ผลงาน วิธีการ วิธีคิด : ทำไม อาร์เตต้า จึงถูกมองว่าเป็นร่างทรง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ?

ผลงาน วิธีการ วิธีคิด : ทำไม อาร์เตต้า จึงถูกมองว่าเป็นร่างทรง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ?
ปฐมพร จาวะลา

ซีซั่น 2022/2023 ผ่านมาถึงตรงนี้ ดูทรงเเล้วน่าจะเป็นปีที่ดีของสาวกปืนใหญ่อาร์เซน่อลเเน่นอน ฟอร์มที่ร้อนเเรงเเละดูท่าทางไม่น่าจะมีแผ่วของทีม ทำให้เเฟนบอลปืนใหญ่ดูบอลกันอย่างสนุกสนาน มีความสุขชื่นใจกันไปตามๆกัน ต้องขอบคุณ ชายที่ชื่อ มิเกล อาร์เตต้า เฮดโค้ชที่เข้ามายกเครื่องทีมใหม่หมด ทั้งระบบการเล่นเเละจิตใจนักสู้ของทีม

เราทราบกันดีอยู่เเล้วว่าก่อนที่ มิเกล อาร์เตต้า จะมารับงานเป็นเฮดโค้ชที่อาร์เซน่อล เขาเป็นผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาก่อน อยู่ด้วยกัน 3 ปี คว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีกร่วมกัน 2 ปี , ลีก คัพ 2 สมัย , เอฟเอ คัพ อีก 1 สมัย เรียนรู้ศาสตร์การคุมทีมมาจากเป๊ปเต็มๆ เเถมพื้นเพของทั้งคู่ยังคล้ายๆกันอีกด้วย เป็นคนสเปน เติบโตมาจากฟุตบอลเเบบฉบับ ลามาเซียเช่นเดียวกัน

“ผมรู้จักเขาตั้งเเต่ ผมอายุ 15 เราเจอกันที่บาร์เซโลน่าสมัยที่เขาเป็นนักเตะชุดใหญ่ของทีมเเละผมอยู่ในทีมเยาวชน เราสนิทกันเเละมักจะคุยกันเรื่องฟุตบอลตลอด เขาเป็นเเรงบันดาลใจของผมตั้งเเต่นั้นมา” อาร์เตต้าให้สัมภาษณ์

“ในฐานะโค้ช ผมเรียนรู้จากเขามากมาย เราเฉลิมฉลองช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ด้วยกัน เเละเเน่นอนผ่านปัญหาเเละความยากลำบากมาด้วยเช่นเดียวกัน ประสบการณ์การได้ทำงานร่วมกับเขามันน่าเหลือเชื่อมาก ผมไม่สามารถมีวันนี้ได้เเน่นอน ถ้าไม่มีเขา” อาร์เตต้าพูดถึงเป๊ปหลังจากได้เเชมป์เเรกกับอาร์เซน่อล

เเละมีอีกมากมายหลายๆบทสัมภาษณ์ที่ทั้งคู่พูดถึงกัน เเต่ส่วนใหญ่จะไปในทำนองเดียวกันคือ คำชื่นชม เเละความเคารพที่ทั้งคู่มีต่อกันในฐานะโค้ชเเละเพื่อนคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีอิทธิพลต่อ มิเกล อาร์เตต้า มากๆ ในเเง่ของการใช้ชีวิตเเละรวมไปถึงเเท็คติกการเล่นของทีมด้วย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : “นิว เเคร์โรลล์” จริงดิ : หาต้นเหตุทำไม ดาร์วิน นูนเญซ มักยิงง่าย ๆ ไม่เข้า ?

“นิว เเคร์โรลล์” จริงดิ : หาต้นเหตุทำไม ดาร์วิน นูนเญซ มักยิงง่าย ๆ ไม่เข้า ? | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล จ่ายเงินจำนวนมหาศาลในการดึงตัว ดาร์วิน นูนเญซ มาจากเบนฟิก้า เพื่อทดเเทนการจากไปของ ซาดิโอ มาเน่

Tactics ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เเมนเชสเตอร์ ซิตี้

เป๊ป คือ อัจฉริยะ น่าจะเป็นคำที่แฟนบอลทุกคนยอมรับได้ เเท็คติกของเขามีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลเป็นอย่างมาก เขาพิสูจน์ให้เห็นมาเเล้วว่าเขามีไอเดียในการเล่นฟุตบอลที่สวยงามมากมายเเละสามารถถ่ายทอดไปสู่ลูกทีมได้ ตั้งเเต่สมัยคุมทีม บาร์เซโลน่า ตามมาด้วย บาเยิร์น มิวนิค จนกระทั่งมาถึง เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เเต่ละที่ที่เขาไป มีเเท็คติกมากมายที่เขาใช้ เเต่ที่เหมือนกันคือ ทีมเล่นฟุตบอลบุกที่สวยงามเเละมีจิตใจของการเป็นผู้ชนะ

ที่เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป๊ป มักจะใช้ไลน์อัพในระบบ 4-3-3 ตามหน้าจอโทรทัศน์บอก แต่เมื่อถึงเวลาที่ทีมของเขากำลัง เริ่มเซ็ตเกมรุก บอลเริ่มจากผู้รักษาประตู และ เเดนหลัง ซิตี้จะยังยืนในระบบเดิมค่อยๆหาทางต่อบอลพาบอลขึ้นมา เเต่ถ้าพอสามารถเอาบอลขึ้นมาในเเดนกลางหรือเเดนหน้าได้เเล้วถ้าเราสังเกตจริงๆ ผู้เล่นของ ซิตี้ มักจะขยับมายืนในระบบ 2-3-5 โดยที่ 2 - คือ เซ็นเตอร์ 2 คน ที่ออกบอลด้วยเท้าดี เเละสามารถรับมือกับสถานการณ์ 1 ต่อ 1 ได้ดี เวลาโดนโต้กลับ

3 - คือ กองกลางตัวรับ 1 คน ปักหลักตรงกลางคอยเปลี่ยนถ่ายบอลง่ายๆ ให้เพื่อน เเล้วอีก 2 คน คือ ฟูลเเบ็ค ที่หุบเข้ามาช่วยออกบอลตรงกลาง ขนาบข้างกับกองกลางตัวรับ หรือที่เราเรียกกันว่า “Invert wing back” เราจึงเห็นจังหวะการออกบอลหรือลูกยิงไกลสวยๆจาก เจา คันเซโล่ ได้บ่อยๆ

5 - คือ ตัวรุกที่ใช้ถึง 5 ตัว ที่ประกอบไปด้วย กองหน้าตัวเป้าอย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คอยปักหลัก หาโอกาสยิงประตู ปีกสองข้าง ฟิล โฟเด้น เเละ เเจ็ค กรีลิช ที่จะยืนอยู่ทางด้านกว้างของสนามสองฝั่งเเทบจะชิดริมเส้น

Photo : Premier League

ที่เป๊ปทำเเบบนี้เพราะว่า เขาต้องการจะสร้างสถานการณ์ดวล 1 ต่อ 1 ให้ปีกของทีมได้ดวลกับกองหลังฝ่ายตรงข้ามเป๊ปเชื่อมั่นว่าปีกที่เขามีสามารถเอาชนะการดวล 1 ต่อ 1 ได้ เป๊บให้ความสำคัญกับการดวลตรงนี้มาก เป็นเหตุผลว่า ทำไมถึงชอบใช้ เเจ็ค กรีลิช เพราะเเจ็ค มีสถิติการดวลตัวต่อตัวที่ดีมากๆ ด้วยสถิติเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จถึง 80%  เราสังเกตได้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะหยุดเเจ็คทีไร เป็นอันต้องตัดฟาล์วทุกครั้งไป

ทั้ง ๆ ที่เเฟนบอลบ่นว่า การย้ายทีมของ กรีลิช นั้นไม่คุ้มค่าตัวเลย ไม่ค่อยมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ เเต่สำหรับเป๊ป เเค่เลี้ยงกินตัวผ่าน ถือว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว  มันคือสิ่งที่เขาต้องการจากผู้เล่นตำแหน่งปีกของเขา  เเละถ้าสามารถเอาชนะการดวลตัวต่อตัวได้ หรือเรียกฟาล์ว เรียกใบเหลืองได้ จะสามารถสร้างความได้เปรียบให้กับทีมได้

“มันเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วที่ผมอยากให้  กรีลิช ทำประตู หรือทำแอสซิสต์ได้ ผมรู้ว่าเขาเองก็อยากทำแบบนั้นนะ ทว่ามันมีอะไรที่มากกว่านั้น มันมีความสำคัญอื่นๆ อย่างเช่นการมีส่วนร่วมตอนที่ไม่ได้ครองบอล เขาทำอะไรเพื่อทีมได้อีกบ้าง รวมถึงอีกหลายอย่างที่เขาทำได้ ซึ่งเขาก็ทำได้ในหลายๆ อย่าง ผมมักจะบอกกับลูกทีมเสมอว่าให้รู้ว่าเราต้องการอะไร รู้ว่าเราเล่นแบบไหน และมันมีประโยชน์กับทีมหรือไม่” นี่คือสิ่งที่ เป๊ป พูดถึง กรีลิช ที่เขาเลือกใช้งานบ่อย ๆ ในซีซั่นนี้

ส่วนกองกลางอีกสองคน คือ ตรงตำเเหน่งของกุนโดนกัน กับ เดอ บรอยน์ หรือบางทีอาจจะเป็น เเบร์นาโด้ ซิลวา ใครก็ตามที่ลงเล่นในตำเเหน่งนี้ จะขยับไปหาพื้นที่โจมตีเเถวๆ Half space (พื้นที่อันตรายเเถวๆริมๆของกรอบเขตโทษทั้งสองด้านหรือช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์กับฟูลเเบ็คของฝ่ายตรงข้าม) ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่เป๊ปชอบมากเเละมักจะให้ลูกทีมโจมตีตรงนี้บ่อยๆ เราจึงเห็นได้ว่า ทำไม อิลคาย กุนโดกัน ถึงสอดขึ้นไปทำประตูได้บ่อยๆ

ส่วนเวลาตั้งรับนักเตะซิตี้ก็ช่วยกันวิ่ง ช่วยกันไล่เอาบอลคืนมา มีการเพรซซิ่งเป็นทีมที่ดุดันเเละที่สำคัญคือ ซิตี้ เป็นทีมที่ตัดฟาล์วได้ฉลาดมากๆ เวลาจะโดนสวนทีไร จะมีคนคอยตัดฟาล์วเเบบเนียนๆทำลายจังหวะคู่เเข่งไม่ยอมให้โต้กลับง่ายๆ ให้เราเห็นบ่อยๆ

Tactics ของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ อาร์เซน่อล

มาที่ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า นั้นมีวิธีการเล่นที่เน้นการครองบอล สร้างโอกาสการเข้าทำที่หลากหลาย คล้าย ๆ กับ แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป

อาร์เตต้า มักจะใช้ไลน์อัพเริ่มเกมในระบบ 4-2-3-1 เเต่พอเวลาขึ้นเกม build up play จริงๆ เเทบจะเหมือน เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลย คือลูกทีม จะปรับมายืนในระบบ 2-3-5

2 - กาเบรียล  กับ วิลเลี่ยม ซาลิบา ยืนปักหลักคุมเกมจากเเดนหลัง

3 - โธมัส ปาร์เตย์ เป็นมิดฟิลด์ตัวรับคอยคุมจังหวะเกม ขนาบข้างไปด้วยฟูลเเบ็คที่หุบเข้ามาช่วยอย่าง เบน ไวท์ เเละ โทมิยาสุ

5 - 5 ตัวรุก มีหน้าเป้าอย่าง กาเบรียล เชซุส ปักหลักเชื่อมเกมตรงกลาง ปีกสองข้างอย่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กับ บูกาโย่ ซาก้า รอลากเลื้อยดวลกับกองหลังในพื้นที่ด้านกว้างของสนาม ซึ่งทั้ง มาร์ติเนลลี่ และ ซาก้า ก็กลายเป็นนักเตะที่มีสถิติเลี้ยงบอลสำเร็จติดอันดับท็อป 5 ของพรีมียร์ลีกฤดูกาลนี้  

Photo : The Telegraph

ด้วยการใช้ผู้เล่นในเกมรุกเยอะ เราจะเห็นได้ในแทบทุกเกมของ อาร์เซน่อล ในซีซั่นนี้ ในเวลาที่พวกเขาได้ขึงเกมบุก นักเตะของพวกเขาแทบจะขึ้นมากดดันฝั่นตรงข้ามเกินครึ่งสนาม บอลกระเด็นกระดอนไปทางไหน นักเตะของ อาร์เซน่อล ก็มักจะเก็บบอลจังหวะสองได้เสมอ

โดยมีนักเตะที่บีบเข้ามาแย่งบอลจังหวะสองได้แก่ วิงแบ็คทั้ง 2 ข้าง มิดฟิลด์ตัวกลางอีก 2 ตัว ซึ่งหากดูจากสถิติของนักเตะของ อาร์เซน่อล ที่อยู่ในตำแหน่งดังกล่าวทั้ง โทมัส ปาเตย์, กรานิต ชาก้า, เบน ไวท์, ทาเคฮิโร โทมิยาสุ และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้  คือกลุ่มนักเตะที่มีอัตราการเข้าปะทะ การตัดบอล และการแย่งบอลจังหวะ 2 มากที่สุดระดับท็อป 5 ของทีม ทั้งสิ้น

ยังไม่จบเท่านั้น นอกจากตัวริมเส้นแล้วยังมี มาร์ติน โอเดการ์ด กับ กรานิต ชาก้า ที่จะทำหน้าที่โจมตีพื้นที่ Half space ของทั้งสองฝั่ง เราจึงได้เห็น กรานิต ชาก้า สอดขึ้นไปทำประตูหรือสร้างเกมรุกร่วมกับเพื่อนในกรอบเขตโทษได้บ่อยๆ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขากับ อาร์เซน่อล เลยก็ว่าได้

ความยืดหยุ่นของทีมชุดนี้ทำให้เกมรุกของ อาร์เซน่อล หลากหลาย และมาทุกทิศทุกทาง ในบางครั้ง เชซุส กับ มาร์ติเนลลี่ จะสลับตำเเหน่งการยืนกัน เชซุส ออกไปรับบอลทางด้านกว้างเเทน ให้ มาร์ติเนลลี่ สลับมาข้างใน เพื่อสร้างความสับสันในการประกบตัวของกองหลัง เเละ เชซุส เอง ก็มีทักษะการเอาตัวรอดที่ที่ดี สามารถเอาชนะการดวล 1 ต่อ 1 กับกองหลังได้บ่อยๆ

เวลาตั้งรับไล่เพรซซิ่งคู่เเข่งก็เพรซซิ่งกันเป็นทีม ช่วยกันวิ่ง ช่วยกันเล่น ภาษากายที่นักเตะอาร์เซน่อลส่งออกมามันบ่งบอกให้คนดูรู้สึกเลยว่ามั่นใจ เราจะสู้ เราจะเอาชนะ เเววตามันฟ้องสุดๆ ซึ่งเรื่องนี้หากใครได้ชมสารคดีของ อาร์เซน่อล ที่ชื่อว่า All Or Nothing จะเห็นได้ว่า อาร์เตต้า เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับทัศนคติการเป็นผู้ชนะของนักเตะในทีมเป็นอย่างมาก เขามีศิลปะในการพูด และกระตุ้นลูกทีมให้สู้อยู่เสมอ จนกระทั่งออกมาเป็นผลลัพท์อย่างที่เราได้เห็นกัน ณ เวลานี้

Photo : Arsenal.com

จะเห็นได้ชัดว่า อาร์เตต้า ใช้สิ่งที่เรียนรู้เเละสะสมมาจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่าทั้งนั้น เเละทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้ อาร์เซน่อล ฟอร์มร้อนเเรงเเละขึ้นมาท้าชิงเเชมป์กับ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างเต็มตัวในปีนี้

แม้ท้ายที่สุดแล้วขุมกำลัง ความยืดหยุ่น และประสบการณ์จะเป็นของฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ แมนฯ ซิตี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ ณ เวลานี้ก็แสดงให้เห็นว่า อาร์เซน่อล คือทีมที่กลายเป็นตัวอันตรายของพวกเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และคนที่ปลุกทีมปืนใหญ่ขึ้นมาจากยุคมืด ก็เป็นผลผลิตและคนสนิทของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นเอง

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ