The Next Coach : ถอดรหัสแชมป์โลก “อาร์เจนติน่า” ด้วยข้อมูลเชิงสถิติ
สิ้นสุดฟุตบอลโลก2022 ที่ประเทศกาตาร์ และจบลงด้วยเทพนิยายของอาร์เจนติน่า ที่สามารถคว้าดาวดวงที่สามมาประดับบนธงสีฟ้าขาวตรงหน้าอกได้สำเร็จ
หลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายในเกมนัดชิงสุดดราม่าเกมนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฟอร์มการเล่นแบบวิ่งสู้ฟัดใจเกินร้อยของบรรดาทัพนักเตะฟ้าขาวที่โชว์ฟอร์มออกมาได้อย่างน่าประทับใจ Think Curve - คิดไซด์โค้ง ได้มาถอดรหัสชัยชนะของอาร์เจนติน่า ด้วยการวิเคราะห์เชิงสถิติที่เกิดขึ้นในเกมนัดชิงชนะเลิศเกมนี้
ลักษณะการสร้างสรรค์โอกาสยิงประตู
ในเกมนั้นชิงชนะเลิศกับฝรั่งเศส อาร์เจนตินา มีโอกาสยิงประตูทั้งหมด 21 ครั้ง โดยตัวเลขเหล่านี้หากเราหยิบมาจำแนกออกมา เราจะเห็นโครงสร้างการเล่นเกมรุกของอาร์เจนติน่า ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- 10 ครั้งเกิดจากการการส่งบอลทั่วไปในจังหวะโอเพ่นเพลย์
- 5 ครั้งเกิดจากการฉวยโอกาสในความผิดพลาดของคู่แข่ง
- 3 ครั้งเกิดจากการครอสบอลจากริมเส้น
- 2 ครั้งเป็นการสร้างสรรค์โอกาสยิงประตูในลักษณะอื่น ๆ (เช่น ลูกฟรีคิก)
และ 1 ครั้งเป็นจากการได้จุดโทษ
จะเห็นได้ว่าอาร์เจนติน่า เป็นทีมที่มีทักษะในการเล่นครองบอลในจังหวะโอเพ่นเพลย์ได้ค่อนข้างดี ใช้การส่งบอลทำให้ลูกฟุตบอลเดินทางได้เร็ว โดยมี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นศูนย์กลาง เขาคือนักเตะที่รับ - ส่งบอลมากที่สุดในเกมนี้ที่จำนวน 90 ครั้ง
ที่สำคัญฟุตบอลของอาร์เจนติน่าอยู่ในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งมากกว่าอยู่ในแดนตัวเอง จากสถิติพวกเขารับส่งบอลในแดนล่างเพียงแค่ 93 ครั้ง แต่รับส่งบอลในแดนกลาง 280 ครั้ง และในแดนบน 234 ครั้ง จึงทำให้พวกเขาสามารถสร้างโอกาสในการจบสกอร์ได้หลายครั้งเพราะบอลจะเคลื่อนที่บริเวณแดนกลางและแดนบน แถมพวกเขายังคงมีทีเด็ดในจังหวะการเล่นเปลี่ยนจากรับเป็นรุก (Transition) ที่สร้างโอกาสยิงให้พวกเขาได้ถึง 5 ครั้งในเกมนี้
รูปแบบการเคลื่อนที่รับบอลของนักเตะอาร์เจนติน่า
การรับ-ส่งบอลของนักเตะอาร์เจนติน่า เกิดขึ้นมากมายหลากหลายลักษณะในเกมนี้ และดูเหมือนว่าเทรนด์ของฟุตบอลโลกในครั้งนี้จะเน้นย้ำในเรื่องของการโจมตีหน้าไลน์คู่แข่ง
ด้วยการดรอปลงมารับบอลในขณะที่กองหลังกำลังจะถอยเป็นแทคติกหลัก จากสถิติของทีมชาติอาร์เจนติน่าที่ระบุถึงรูปแบบการเคลื่อนที่ก่อนรับบอล ดังนี้...
434 ครั้ง คือ จำนวนที่นักเตะอาร์เจนติน่ารับบอลทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้นักเตะอาร์เจนติน่า ทุกคนขยันวิ่งหาที่วางเพื่อให้เพื่อนร่วมทีมหาพวกเขาเจอ และส่งบอลมาถึงได้ง่ายที่สุด
137 ครั้ง คือ การเคลื่อนที่มารับบอลหน้าไลน์คู่แข่ง คนที่ทำให้เห็นภาพนี้ชัด ๆ คือ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่จะคอยมารับบอลต่อจาก เมสซี่
128 ครั้ง คือ การเคลื่อนที่รับบอลหลังไลน์คู่แข่ง ซึ่งในส่วนนี้ ลิโอเนล เมสซี่ คือคนที่จะถอยตัวลงมาต่ำ และเป็นคนวางบอลหลังไลน์ หรือบอลทะลุแนวรับคู่ต่อสู้ให้เพื่อนร่วมทีมเข้ามาเจอกันในจุดนัดพบ ซึ่งทำได้อย่างแม่นยำ และเป็นที่มาของการสร้างโอกาสยิงประตูในเกมนี้หลาย ๆ ครั้งของ อาร์เจนติน่า
117 ครั้ง คือ การเคลื่อนที่รับบอลระหว่างคู่แข่ง จุดนี้เกิดจากความเข้าใจในการรับส่งบอล อ่านสถานการณ์ล่วงหน้าของนักเตะอาร์เจนติน่า ทำให้พวกเขาได้บอลในจังหวะที่คู่แข่งไม่ทันตั้งตัวมากข้น
52 ครั้ง คือ การเคลื่อนที่แบบเช็คอินท์(การเข้าหาลูกฟุตบอล) -เช็คเอาท์(การทำลายจังหวะใส่ตัวประกบ) ยกตัวอย่างเช่นการวิ่งหาพื้นที่ว่าง ที่หลอกแนวรับคู่ต่อสู้ ทำท่าจะไปอีกทาง แต่เปลี่ยนทิศทางวิ่งไปอีกทาง ซึ่งวิธีนี้ทำให้พวกเขามีพื้นที่มีเวลากับลูกฟุตบอลมากขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นตัวเลขที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าหากผู้เล่นที่มีความอันตรายเมื่อบอลอยู่กับเท้าอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ สามารถสร้างพื้นที่ในการรับบอลด้วยการรับบอลหน้าไลน์คู่แข่ง จะทำให้เขามีเวลาและพื้นที่ในการเลี้ยงบอลหรือสร้างสรรค์เกมได้มากยิ่งขึ้น
ช่วยกันตั้งรับทั้งทีม
ตรงตามนิยามที่ว่า “เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” เสียจริง เพราะแชมป์โลกป้ายแดงอย่างอาร์เจนติน่า ใช้ผู้เล่นทุกคนลงมาช่วยกันตั้งรับอย่างมีระเบียบวินัย แม้แต่ซุปเปอร์สตาร์ของทีมอย่าง ลีโอเนล เมสซี่ ก็ไม่มีข้อยกเว้น
จากแผนผังค่าเฉลี่ยการยืนเชฟเมื่อทีมชาติอาร์เจนติน่าไม่ได้ครอบครองบอลบ่งบอกชัดเจนว่า
เมื่อบอลเข้ามาถึงแดนล่าง กองหน้าและกองหลัง ยืนห่างกันเพียงแค่ 23 เมตรเท่านั้น หมายความว่ากองหลังยืนอยู่ตรงเส้นเขตโทษ และกองหน้าจะยืนอยู่บริเวณหลังวงกลมกลางสนามเท่านั้นเอง เพื่อลดช่องว่างในการเล่นระหว่างไลน์ของคู่แข่ง และพวกเขาจะเคลื่อนที่ขึ้น-ลงพร้อมกันไม่ว่าจะรุกหรือรับ
แทคติกในการเล่นเกมรับก็ยอดเยี่ยม พวกเขามีวิธีการที่ถูกต้องชัดเจน อาร์เจนติน่าใช้
การเพรสซิ่งเพื่อบีบคู่แข่งให้เล่นออกด้านนอกสนาม 173 ครั้ง ตรงตามหลักการเล่นเกมรับพื้นฐานที่ต้องการบีบให้บอลออกบริเวณริมเส้นเพราะจะทำให้มีตัวเลือกในการส่งที่น้อยลง และมีการเพรสซิ่งเพื่อบีบให้คู่แข่งเข้ามาเล่นด้านในเพียง 35 ครั้งเท่านั้น
แต่ละครั้งผู้เล่นใช้เวลาในการเข้าบอลเฉลี่ยที่ 1.55 วินาที/ครั้ง
และใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 8.22 วินาที ในการแย่งบอลคืนกลับมาแต่ละครั้งที่พวกเขาไม่มีบอล
ทัพฟ้าขาวราชาปอดเหล็ก
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือความขยันของทัพฟ้า-ขาว โดย นักเตะอาร์เจนติน่าที่ลงเล่นมากกว่า 90 นาที (นับเฉพาะผู้เล่นเอาท์ฟิลด์) มีค่าเฉลี่ยระยะทางในการวิ่งเฉลี่ยมากถึง 12.6 กิโลเมตรเลยทีเดียว และเอนโซ่ เฟร์นานเดซ มิดฟิลด์ดาวรุ่ง เป็นผู้เล่นที่มีสถิติการวิ่งมากที่สุดในทีมที่ 15.05 กิโลเมตร โดยส่วนมากเป็นการวิ่งโซนที่ 2 (วิ่งด้วยความเร็ว7-15กิโลเมตร/ชั่วโมง) รวมเป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร
อ้างอิง https://www.fifatrainingcentre.com/media/native/world-cup-2022/report_128083.pdf
ข่าวและบทความล่าสุด