Outside In : เบื้องหลัง บราซิล ชุดใหญ่ลุย คิงส์ คัพ 2000 : "ทำไมเราต้องเตะกับทีมอ่อนชั้นอย่าง ไทยแลนด์ ?"
ฟุตบอลพระราชทาน “คิงส์คัพ” ถือเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และทำให้ทีมชาติไทยได้มีโอกาสต้อนรับทีมมากหน้าหลายตา
หนึ่งในนั้นคือ “บราซิล” หนึ่งในทีมชั้นนำแถวหน้าของโลก ที่ขนผู้เล่นทีมชาติชุดใหญ่บุกมาเยือน ราชมังคลากีฬาสถาน จนเกิดปรากฎการณ์ “บราซิลฟีเวอร์”
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะเหตุใดบราซิลจึงบินข้ามโลกมาเยือนประเทศไทย รวมถึงเกิดอะไรขึ้นบ้างในเกมวันนั้น? และนี่คือมุมมองจากสื่อต่างชาติใน Outside In ของ Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ติดตามได้ที่นี่
วรวีร์ มะกูดี
ทัวร์นาเมนต์กระชับมิตร ถือเป็นแพลตฟอร์มที่หลายชาติใช้กันมาอย่างยาวนาน เพราะนอกจากทีมชาติจะได้ใช้เป็นเวทีลับฝีเท้าแล้ว แฟนบอลยังได้มีโอกาสได้เห็นทีมจากชาติอื่นๆ นอกจากเพื่อนร่วมภูมิภาค
ไม่ว่าจะเป็น “กิรินคัพ” ของญี่ปุ่น ที่มักเชิญทีมระดับโลกมาแข่งเป็นประจำ, โคเรีย คัพ ของเกาหลี ที่ “ช้างศึก” เคยไปไกลถึงอันดับ 3 ในปี 1977 หรือ เมอร์เดกาคัพของมาเลเซีย
เช่นกันสำหรับ ไทย ที่มีฟุตบอลพระราชทานคิงส์คัพ รายการอุ่นเครื่องที่มีมาตั้งแต่ปี 1968 และจัดมาอย่างต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 49 ในปี 2023 นี้
ทั้งนี้ เนื่องจากคิงส์คัพเป็นการแข่งขันที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ทำให้รายการนี้ได้มีโอกาสต้อนรับทีมมากหน้าหลายตา และหนึ่งในนั้นก็คือ “บราซิล” มหาอำนาจลูกหนังโลก ที่ขนเหล่าสตาร์ดังมาลงเล่นต่อหน้าแฟนบอลชาวไทยในราชมังคลากีฬาสถานในปี 2000
มูลเหตุของเรื่องนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ในช่วงเวลานั้น บราซิล ได้ลงรับสมัครขอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งจะโหวตเลือกกันในช่วงกลางปี 2000 โดยมีคู่แข่งอย่าง เยอรมัน แอฟริกาใต้ อังกฤษ และ โมร็อคโก
และหนึ่งในผู้มีสิทธิ์โหวตก็คือ วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลไทยในตอนนั้น ที่มีตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ด้วยเหตุนี้การมาเยือนไทยของบราซิลจึงเป็นเหมือนการมาขอเสียงโหวตกลาย ๆ
“การปรากฏตัวของบราซิลในเกมที่พบกับทีมที่อ่อนชั้นอย่างชัดเจนอย่างทีมชาติไทย สามารถอธิบายได้ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ผู้ร่วมแข่งขันในการขอเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 จะใช้ประโยชน์จากคิงส์คัพ (การแข่งขันที่ถูกนับว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ของ U-17 บราซิล) ในการหาเสียงของพวกเขา” รายงานจาก Record สื่อของบราซิล
“หนึ่งใน 24 กรรมการบริหารของฟีฟ่า ซึ่งมีส่วนในวันที่ 6 มิถุนายน (วันโหวตเลือก) คือชาวไทยที่ชื่อ วรวีร์ มะกูดี ซึ่งเป็นเหตุผลหลักให้ตัวแทนจากชาติผู้สมัครมาปรากฏตัวที่กรุงเทพ”
“เยอรมัน ส่ง ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ อังกฤษส่ง บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และบราซิล ส่งทีมชาติของพวกเขามา”
ก่อนที่มันจะกลายเป็นเกมนัดประวัติศาสตร์
บราซิลฟีเวอร์
อันที่จริงการที่ บราซิล ขนผู้เล่นมาเตะนัดกระชับมิตรที่ไทย ก็ทำให้สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ถูกวิจารณ์อย่างหนาหู โดยเฉพาะสื่อในบ้านเกิด ที่รู้สึกว่าเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย เมื่อรายได้ที่เข้ากระเป๋าส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเดินทาง
“สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ซึ่งปกติจะเรียกเก็บเงินราว 100 ล้านเอสคูโดโปรตุเกส (18 ล้านบาท) สำหรับเกมทีมชาติหนึ่งนัด จะได้รับเงินเพียงแค่ 30 ล้านเอสคูโดโปรตุเกส (5 ล้านบาท) เนื่องจาก 70 ล้านเอสคูโดโปรตุเกส (ราว 12 ล้านบาท) ถูกใช้ไปกับค่าเดินทาง” อันโตนิโอ คาร์ลอส ผู้สื่อข่าวของ Record ให้ความเห็น
“แต่การโหวต มันก็คือการโหวตเสมอ”
นอกจากนี้ ต้นสังกัดของผู้เล่นที่ค้าแข้งอยู่ในยุโรปจำนวนไม่น้อย ก็กังวลว่าการเดินทางข้ามทวีปจะทำให้นักเตะของพวกเขามีอาการล้า และไม่ฟิตพอที่จะลงเตะในเกมวันเสาร์ หรือ 3 วัน หลังจากการแข่งขันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์
หนึ่งในนั้นคือ บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด ที่กำลังจะมีเกมดาร์บี้ “เอลกลาซิโก้” ในวันเสาร์ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องจำใจปล่อยผู้เล่นอย่าง ริวัลโด้ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส มาเล่นเกมนี้ เนื่องจากไม่อยากผิดกฎฟีฟ่า
“ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า บาร์เซโลนา ไม่อยากปล่อยตัว ริวัลโด้ สำหรับเกมนี้ แต่ภายใต้กฎของฟีฟ่า สโมสรจะต้องปล่อยตัวผู้เล่นนอกจากพวกเขาจะทำข้อตกลงกับผู้จัดการทีมชาติ” รายงานของ Reuters
ทำให้บราซิลชุดบุกเยือนไทยในคิงส์คัพ ถือว่าเป็นผู้เล่นชุดใหญ่ เพราะนอกจากสองคนข้างต้นแล้ว พวกเขายังมีสตาร์ดังอย่าง คาร์ฟู แบ็คขวาจากโรม่า, เซ โรแบร์โต ของไบเออร์ เลเวอร์คูเซน, โจวานนี เอลแบร์ กองหน้า บาเยิร์น มิวนิค รวมถึง โรนัลดินโญ ที่กำลังจะย้ายไปเล่นในยุโรป
“โค้ช วันเดอร์เลย์ ลูกเซมเบอร์โก รวบรวมขุมกำลังที่แข็งแกร่ง รวมถึง ริวัลโด้ เจ้าของรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมฟีฟ่า และนักเตะยอดเยี่ยมยุโรปแห่งปี” Reuters ระบุ
“นักเตะจากยุโรปคนอื่นยังมี โรแบร์โต้ คาร์ลอส สตาร์ของ เรอัล มาดริด, คาฟู ของโรมา และเอเมอร์สัน และเซ โรแบร์โต้ ของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน”
อย่างไรก็ดี ทีมชุดใหญ่ของพวกเขา มีภารกิจลงเตะกับทีมชาติไทยเพียงนัดเดียวเท่านั้น ตามข้อตกลงกับสมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ขณะที่เกมนัดอื่นพวกเขาจะใช้ทีมชุดอายุไม่เกิน 17 ปีลงเตะแทน
22 กุมภาพันธ์ 2000 หรือหนึ่งวันก่อนการแข่งขัน บราซิล ก็ลงซ้อมอย่างเป็นทางการกันอย่างพร้อมหน้าเป็นครั้งแรก ท่ามกลางแฟนบอลชาวไทยที่เข้ามาให้กำลังใจจนเต็มสนาม จนเกิดปรากฏการณ์ “บราซิลฟีเวอร์”
“ฝูงชนจำนวนมากเข้ามาดูการซ้อมของบราซิล ก่อนเจอกับไทยในคิงส์คัพในวันพุธนี้ (23 กุมภาพันธ์)” รายงานจาก Reuters”
ขณะเดียวกัน การได้รับความนิยมอย่างล้นหลามต่อผู้คนท้องถิ่นขนาดนี้ ยังถูกรายงานกลับไปยังบราซิล ในเชิงว่าขุนพลแซมบ้าคือไอดอลที่แท้จริงสำหรับแฟนบอลชาวไทย
“นักเตะทีมชาติบราซิลได้รับการปฏิบัติเยี่ยงไอดอลที่แท้จริงจากคนไทย มากจนถึงขั้นได้รับกุญแจเมืองกรุงเทพ ในพิธีท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก” รายงานจาก uol.com.br
และมันก็ทำให้เกมนัดนี้เป็นการแข่งขันที่ไม่มีใครเสียใจ
แพ้แต่มีรอยยิ้ม
เชื่อว่าใครที่อยู่ในสนามในวันนั้นคงไม่มีวันลืม…
แน่นอนว่า บราซิล เป็นฝ่ายที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ก่อนจะได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาทีที่ 12 จากจังหวะที่ ริวัลโด้ ล็อกผ่านผู้เล่นไทยถึง 2 คน ก่อนจะซัดไกล ผ่านมือ วิรัช วังจันทร์ เสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม
หลังจากนั้นนาทีที่ 38 ริวัลโด้ ก็มาซัดประตูที่สอง จากลูกยิงไกลเกือบ 40 หลา ก่อนที่ โรนัลดินโญ จะมาซัดประตูปิดท้ายให้ บราซิล ออกนำไทยเจ้าถิ่นในครึ่งแรกไปถึง 3-0
ครึ่งหลัง ยังเป็นบราซิล ที่ครองเกมบุก จนมาได้ประตูที่ 4 จากลูกยิงไกลของ เอเมอร์สัน และถึงแม้ในนาทีที่ 60 ริวัลโด้ จะถูกถอดออกไปพัก แต่ขุนพลแซมบ้า ก็มายิงเพิ่มได้อีก 3 ลูกจาก โรเก้ จูเนียร์, มาริโอ ยาร์เดล และ เอเมอร์สัน ในนาทีที่ 74, 79 และ 85 ช่วยให้ทีมบุกมาเอาชนะเจ้าถิ่นไปอย่างขาดลอย 7-0
“นักเตะยอดเยี่ยมโลกของฟีฟ่า ประจำปี 1999 ริวัลโด้ ชาวบราซิล ยิงประตูสำคัญคว้าชัยในเกมเอาชนะทีมชาติไทยในนัดกระชับมิตร” รายงานจาก La Nacion สื่ออาร์เจนตินา
“ริวัลโด้ สลับตัวลงมาเล่นในทีมชาติร่วมกับสตาร์จากยุโรปคนอื่นๆ อย่าง เอเมอร์สัน จากไบเบอร์ เลเวอร์คูเซน, โรแบร์โต้ คาร์ลอส จากเรอัล มาดริด และ จูนินโญ จากมิดเดิลสโบรห์”
“แข้งบาร์เซโลนา ยิงประตูเปิดเกมหลังผ่านไป 15 นาที และมายิงประตูอีกครั้งในนาทีที่ 38 ก่อนที่ครึ่งแรกจะจบลง 3-0 จากประตูของ โรนัลดินโญ เกาโช ที่ย้ายไปเล่นในฟุตบอลยุโรปในตอนนี้ (ด้วยค่าตัวหลายล้านเหรียญ)”
“ครึ่งหลังพวกเขามาได้ประตูจาก เอเมอร์สัน (นาทีที่ 50 และ 85), โรเกร์ จูเนียร์ (73) และ มาริโอ ยาร์เดล (นาทีที่ 80)”
ทั้งนี้ เกมนัดดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นชัยชนะที่เด็ดขาดและสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเกมแห่งความทรงจำของทีมชาติบราซิล เนื่องจากเป็นชัยชนะนัดแรกในประวัติศาสตร์ของพวกเขาในศตวรรษที่ 21
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิล ถึงขั้นจารึกเกมนัดนี้ไว้ในหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการในฐานะเครื่องเตือนความจำ ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2015 ที่ผ่านมา
“15 ปีที่แล้ว เกมนัดแรกของบราซิลในปี 2000 เกิดขึ้นในวันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ ปีนั้นเป็นการเริ่มต้นที่ดี ด้วยการไล่ถล่มไทยไป 7-0 ที่กรุงเทพฯ ” เว็บไซต์สมาพันธ์ฟุตบอลบราซิลอธิบาย
ขณะที่นักเตะและแฟนบอลชาวไทย แม้จะเป็นความพ่ายแพ้ที่ยับเยิน แต่มันก็เต็มไปด้วยความสุขกับการได้เห็นได้เล่นกับนักเตะระดับโลก และทีมชาติที่ครั้งหนึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นเบอร์หนึ่งของโลก
ผ่านมาแล้ว 23 ปีนับตั้งแต่เกมวันนั้น คิงส์คัพ ก็แทบไม่ได้ต้อนรับทีมชาติระดับโลกอีกเลย แถมบางปียังไม่ใช่ทีมชาติที่แท้จริง เพราะเป็นการรวมทีมจากในลีกมาเตะ จนไม่ได้รับคะแนนสะสมจากฟีฟ่าอีกด้วย
แต่ในคิงส์คัพ 2023 ที่เชียงใหม่ในครั้งนี้ “ช้างศึก” จะมีโอกาสได้พิสูจน์ความสามารถอย่างแท้จริง เมื่อทีมที่เข้าร่วมอย่าง อินเดีย เลบานอน และ อิรัก ล้วนเป็นชาติที่มีอันดับโลกสูงกว่า
โดยเกมนัดแรกทีมชาติไทยจะประเดิมสนามด้วยการพบกับ เลบานอน ในวันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน และลงเล่นนัดที่ 2 (นัดชิงชนะเลิศ หรือชิงที่ 3 ) ในวันที่ 10 กันยายน โดยทั้งสองเกมถ่ายทอดสดผ่านช่อง ไทยรัฐ ทีวี และ AIS PLAY
แหล่งอ้างอิง
https://www.dgabc.com.br/Noticia/369204/selecao-comeca-a-embarcar-para-bangcoc
http://www1.uol.com.br/esporte/futebol/fut22022000129.htm
https://www1.folha.uol.com.br/fsp/esporte/fk2202200005.htm
ข่าวและบทความล่าสุด