซ้ำ ในการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 10 นัดเเรกในชีวิต เขามีทุกอย่างพร้อมเเล้ว ขาดเเค่ความมั่นใจในจังหวะสุดท้ายเพียงเท่านั้น เเละเชื่อว่าถ้าเมื่อไหร่ที่เขาปรับตัวกับเรื่องนอกสนามได้เเล้ว ความมั่นใจของเขาจะกลับมาอย่างเเน่นอน นี่ขนาดยังสื่อสารไม่ค่อยได้ พูดกับเพื่อนไม่รู้เรื่อง เเถมยังไม่เข้าใจเเท็คติก ยังทำได้ขนาดนี้
หากวันหนึ่ง ถ้า ดาร์วิน นูนเญซ สามารถปรับตัวเเละข้ามกำเเพงเหล่านี้ไปได้เมื่อไหร่ เราได้อาจจะได้เห็นปีศาจจอมถล่มประตูผมจุกสีดำอีกตนในพรีเมียร์ลีก ที่มาจุติในนามว่า ดาร์วิน นูนเญซ ก็เป็นได้
เเหล่งอ้างอิง
https://theanalyst.com/eu/2022/06/how-good-is-darwin-nunez/
https://www.fantasyfootballhub.co.uk/opta
https://theathletic.com/3679444/2022/10/12/darwin-nunez-translation-troubles-new-language/
https://www.coachesvoice.com/cv/darwin-nunez-liverpool-benfica-scout-report/
https://www.youtube.com/watch?v=YU9RiGjhsFc&t=2s
https://www.overtimeheroics.net/2022/06/24/is-darwin-nunez-a-good-signing-for-liverpool/
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR
มิเกล รับขาด เหม็ด-อภิวัฒน์ ส่งผล เชื่อโต๊ะเล็กไทยไปถึงแชมป์เอเชีย
สมาคมฟุตบอลฯ ฉลองครบรอบ 109 ปี หวังเห็นโต๊ะเล็กไทยเข้าชิงศึกชิงแชมป์เอเชีย
เฮคโมชมเปาะเอกนิษฐ์ หลังประเดิมสนามนัดแรกของซีซั่น
เหงียน กง เฟือง ประเดิมตัวจริงในญี่ปุ่นครั้งแรก จบเกมด้วยใบเหลือง
ทีมชาติอินโดนีเซีย จับ ชิน แท-ยง ต่อสัญญาถึงปี 2027
