พวกเขาอยู่ไหนกัน ? : ตามหา “เด็กเทพยูทูบ” วัยประถมในอดีต ทุกวันนี้ รอดหรือร่วง

พวกเขาอยู่ไหนกัน ? : ตามหา “เด็กเทพยูทูบ” วัยประถมในอดีต ทุกวันนี้ รอดหรือร่วง
ชยันธร ใจมูล

เชื่อว่าหลายคนคงจะได้เห็นข่าว เด็กระเบิดแห่ง "เอซี มิลาน" วัย 14 ปี ยิง 483 ประตู อย่าง ฟรานเชสโก้ คามาร์ด้า มาแล้ว หลายคนตื่นเต้นกับสถิติดังกล่าว และคาดหวังว่าเขาคนนี้จะเป็นตำนานโลกลูกหนังคนต่อไป...

เราไมได้ตั้งใจจะช็อตฟีล เพราะก่อนหน้า คามาร์ด้า มีนักเตะหลายคนที่ดังตั้งแต่อายุ 11-12 ปี บางคนดังคับโลกตั้งแต่ 9 ขวบก็ยังมี ... ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าปลายทางของเหล่าเด็กเทพตั้งแต่วัยประถมเหล่านี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ใครรอด ใครร่วง บ้าง ?

ติดตามที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : เก่งจัดจนไม่ใช้เท้าถนัดเล่น : เอ็นดริค เด็กอายุ 16 เจ้าของค่าตัว 72 ล้านยูโร คือใคร ?

เก่งจัดจนไม่ใช้เท้าถนัดเล่น : เอ็นดริค เด็กอายุ 16 เจ้าของค่าตัว 72 ล้านยูโร คือใคร ? | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
บราซิลเป็นประเทศที่ผลิตเพชรเม็ดงามในกีฬาฟุตบอลมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น เปเล่, โรนัลโด้, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, โรนัลดินโญ่ และ เนย์มาร์ นี่เป็นเพียงแค่ซุปเปอร์สตาร์เพียงไม่กี่จากทีมแซมบ้า


เรน เดวิส

Photo : Manchester Evening News

เรน เดวิส คือนักเตะคนแรก ๆ ที่ถูกเรียกว่าเด็กเทพ หรือ เทพยูทูบ หรือคำใด ๆ ก็ตามแนว ๆ นี้ เพราะเรื่องราวของเขานั้นเกิดขึ้นในปี 2007 ที่ปู่ของเขาลงคลิปการเล่นอันสุดเหลือเชื่อของลูกชายวัย 9 ขวบ ที่สามารถเลี้ยงผ่านทุกคนในสนามได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีทักษะการส่งบอล และยิงบอลที่แสดงถึงพลังเท้าเกินกว่าเด็กอายุเดียวกันไปเยอะมาก

คลิปวีดีโอดังกล่าวมีผลอย่างมากเลยที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เซ็นสัญญา เดวิส ในวัย 9 ขวบ ไม่มีการเปิดเผยราคาแต่เอาเป็นว่าพ่อและแม่ของ เรน เดวิส ได้เดินทางทางมาอยู่กินในประเทศอังกฤษจากการย้ายทีมของลูกชายพวกเขาครั้งนี้

เจ้าหนูพรสวรรค์สูงได้รับการยกย่องจากสื่ออังกฤษว่า จะก้าวไปเป็น เวย์น รูนี่ย์ คนใหม่ หลังเห็นฝีเท้าที่น่าทึ่งในทีม เร้ดแลนด์ส ยูไนเต็ด โดยพาบอลหลอกล่อคู่แข่งในสไตล์เดียวกับ รูนี่ย์ ในคลิปวิดีโอความยาว 4 นาที ซึ่งมีผู้เข้าชมในเว็บไซต์ของ “ยูทูบ” ที่อัพโหลดครั้งแรกจนถึงตอนนี้มียอดเข้าชมมากถึง 15 ล้านวิว

อย่างไรก็ตามการคาดหวังกับเด็กคนหนึ่งมาก ๆ ตั้งแต่เขาอายุยังน้อยก็ดูจะเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป หลังจากได้เป็นสมาชิกของทีมเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด เดวิส ก็ไม่สามารถแสดงพัฒนาการที่เด่นชัดได้ เขาเริ่มถูกเพื่อนรุ่น ๆ เดียวกันแซงหน้า นอกจากนี้เจ้าตัวยังพัฒนาการหยุดชะงักเพราะโชคร้ายโดนเข้าปะทะจนขาหัก

"ผมอยู่กับ ยูไนเต็ด ได้ 7 ปี ก็ถูกปล่อยตัวออกจากสโมสร เพราะประสบอาการบาดเจ็บหนักอย่างการขาหัก"

"นั่นคือจุดต่ำสุดเท่าที่ผมเคยเจอ ผมคิดว่ามันมีส่วนมากที่ทำให้ผมโดนปล่อยตัว แต่ก็ช่างเหอะ ผมไม่ได้อยากใช้มันมาเป็นข้ออ้างหรือแก้ตัวอะไรมากกว่านี้" เรน เดวิส กล่าวเมื่อ 6 ปีก่อน

พัฒนาการที่หยุดอยู่กับที่ ทำให้เขาโดนไปปล่อยตัวจากทีมเยาวชนในปี 2014 หรือตอนที่เขาอายุ 15 ปี ซึ่งปลายทางหลังจากนั้นก็หลุดจากสารระบบฟุตบอลอาชีพไปเลย โดยมีการปรากฎตัวกับทีมในระดับนอกลีกบ้าง และสุดท้ายเขาก็เลิกเล่นฟุตบอล ซึ่งล่าสุด Givemesport สื่อในอังกฤษก็ได้อัพเดทเรื่องราวของเขาว่า เรน เดวิส ในวัย 24 ปียังคงใช้ชีวิตอยู่ในประเทศอังกฤษอยู่ แต่ไม่ปรากฎว่าเขาทำมีหน้าที่การงาน หรือประกอบอาชีพอะไร

และกรณีของ เรน เดวิส ถือว่าเป็น "เด็กเทพยูทูบ" คนแรก ๆ ที่สามารถใช้เป็นบทเรียนได้เป็นอย่างดีว่าพัฒนาการคือสิ่งที่สร้างได้และหยุดได้ .. เพราะฉะนั้นหากจะเลือกทุ่มเงินกับเด็กอายุน้อย ๆ สักคน นอกจากความน่าตื่นตาตื่นใจของเขาแล้ว ก็ควรที่จะมีการวิเคราะห์ส่วนประกอบต่าง ๆ ให้มากกว่าแค่คลิปวีดีโอจากยูทูบเพียงอย่างเดียว

เฟร็ดดี้ อาดู

Photo : AS USA

ถ้า เรน เดวิส คือ EP.1 ของเทพยูทูบ เขาคนนี้คงเปรียบเหมือน EP.Zero หรือปฐมบทแห่งเทพยูทูบก็คงไม่ผิดนัก เพราะเขาคือคนแรกในประวัติศาสตร์ของโลกฟุตบอล ... ก่อนที่ยูทูบจะเป็นที่รู้จักของโลกใบนี้เสียอีก

ในยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้ เฟร็ดดี้ อาดู คือชื่อแรกๆที่จะถูกพูดถึงในฐานะว่าที่นักเตะอันดับ 1 ของโลก ครั้งหนึ่งเขาถูกยกย่องว่าคือ "นิว เปเล่" เลยทีเดียว

อาดู นั้นถูก ดีซี ยูไนเต็ด ดราฟท์ตัวเข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่เพื่อลุยศึก เมเจอร์ ลีก ตั้งแต่อายุ 14 ปีเท่านั้น และหลังจากที่เขายังอายุไม่ทัน 15 ปีเต็มเขาก็ถูกส่งลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมที่พบกับ ซานโฮเซ่ เอิร์ธเควก ในปี 2005 เท่านั้นยังไม่พอในปี 2006 บรู๊ซ อารีน่า กุนซือของทีมชาติสหรัฐอเมริกาก็เรียกชื่อเขาติดทีมชาติชุดใหญ่เเละได้ลงสนามในเกมที่พบกับ แคนาดา ซึ่งกรณีดังกล่าทำให้ อาดู ทำสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ติดทีมชาติด้วยวัยเพียง 16 ปีกับอีก 234 วัน แค่นี้ก็เพียงพอที่ทำให้เขาดังเป็นพลุแตก

หลังจากนั้นเรื่องราวก็กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือดังคำโบราณที่ว่าแพ้เป็นถ่านผ่านเป็นเพชร ด้วยอายุที่มากขึ้นและพัฒนาการที่ช้าลงทำให้ อาดู นั้นถูกพูดถึงน้อยลงเรื่อยๆและจากคำยกยอดังโกลเด้นบอยเขาก็กลับกลายเป็นนักเตะจอมพเนจรอย่างไม่ทันตั้งตัว

นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา อาดู ตระเวนค้าแข้งในหลายลีกทั่วโลกและอยู่กับอีก 12 สโมสรภายในระยะเวลาแค่ 8 ปีเท่านั้นและแทบไม่มีเรื่องที่น่าจดจำของตัวเขาเลยในแง่ของฝีเท้าและสวรรค์เหมือนที่เคยได้รับในวัยเด็ก

ตอนนี้ด้วยวัย 33 ปี ไม่มีทีมใดและไม่ได้รับข้อเสนอใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ตัวของ อาดู  ก็บอก Sportbible ว่าในทางเทคนิคแล้วเขายังไม่เลิกเล่น "ผมหยุดไปหลายปีหลังจากสูญเสียความรักในฟุตบอลไป เชื่อหรือไม่ว่าฉันกำลังคิดที่จะกลับไปเล่นที่นั่น ผมว่าผมยังไหว"

ฮาชิม มัสตูร์

Photo : 90min

โมร็อกโก ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในฟุตบอลโลก 2022 น่าเสียดายที่ทีมชุดนี้ไม่มีชื่อของ ฮาชิม มัสตูร์ เทพยูทูบที่เคยโด่งดังมาก ๆ อดีตนักเตะของ เอซี มิลาน ที่มียอดวิวในยูทูบมากถึง 10 ล้านวิว

มัสตูร์ โด่งดังมาตั้งแต่ปี 2012 โดยตอนนั้นเขาอายุ 13 ย่าง 14 ปี เล่นให้กับ เรจจิน่า ชุดยู 16 และทำการลากเลื้อยโชว์เทคนิคสุดยอดตามสไตล์เด็กเทพยูทูบ และเว็บไซต์อย่าง goal ก็เคยยกย่องให้เขาเป็นเด็กอายุ 14 ปีที่เก่งที่สุดในโลกมาเเล้ว ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ มิลาน ยอมจ่ายเงินถึง 5 แสนยูโร เพื่อดึงตัวเข้าสู่ทีม

หลังจากย้ายไป มิลาน คลิปวีดีโอการเล่นของ มัสตูร์ ก็ออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ บางคนบอกว่าเขาเหมือน โรนัลดินโญ บางรายบอกว่าเหมือนกับ เนย์มาร์ ซึ่งย้อนกลับไปในปี 2014 คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ ก็เคยให้โอกาส มัสตูร์ ลงเล่นทีมชุดใหญ่ของ มิลาน มาแล้ว และเจ้าตัวก็ติดทีมชาติ โมร็อกโก ตั้งแต่อายุ 16 ปี ... มาถึงตรงนี้ทุกอย่างดีหมด แล้วจุดเปลี่ยนของเขาอยู่ตรงไหน ?

เหมือนกับหลาย ๆ คน คือเมื่อพอโตขึ้นพัฒนากลับไม่พุ่งเหมือนตอนเด็ก มัสตูร์ เดินเพื่อนร่วมทีมหลายคนแซงหน้าไป และเจ้าตัวยังเป็นนักเตะที่ไม่ค่อยกระตือรือร้นมากนัก ครั้งหนึ่ง เจนนาโร กัตตูโซ กุนซือจอมห้าวที่คุมทีมมิลาน ถึงขั้นออกมาบ่น มัสตูร์ ว่าไม่สามารถ "มูฟออน" จากชื่อเสียงของตัวเองในวัยเด็กได้ ว่าง่าย ๆก็คือไม่ทุ่มเท และติดแอ็คจนเกินไปนั่นเอง

"เขาต้องเล่นอย่างสม่ำเสมอ เพราะเราจะเห็นได้เลยว่าเขาสูญเสียความเฉียมคมในเกมไปแล้ว แต่ผมสังเกตุเห็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงบางอย่าง"

"ผมคุยกับเขาเยอะมาก ผมขู่เขาเพราะเขามีชื่อเสียงในการทำคลิปวิดีโอมากกว่าการเล่นในสนาม แต่เขาจะไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ผมคิดว่าแบบนั้นนะ  เพราะถ้ายังแอ็คไม่เลิกผมบอกว่าผมจะเลาะฟันเขาออก!" กัตตูโซ่ กล่าว

สุดท้าย มัสตูร์ ก็ทำมันซ้ำ แม้ กัตตูโซ จะขู่ขนาดนั้นก็ตาม...  เขาถูกปล่อยตัวออกจาก มิลาน ไปในปี 2018 ก่อนจะร่อนเร่ไปเล่นให้กับหลายสโมสร แต่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ตอนนี้เขาอายุ 24 ปีแล้ว และเล่นให้กับทีมดิวิชั่น 2 ของประเทศ โมร็อกโก ที่ชื่อว่า เซมัมรา ... แน่นอนว่าการจะกลับมาในยุโรปคงเป็นเรื่องยากแล้ว และการที่เขาได้ดูเพื่อนร่วมทีมชาติโมร็อกโกรุ่น ๆ เดียวกับเขาลงเล่นและถูกยกย่องตลอดทัวร์นาเม้นต์ฟุตบอลโลก 2022 คงเป็นความเจ็บปวดและความเสียดายในใจเขาอย่างแน่นอน

คาราโมโก้ เดมเบเล

Photo : The Sun

คาราโมโก้ เดมเบเล แตกต่างจากทุก ๆ คนที่เรากล่าวมาเพราะเขาเติบโตและมีชื่อเสียงมาในยุคที่โซเชี่ยลมีเดียเฟื่องฟูสุด ๆ ดังนั้นเรื่องของเขาน่าจะผ่านหูผ่านตาแฟนบอลหลาย ๆ คนในยุคนี้

ดาวรุ่งชาวอังกฤษ รายนี้โด่งดังตั้งแต่อายุ 12 ปี ในฐาะนะเด็กเทพของ กลาสโกว์ เซลติก นักเตะตำแหน่งริมเส้นที่แบกอายุหลายปี มาตลอดอาชีพค้าแข้ง เช่นตอนอายุ 13 เขาเล่นให้กับทีมรุ่นยู 20...  ตอนอายุ 14 เขาเล่นให้กับทีมยู 23 และ ตอนอายุ 16 เขาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของ เซลติก ... แล้วแบบนี้จะไม่ให้ถูกคาดหวังได้อย่างไร ?

สไตล์การเล่นของ คาราโมโก้ เดมเบเล่ มาตามแบบฉบับเด็กเทพที่ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้เป๊ะ นักเตะที่เลี้ยงเก่ง เทคนิคดี ฉลาด และมีลูกเล่นการเอาตัวรอดที่ยอดเยี่ยม แต่ก็ประสบปัญหาเดียวกันคือเมื่อมาเจอเกมระดับผู้ใหญ่ ความมหัศจรรย์ที่เคยใช้กับเด็กรุ่นเดียวกันกลับไม่สามารถทำได้อีกเเล้ว

คาราโมโก้ เล่นให้กับ เซลติก ชุดใหญ่เพียงแค่ 8 นัดเท่านั้นหลังจาก เดบิวต์ครั้งแรกตอนอายุ 16 ปี จนกระทั่งในซัมเมอร์ที่ผ่านมาเขากลายเป็นนักเตะฟรีเอเย่นต์และเล่นให้กับ แบรสต์ ทีมในลีกเอิงฝรั่งเศส และลงเล่นไป 3 นัด จากครึ่งซีซั่นแรก

เดมเบเล่เซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสรในฝรั่งเศส ซึ่งจบอันดับที่ 11 ในลีกสูงสุดของฝรั่งเศสเมื่อฤดูกาลที่แล้ว เขาจะสวมเสื้อหมายเลข 18 และตื่นเต้นกับโอกาสใหม่ของเขา

"ผมมาที่แบรสต์เพราะเห็นว่าโครงการที่เกร็ก ลอเรนซี(เฮ้ดโค้ช)นำเสนอกับผมมันยอดเยี่ยมมาก" เดมเบเล่กล่าว "มันเป็นสิ่งที่เหมาะกับผมและผมคิดว่าผมสามารถมีเวลาเล่นมากขึ้นที่นี่ มันเป็นโอกาสที่ดีมากจริงๆ"

ด้วยวัยเพียง 19 ปี เดมเบเล่ ยังมีที่ทางให้ไปอีกมากมาย ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับเขาเเล้วว่าเขาจะเอาชนะคำว่า "วันเดอร์คิด" สู่การเป็นนักเตะของทีมชุดใหญ่ที่มีคุณภาพได้หรือไม่

มาร์ติน โอเดการ์ด

Photo : Bleacher Report

เราเห็นตัวอย่างที่เริ่มต้นสวย ๆ และจบไม่ค่อยสวยกันมามากแล้ว แต่อย่างไรเสียโลกนี้ก็เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน มีเด็กเทพที่ล้มเหลวก็ต้องมีเด็กเทพที่ประสบความสำเร็จเหมือนกัน ... และ มาร์ติน โอเดการ์ด คืออย่างหลัง แบบไม่ต้องสงสัย

โอเดการ์ด เก่งแค่ไหนในวัยเด็กทุกคนน่าจะจำข่าวเกี่ยวกับเขาได้ดี วันเดอร์คิดชาวนอร์เวย์จากสโมสร สตรอมก็อดเซ็ต มีชื่ออยู่บนหน้าสื่อตั้งแต่อายุ 12 ปี ซ้อมกับทีมชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 13 ปี แถมได้ลงเล่นเกมชุดใหญ่ในการอุ่นเครื่องด้วย จนกระทั่งได้ทำสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในลีกสูงสุดของ นอร์เวย์ ด้วยสถิติ 15 ปีกับอีก 118 วัน

"จัดการสิ่งต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวเลือกที่ดี สัมผัสบอลดี ฉลาดในเกมรับ" นี่คือสิ่งที่กุนซือของ สตรอมก็อดเซ็ต ว่าถึง โอเดการ์ด ตอนอายุ 15 ปี

ให้หลังเพียงปีเดียว โอเดการ์ด ถูก เรอัล มาดริด ซื้อตัวไปด้วยราคา 4 ล้านยูโร พร้อมออพชั่นเพิ่มเป็น 8.5 ล้านยูโร ในอนาคต ซึ่งที่ มาดริด นั้น โอเดการ์ด ทำท่าจะดับอยู่แล้ว เพราะใช้เวลาส่วนใหญ่กับทีมชุด คาสติญ่า(ทีมสำรอง) และมีโอกาสได้เล่นเกมกับทีมชุดใหญ่น้อยมาก ๆ ผ่านไป 5 ปีกับ มาดริด เขาได้เล่นเกมทุกรายการแค่ 11 เกมเท่านั้น ส่วนใหญ่หนักไปทางโดนปล่อยยืมมากกว่า กับหลาย ๆ สโมสร

มาถึงตรงนี้ถ้าเป็นคนอื่นก็ควรจะดับไปแล้ว แต่ โอเดการ์ด คือนักเตะที่ทัศนคติดีเหลือเชื่อ เพราะเขารู้ว่าตัวเองขาดอะไร ยอมรับจุดอ่อน เปิดกว้างพร้อมพัฒนาตัวเอง จนกระทั่งผลงานของเขาเริ่มกลับมาดีขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงการยืมตัวกับ วิเทสส์ และ เรอัล โซเซียดัด ก่อนมาถึงมือของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ยืมตัวเขามาเล่นให้กับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2020-21

โอเดการ์ด กลายเป็นขุนพลหลักนับตั้งแต่วันนั้น อาร์เตต้า ชื่นชมจอมทัพรายนี้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา เพราะมีทัศนคติดี มีความผู้นำ และความมุ่งมั่น โดย อาร์เตต้า เคยบอกว่า โอเดการ์ด มีโอกาสจะเป็นกัปตันทีมของ อาร์เซน่อล  ตั้งแต่ปีแรกที่เขาย้ายมาอยู่กับทีมเเล้วด้วยซ้ำ

"มาร์ติน (โอเดการ์ด) มีคุณสมบัติที่ครบถ้วนในการเป็นกัปตันทีม ผมได้คุยกับโค้ชทีมชาติของเขาแล้ว (สตาเล โซลบัคเคน) เขาก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นคนที่สุภาพอ่อนโยน ถ่อมตัว และเป็นผู้นำในแบบของตัวเอง นั่นจึงทำให้คนที่อยู่รอบข้างต่างรักเขา" อาร์เตต้า กล่าว

และอย่างที่เรารู้กันในตอนนี้ เขากลายเป็นตัวหลักของทีมในแบบที่ อาร์เซน่อล จะขาดไม่ได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือเขากลายเป็นกัปตันทีมจริง ๆ ตามที่ อาร์เตต้า บอก ... เราจะเห็นได้เลยว่าทัศนคติและความถ่อมตัวนั้นสำคัญมาก ๆ หากยกเคส "เด็กเทพยูทูบ อย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นตัวอย่าง

แหล่งอ้างอิง

https://bleacherreport.com/articles/2070622-what-happened-to-americas-pele-the-rise-and-fall-of-freddy-adu

https://www.90min.com/posts/what-happened-to-hachim-mastour-the-ac-milan-wonderkid-who-fell-off-the-face-of-the-earth-01e8c724df1k

https://en.wikipedia.org/wiki/Martin_%C3%98degaard

https://www.givemesport.com/1254136-what-happened-to-nineyearold-rhain-davis-who-manchester-united-signed-in-2007

https://www.givemesport.com/1636970-hachim-mastour-what-happened-to-the-youtube-sensation-who-signed-for-ac-milan

แชร์บทความนี้
หัวหน้ากองบรรณาธิการ, คิดไซด์โค้ง-ThinkCurve
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ