พ่อมดก็ช่วยไม่ไหว : เกิดอะไรขึ้นกับเชลซีในฤดูกาลนี้?

พ่อมดก็ช่วยไม่ไหว : เกิดอะไรขึ้นกับเชลซีในฤดูกาลนี้?
มฤคย์ ตันนิยม

ความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้เมื่อคืนผ่านมา ทำให้เชลซี ผลงานย่ำแย่ 10 เกมหลังสุด พวกเขาแพ้ไปแล้วถึง 7 นัด

พวกเขายังไม่สามารถหาฟอร์มเก่งของตัวเองได้เลย แม้จะได้โค้ชใหม่อย่าง แกรห์ม พ็อตเตอร์ ที่เข้ามาแทน โธมัส ทูเคิล เมื่อเดือนกันยายน แถมยังมีผลงานที่แตกต่างกับซีซั่นก่อนอย่างสิ้นเชิง เพราะในช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว พวกเขาคือทีมลุ้นแชมป์

อะไรที่ทำให้เชลซีมาถึงจุดนี้ ร่วมหาคำตอบไปกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

แก้ปัญหาผิดจุด

สิ่งหนึ่งที่เชลซีเผชิญมาตลอด ตั้งแต่เปิดฤดูกาล คือความอันตรายในแดนหน้าที่ลดน้อยถอยลง พวกเขา

แปรสภาพแปรสภาพจากทีมจอมถล่มประตูเมื่อฤดูกาลก่อน มาเป็นสิงห์ที่ไร้เขี้ยวเล็บในซีซั่นนี้ หลังยิงคู่แข่งไปเพียง 20 ประตูจาก 17 นัด น้อยกว่าประตูที่เออร์ลิง ฮาลันด์ ยิงให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสียอีก  

แน่นอนว่าปัญหาหลักของพวกเขาคือกองหน้า ฤดูกาลนี้ เชลซี ปล่อยกองหน้าตัวหลักออกจากทีมถึงสองราย นั่นคือ ติโม แวร์เนอร์ ที่ขายคืนให้ แอร์เบ ไลป์ซิก และ โรเมลู ลูกากู ดาวซัลโวของทีม ที่ให้ อินเตอร์ มิลาน เซ้งต่อไปด้วยสัญญายืมตัว

Photo : beIN SPORTS

ทว่า ผู้เล่นที่พวกเขาได้กลับมามีเพียงกองหน้ารุ่นลายครามอย่าง ปิแอร์ เอเมริค โอบาเมยอง และ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกจอมพริ้ว แต่ยิงประตูไม่ค่อยได้ ในการสู้ศึกซีซั่น 2022-2023

“พวกเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จ หรือได้รับเสียงชื่นชม ทั้งลูกากู และ วาร์เนอร์ แต่พวกเขาจะเป็นทีมที่ดีกว่านี้โดยไม่มีสองคนนี้อย่างนั้นหรือ?” แกรม ซูเนสส์ อดีตกุนซือลิเวอร์พูลตั้งคำถามในรายการของ Sky Sports

“พวกเขาจะดูอันตรายกว่านี้โดยไม่มีสองคนนี้จริงหรือ?”

แต่สิ่งที่ขัดใจแฟนเชลซีมากที่สุดคือ แทนที่พวกเขาจะทุ่มเงินคว้ากองหน้าระดับเกรดเอ มาเสริมทีม แต่ซีซั่นนี้สโมสรกลับหมดเงินไปกับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลังเป็นส่วนใหญ่ ที่รวมกันแล้วเกือบ 200 ล้านปอนด์

ความจริงที่ สเปอร์ส : อันโตนิโอ คอนเต้ กับช่วงอาชีพที่เขารู้สึกท้อแท้ที่สุด | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง “ผมจำได้...เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ในช่วงแรกผู้คนพูดถึงท็อตแน่มในฐานะทีมล่าแชมป์ แต่จากประสบการณ์ของผมเรื่องนี้มันบ้าชัดๆ”

แม้ว่าการขาดสองเซ็นเตอร์ฮาล์ฟสำคัญอย่าง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ และ อันเดรียส คริสเตียนเซ่น ที่ลาทีมไป ทำให้เชลซี ต้องเน้นย้ำในตำแหน่งนี้เป็นพิเศษ แต่ผลงานในครึ่งฤดูกาลแรก ก็ยืนยันได้ว่ามันมีตำแหน่งที่พวกเขาควรให้ความสำคัญกว่านั้น

“ถ้าคุณเสียสองกองหน้า และเอาเงิน 270 ล้านปอนด์ไปใช้กับกองหลัง ความคิดในเชิงฟุตบอลของคุณอยู่ตรงไหน? แน่นอนว่าสิ่งจำเป็นแรกสุดที่ต้องทำคือออกไปหากองหน้ามาจากสักที่” ซูเนสส์ กล่าวต่อ

ซึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้มากที่สุดก็คือ ทอดด์ โบห์ลี เจ้าของทีม ที่ตั้งตัวเองเป็นผู้อำนวยการฟุตบอลตั้งแต่ช่วงแรกของการเทคโอเวอร์ และทำให้การเสริมทัพของเชลซี ไม่ได้ประสิทธิภาพมากนัก

Photo : Bloomberg

แม้ว่านักธุรกิจวัย 49 ปีจะลงจากตำแหน่งไปตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม 2022 และหลีกทางให้ ลอว์เรนซ์ สจ๊วต แต่ผลกระทบจากผลงานของเขา ก็ยังส่งผลต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

“ทีมชุดนี้ไม่พร้อมที่จะบุกไปชนะในเกมใหญ่ในลีกที่มีความต้องการสูงมาก เพราะว่าพวกเขาไม่มีกองหน้าเลย” ซูเนสส์อธิบาย

“ซิตี้มีผลต่างประตูได้เสีย +28 อาร์เซนอล +26 เชลซี +2 แค่สถิติเพียงอย่างเดียวก็บอกได้ว่าส่วนไหนที่พวกเขาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ”

อย่างไรก็ดี พวกเขายังมีอีกปัญหาที่หนักอกไม่แพ้กัน

พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก

แม้ว่าการขาดกองหน้า จะเป็นปัญหาเชิงประจักษ์ที่ทุกคนรับรู้ทั่วกัน แต่สิ่งหนึ่งที่หายไปของ เชลซี  เมื่อเทียบจากซีซั่นก่อน คือการทำประตูจากแผงมิดฟิลด์

แผงกองกลางของเชลซี กลายเป็นภัยคุกคามของคู่แข่งในซีซั่น 2021-2022  โดยเฉพาะเมสัน เมาท์ ที่ยิงไปถึง 11 ประตูในพรีเมียร์ลีก มากที่สุดสำหรับผู้ทำประตูในลีก มากกว่า กองหน้าธรรมชาติ อย่าง ลูกากู หรือปีกอย่าง ไค ฮาร์แวร์ต เสียอีก

เช่นเดียวกับกองหลัง ที่มีส่วนร่วมกับประตูของ สิงห์บลูส์ ไม่น้อย ทั้งรีช เจมส์ ที่ทำไปถึง 5 ประตูกับ 9 แอสซิสต์ในลีก หรือมาร์กอส อลองโซ ที่ยิงได้ 4 ประตูกับ 4 แอสซิสต์เท่านั้น

Photo : Goal

“ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ปัญหานี้ มันไม่ใข่แค่กองหน้าที่ทำประตูได้ กองกลางก็ทำประตูได้เหมือนกัน” จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ส กล่าวกับ  Sky Sports

“ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งผู้เล่นหมายเลข 9 แต่เป็นหลายตำแหน่ง อย่างกองกลางก็ทำประตูไม่ได้ หรือสร้างโอกาสได้ไม่ดีพอ”

และปัจจัยสำคัญที่เล่นงานพวกเขาคือปัญหาอาการบาดเจ็บ ซีซั่นนี้ เชลซี มีผู้เล่นบาดเจ็บที่เยอะมาก และส่วนใหญ่ก็เป็นตัวหลัก ที่ล่าสุดพวกเขาเพิ่งเสีย สเตอร์ริง และ คริสเตียน พูลิซิซ ในเกมพ่ายแมนฯ ซิตี้

ซึ่งเมื่อรวมกับ เอ็นโกโล กองเต้, รีช เจมส์, เอดูอาร์ เมนดี, เวสต์ลีย์ โฟฟานา, อาร์มันโด โบรญา และเมสัน เมาท์ ทำให้ เชลซี มีผู้เล่นต้องพักรักษาตัวอยู่ถึง 8 ราย

“ผมคิดว่าพวกเขาอยู่ห่างจากท็อปโฟร์มากเกินไป ใช่ พวกเขาขาดผู้เล่นคนสำคัญไป รีช เจมส์, เอ็นโกโล กองเต้, เบ็น ชิลเวลล์ เขา (พ็อตเตอร์) มีตัวเจ็บเยอะมาก” อดีตดาวยิงเชลซีให้ความเห็น

นอกจากนี้ นักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่หลายคน ก็ไม่สามารถงัดฟอร์มออกมาได้เหมือนตอนอยู่กับสโมสรเก่า ไม่ว่าจะเป็น คาลิดู คูลิบาลี แนวรับทีมชาติเซเนกัล ที่ดูเหมือนจะยังปรับตัวไม่ได้กับจังหวะบอลที่รวดเร็วของพรีเมียร์ลีก

หรือมาร์ค คูคูเรญา วิงแบ็คค่าตัว 56 ล้านปอนด์ ที่เป็นเด็กเก่าของ พ็อตเตอร์ สมัยคุมไบร์ทตัน แต่ก็ไม่สามารถให้ความแน่นอนยามถูกส่งลงสนาม อีกทั้งถูกมองว่าเป็นจุดอ่อนของเชลซี

Photo : Goal

โดยเฉพาะในเกมกับ แมนฯซิตี้ ที่แบ็คซ้ายชาวสเปน เป็นเป้าหมายหลักในการเจาะของผู้มาเยือน และมีส่วนโดยตรงกับการเสียประตู หลังประกบ ริชาร์ด มาร์เรซ ไม่อยู่ จนทำให้ แชมป์เก่าได้ 3 คะแนนกลับบ้าน

“เขาเล่นได้ไม่ดีจริงๆ ตลอดทั้งเกม เขาเป็นจุดอ่อนของทีม” ฮัสเซลเบงค์ กล่าวกับ Sky Sports หลังเกมเชลซี แพ้แมนฯ ซิตี้ เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา

“ผมคิดว่าเชลซี เล่นดีนะ แต่จุดอ่อนอยู่ที่ คูคูเรญา และแมนฯ ซิตี้ ก็รู้เรื่องนั้น มันเป็นปัญหาหนึ่ง เขามาจากไบรท์ตัน และไม่เคยเล่นได้ดีเลย และอย่างที่เห็นในวันนี้”

อดทนเพื่ออนาคต

แกรห์ม พ็อตเตอร์ ยังคงมีอนาคตที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับเชลซี เมื่อ 11 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน อดีตกุนซือไบรท์ตัน พาทีมคว้าชัยเพียงแค่ 4 นัด และแพ้ไปถึง 4 เกม

อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์หลายคน ให้ความเห็นว่ามันคงเร็วไปหากจะปลดเขา เนื่องจาก พ็อตเตอร์ ยังทำทีมได้ไม่ถึงปี เขายังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรในการสร้างทีม และปรับจูน

Photo : TEAMtalk

“คุณต้องให้เวลาเขา (พ็อตเตอร์) ถ้าคุณเปลี่ยน (ผู้จัดการทีม) กลางฤดูกาล สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดจะเกิดขึ้น คุณต้องให้เวลาเขาอีกหน่อย เพื่อหล่อหลอมทีมนี้” ฮัสเซลเบงค์กล่าว

“แต่เชลซี ไม่สามารถพลาดสิทธิ์ไปเล่นแชมเปียนส์ลีก 2 ปีติดต่อกัน แม้ว่าปีนี้พวกเขากำลังจะไม่ได้ไปเล่นแชมเปียนส์ลีก แต่ต้องให้เวลากับเขา”

แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการอดทนรอ เพราะที่ผ่านมา เชลซี ขึ้นชื่อเหลือเกินในการปลดโค้ช พวกเขาใช้กุนซือไปทั้งหมด 14 คน ในรอบ 19 ปี ในยุคของ โรมัน อับราโมวิช แต่ตอนนี้พวกเขาคือยุคใหม่ ภายใต้ประธานสโมสรคนใหม่

“เขามีเกมพรีเมียร์ลีก 10 เกม และชนะไป 4 แพ้ 3 ถ้าคุณอยู่ในยุคอับราโมวิช คุณจะอยู่ภายใต้การกดดันอย่างหนัก” เจมี เรดแนปป์ให้ความเห็น

ทั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับเชลซีนี้ คือการให้โอกาสผู้เล่นดาวรุ่ง ขณะที่นักเตะจอมเก๋าหลายคนก็กำลังจะหมดสัญญา ทำให้คาดกันว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับพวกเขาจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้า

Photo : Sports Illustrated

ดังนั้น ไม่ว่า พ็อตเตอร์ จะทำผลงานได้ไม่เข้าตาขนาดไหน เชื่อว่าเก้าอี้ของเขาก็น่าจะยังไม่สั่นคลอน เห็นได้จากสัญญาระยะยาว ที่เชลซีมอบให้

มันสะท้อนให้เห็นความหวังของการเป็นผู้เข้ามาปฏิวัติและพัฒนาทีม ในการกลับไปเป็นสู่จุดเดิม และทำให้ อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก 5 สมัย เฉิดฉายเหมือนที่เป็นมา

“จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในปีหน้าหรือปีต่อไป จอร์จินโญ หมดสัญญา กองเต้ จะเซ็นสัญญาหรือไม่ก็ยังถกเถียงกันอยู่ มันจะมีการเปลี่ยนแปลงอีกมากมาย” เรดแนปป์กล่าวต่อ

“เขาต้องการเวลา มันไม่มีประโยชน์ที่จะเอาผู้เล่นเหล่านั้นเข้ามา และไม่ได้ให้เวลาเขา”

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ผลงาน วิธีการ วิธีคิด : ทำไม อาร์เตต้า จึงถูกมองว่าเป็นร่างทรง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ?

ใช้แล้วโหดอยู่คนเดียว : คู่มือใช้การงาน โรเมลู ลูกากู ให้เต็มคาราเบลของ ‘คอนเต้’

เจาะตลาดซื้อขาย : 10 แข้งจ่อย้ายตลาดนักเตะเดือนมกราคมนี้

แหล่งอ้างอิง

https://www.skysports.com/football/news/29328/12778138/graham-potters-chelsea-problems-no-strikers-injuries-top-four-pressure-creators-in-midfield

https://www.football.london/chelsea-fc/news/tuchel-potter-chelsea-erling-haaland-25875811

https://metro.co.uk/2023/01/05/jimmy-floyd-hasselbaink-says-weakest-link-marc-cucrella-is-a-problem-for-chelsea-18049944/

https://www.thescore.com/chlg/news/2415320

แชร์บทความนี้
ลีดส์ ยูไนเต็ด, ญี่ปุ่น, มังงะ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ