![](/assets/images/banner-top.png?v=84988eb0ee)
ทีมใหญ่ ๆ ทั้งนั้น : ไขข้อข้องใจทำไมทีมชาติไทยไม่เข้าร่วมแข่ง CAFA 2023 ?
![ทีมใหญ่ ๆ ทั้งนั้น : ไขข้อข้องใจทำไมทีมชาติไทยไม่เข้าร่วมแข่ง CAFA 2023 ?](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2023/03/335873483_6803814932978161_2510595961845339257_n.jpg)
หลังจากที่สมาคมฟุตบอลเอเชียกลาง หรือ “CAFA” ได้ส่งหนังสือเทียบเชิญ ทีมชาติไทย ให้ไปแข่งขันทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์เอเชียตะวันออกกลาง ในช่วงโปรแกรม ฟีฟ่า เดย์ เดือนมิถุนายน ระหว่างวันที่ 9-21 ณ ประเทศอุซเบกิสถาน แฟนบอลชาวไทยที่เห็นข่าวช่วงแรก คงจะแอบรู้สึกตื่นเต้นกันไม่มากก็น้อย
รายนามของชาติที่จะลงทำการแข่งขันมีทั้งหมด 8 ทีม เป็นชาติจากเอเชียกลางเป็นหลักจำนวน 6 ทีม ประกอบไปด้วย อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, คีร์กีซสถาน, เติร์กมินิสถาน และ อุซเบกิสถาน บวกกับชาติรับเชิญอีกสองทีม คือ ทีมชาติไทย และ รัสเซีย
ทีมใหญ่ ๆ ทั้งนั้น อันดับโลกสวย ๆ น่าดูชม แต่มีการเปรยออกมากลาย ๆ ว่าทีมชาติไทยจะไม่ไปแข่งในทัวร์นาเม้นต์นี้ ? ... เหตุผลทั้งหมดเกิดขึ้นจากอะไรติดตามได้ที่นี่
เบื้องหลังเกมอุ่นเครื่อง
กว่าจะจัดเกมอุ่นเครื่องสักเกมนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแบบที่หลายคนเข้าใจ มันไม่ใช่แค่การที่สมาคมฟุตบอลของชาติหนึ่งส่งจดหมายเชิญไปยังสมาคมฟุตบอลอีกชาติหนึ่ง จากนั้นก็ตอบตกลงและมาแข่งขันกัน
เพราะความจริงการจัดเกมอุ่นเครื่องเกมนึง ต้องคำนึงถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ อย่างทีมชาติไทยของเรา หากเราจะเชิญใครมาแข่งสักทีม เราก็ต้องหาทีมที่เข้ามาแล้วสร้างประโยชน์กับเราให้ได้มากที่สุดเช่น อาจจะเป็นทีมที่มีอันดับโลกสูงกว่า ทีมที่มีคุณภาพดีกว่าเพื่อใช้วัดระดับของตัวเองหรืออาจจะเป็นทีมที่มีสไตล์การเล่นในแบบที่เราต้องการจะทดลองทีมเพื่อแมตช์สำคัญที่รออยู่ข้างหน้า ... ส่วนที่กล่าวมานี้เป็นเรื่องของฟุตบอล้วน ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามันยังไม่จบแค่นั้น
เพราะจริง ๆ แล้วมันยังมีเรื่องการตลาด ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการมีสปอนเซอร์สนับสนุนที่เข้ามาช่วยจัดการออกเงินต่าง ๆ และสำคัญที่สุดคือการการันตีว่าหากเชิญทีมนี้มาแข่งแล้วจะสามารถทำเงินได้ทั้งจากยอดขายตั๋ว และค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
กรณีนี้สามารถยกตัวอย่างแบบชัด ๆ ได้ 1 เคส นั่นคือการเกมนัดเปิดสนาม นิว เวมบลี่ย์ ของทีมชาติอังกฤษ ที่เลือกเชิญทีมชาติบราซิล มาแข่งขันเกมกระชับมิตร ในปี 2007 นั้น นอกจากจะเป็นเกมใหญ่ฟัดใหญ่แล้ว ยังเป็นเกมที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงมาก ๆ เพราะทั้งสองชาติใส่เสื้อที่มีผู้สนับสนุนเดียวกันอย่าง Nike และ Nike เป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการจ้าง บราซิล มาเตะอุ่นเครื่องเกมนี้ทั้งหมด
ไฮไลต์เกมอังกฤษ vs บราซิล ที่ เวมบลี่ย์ ปี 2007
ทำไม Nike ถึงทำแบบนั้น ? ง่ายนิดเดียว เพราะ บราซิล คือชาติระดับเรือธงของแบรนด์ Nike มีอิทธิพลและมีภาพจำต่อแฟนฟุตบอลทั่วโลกเป็นอย่างมาก ซึ่งการพา บราซิล มาเตะกับทีมชาติอังกฤษนั้นได้ผลบวกหลายทาง อย่างแรกคือนี่คือเกมที่ทั้งโลกอยากจะดู การันตีว่าตั๋วกว่า 9 หมื่นใบในสนามจะขายหมด และการถ่ายทอดสดก็จะถูกแพร่ภาพไปทั่วโลก นอกจากนี้ อังกฤษ ยังเป็นตลาดใหญ่ของ Nike ในเชิงธุรกิจอีกด้วย เมื่อผลประโยชน์ลงตัวทุกอย่างก็ลุล่วง
นอกจากตัวอย่างของเกมบราซิลแล้วยังมีอีกหลายเกมที่เป็นบัญชาสปอนเซอร์ เช่นรายการ คิริน คัพ ของญี่ปุ่น เมื่อปี 2013 พวกเขาเชิญลัตเวียมาเเเข่งขันด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วเกรดของญี่ปุ่นนั้นสามารถเชิญทีมที่ดีกว่าลัตเวียได้ แต่พวกเขาก็ต้องเลือกลัตเวีย เพราะ Kirin Beverage สปอนเซอร์หลักของทีมชาติขอมา เนื่องจากจะมีการตีตลาดเบียร์ในประเทศลัตเวีย ณ ตอนนั้น อีกทั้ง สเปน ก็ยังเคยต้องมาอุ่นเครื่องกับ กาตาร์ ที่โดฮา เพราะ กาตาร์แอร์เวย์ เป็นสปอนเซอร์ของทีมกระทิงดุ เป็นต้น
สำหรับทีมชาติไทยที่ไม่ได้มีแบรนด์ระดับโลกสนับสนุนล่ะ ?
ต้องยอมรับว่าทีมชาติไทยเป็นชาติที่ไมได้มีชื่อเสียงเรื่องฟุตบอลนัก ไม่ว่าจะด้วยความสำเร็จในอดีตหรืออันดับในฟีฟ่า แรงกิ้ง ดังนั้น การที่ทีมชาติไทยจะได้แข่งขันเกมกระชับมิตรกับทีมที่อันโลกสูงกว่า คุณภาพดีกว่า ทีมชาติไทยก็ต้องจ่ายเงินให้กับทีมเหล่านั้นมาเเข่งขันด้วย เช่นรายการฟุตบอลอุ่นเครื่องอย่าง "คิงส์คัพ" ที่ไทยเราไปเชิญทีมอันดับโลกสูงกว่ามาเช่น สโลวาเกีย ในปี 2018 เป็นต้น
ไฮไลต์เกม ไทย กับ สโลวาเกีย ใน คิงส์คัพ 2018
การจัดแมตช์อุ่นเครื่องด้วยการเชิญที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ด้านการทูตระหว่างประเทศระดับแน่นแฟ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะดีลกันง่าย ๆ และคนที่ทำให้ 2 ชาติที่อาจจะไม่ได้รู้จักมักจี่มาเเข่งขันกันได้ในเกมอุ่นเครื่องก็คือ แมตช์ เมคเกอร์ (Match Maker) ซึ่งหน้าที่ของพวกเขาจะคล้าย ๆ กับโปรโมเตอร์มวยที่ คอยจัดมวยในไฟต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะคู่เล็กคู่ใหญ่ พวกเขาสามารถทำได้เพราะคอนเน็คชั่นกว้างขวาง สามารถจัดหาคู่แข่งให้ทีมชาติที่จ่ายเงินให้กับพวกเขาได้ ซึ่งแน่นอนว่าจ่ายเยอะ ก็มีโอกาสที่จะได้แข่งขันกับทีมที่เก่งขึ้น
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปี ก่อนหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าไทยมีโอกาสที่จะอุ่นเครื่องกับระดับแชมป์โลก 5 สมัยอย่าง บราซิล มาแล้ว เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง ฟีฟ่า เดย์ เดือน ตุลาคม ปี 2019 ซึ่งตอนนั้น บราซิล เดินทางมาอุ่นเครื่องที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัทเอเยนซีระดับโลกเป็นคนนำทางพวกเขามา
เดิมทีพวกเขาตั้งใจมาเตะกับทีมชาติสิงคโปร์ แต่ สิงคโปร์ ไม่สามารถลงเเข่งขันด้วยได้ เพราะต้องลงเล่นเกมคัดเลือกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกกับ ซาอุดิอาระเบีย และ อุซเบกิสถาน ดังนั้นจึงมีเอเยนซี่ หรือแมตช์เมคเกอร์ ติดต่อมายังทีมชาติไทย แต่ก็ด้วยราคาค่าใช้จ่ายที่สูงมากสำหรับการลงเล่นเกมนี้ ทีมชาติไทยก็ถอยทัพ และปล่อยให้ บราซิล ต้องลงเเข่งขันกับทีมอย่าง เซเนกัล และ ไนจีเรีย แทน ซึ่งเรื่องของตัวเลขนั้นไม่ได้มีการเปิดเผย แต่ชัดเจนว่าด้วยอันดับโลกที่เป็นรองบราซิลเยอะมาก ทำให้ไทยจะต้องจ่ายเยอะกว่า เซเนกัล และ ไนจีเรีย ในการเล่นเกมอุ่นเครื่องแบบชกข้ามรุ่นพอสมควร
![](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2023/03/---------------------------------.jpg)
เมื่อการเล่นกับทีมชาติที่เก่งกว่า ๆ แบบจัดการแข่งขันขึ้นเองนั้นเป็นไปได้ยากมาก ๆ สำหรับทีมชาติไทย ดังนั้นโอกาสของเราที่จะได้เล่นกับทีมในระดับแถวหน้าของเอเชีย หรือทีมระดับโลกนั้นจึงต้องรอในโอกาสพิเศษจริง ๆ เช่นการมีเจ้าภาพจัดการแข่งขันที่ออกค่าจ้างเอาทีมระดับโลกมาเอง ยกตัวอย่างที่แฟนบอลไทยน่าจะจำได้ก็คือการที่ ไทย ถูก จีน เชิญไปแข่งขันฟุตบอล 4 เส้าในปี 2019 ที่ ณ เวลานั้นไทยที่มีความสัมพันธ์ดีกับจีนในหลายๆ เรื่องได้ค่าจ้างในระดับใกล้ ๆ 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังบุญหล่นทับได้เล่นกับทีมชาติ อุรุกวัย ทีมระดับท็อป 20 ของโลกในนัดชิงชนะเลิศ เนื่องจากไทยสามารถเอาชนะ จีน ได้ในเกมรอบแรก
ไฮไลต์เกม ไทย vs อุรุกวัย ปี 2019
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าถ้าไม่ได้เชิญและไม่มีเจ้าภาพที่รับผิดชอบค่าใช้จ่าย ทีมชาติไทยก็ยากที่จะหาเกมอุ่นเครื่องกับทีมระดับสูง ๆ มาเเข่งขันด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ว่าไมช้างศึกจึงไม่ค่อยได้เล่นกับทีมอันดับโลกสูงว่าหลาย ๆ อันดับ โดยเฉพาะการไปเยือนยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ว่าจะทั้งในเอเชีย ขณะที่ในยุโรปนั้นไม่ต้องพูดถึงครั้งสุดท้ายที่ไทยไปเล่นเกมเยือนกับชาติในยุโรปนั้นต้องย้อนกลับไปเกือบ 70 ปีเลยทีเดียว
เรื่องเงินเรื่องใหญ่
ประเด็นเรื่องค่าใช้จ่ายในเกมอุ่นเครื่องนั้น ตามธรรมเนียมแล้วหาก สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นผู้ออกหนังสือเทียบเชิญชาติที่มีอันดับ แรงกิ้ง ต่างๆ มาแข่งขันโดยเรารับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด สมาคมฯ ต้องออกเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าตั๋วเครื่องบิน, ค่าที่พัก และ ค่าอาหารแต่ละมื้อ ส่วนทีมที่มีอันดับต่ำกว่า ทัพช้างศึก ก็ต้องคุยกันเป็นกรณีไป
![](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2023/03/569B75E99D0747799921FD9D96A7FE7A.jpg)
พอเปรียบเทียบกับการที่ ไทย ได้รับเทียบเชิญไปแข่งขันนอกประเทศแล้ว เต็มที่ส่วนใหญ่ทางสมาคมฯ ต้องออกค่าใช้จ่ายสำคัญ เพียงแค่ค่าเดินทางเท่านั้น อ้างอิงจากคำกล่าวของ น.อ. ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ซึ่งเปิดเผยเอาไว้ว่า
“โดยหลักแล้วส่วนใหญ่ เราจะเป็นฝ่ายออกค่าเดินทาง ส่วนฝั่งที่เชิญเราไปเตะจะดูแลค่าที่พักและอาหารให้ แต่ถ้าเราเชิญชาติที่มี แรงกิ้ง เหนือกว่ามาเตะที่ประเทศไทย เราต้องเป็นฝ่ายออกทั้งหมดนะ”
“แต่ถ้าเป็นทีมที่อันดับแรงกิ้งต่ำกว่า ไทย สมมติว่าเราอยู่อันดับ 111 แล้วเชิญชาติที่มีอันดับใกล้เคียงกันอย่าง 112,113 หรือ 114 บางทีมในกลุ่มนี้ต้องออกค่าเครื่องบินและที่พักเองทั้งหมด บางทีมจะออกเองแค่ค่าตั๋ว แล้วทางเรามีที่พักรับรองให้”
จากข้อมูลดังกล่าว แปลว่าสิ่งที่ทาง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องจ่ายแน่ๆ คือ ค่าเดินทาง คือ ตั๋วเครื่องบินนั่นเอง นอกจากนี้ข้อกำหนดในการเข้าประเทศต่างๆ ที่ต้องคำนวนเพิ่มเติมอีกหนึ่งเรื่อง ย่อมหนีไม่พ้น วีซ่า การเข้าประเทศนั้นๆ ซึ่งแต่ละทวีปจะมีความแตกต่างกันออกไป
![](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2023/03/5b5d29c84b05c2f9984f405a2e87fe33-700x525-1.png)
ล่าสุดที่ทีมชาติไทยปฎิเสธการไปอุ่นเครื่องรายการ “CAFA 2023" หรือศึกชิงแชมป์เอเชียกลาง ที่จะลงทำการแข่งขันมีทั้งหมด 8 ทีม เป็นชาติจากเอเชียกลางเป็นหลักจำนวน 6 ทีม ประกอบไปด้วย อัฟกานิสถาน, อิหร่าน, คีร์กีซสถาน, เติร์กมินิสถาน และ อุซเบกิสถาน บวกกับชาติรับเชิญอีกสองทีม คือ ทีมชาติไทย และ รัสเซีย มองเผินแล้ว ๆ เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ
แต่เหตุผลหลัก ๆ ของการปฎิเสธครั้งนี้ก็มาจากเหตุผลเรื่องของงบประมาณค่าใช้จ่าย ซึ่งคำนวนออกมาแล้วสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นงบประมาณในการเตรียมทีม, ค่าเข้าร่วมการแข่งขัน และ ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ทุกอย่างล้วนไม่เหมาะสมกับสถานการณ์สภาพคล่องด้านการเงินของสมาคมในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเราคำนวณดูคร่าว ๆ เฉพาะแค่ค่าตั๋วเครื่องบินแบบไปกลับ บนเที่ยวบินราคาประหยัด ทีมชาติไทย จะต้องใช้เงินถึง 1.3 ล้านบาท ... ย้ำว่านี่เป็นแค่ค่าตั๋วอย่างเดียว ไม่รวมค่าวีซ่า ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายตอนที่อยู่ที่นั่น ค่าโรงแรม และค่าจิปาถะอีกมากมาย
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่าโลกของฟุตบอลนั้นมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย เกมฟุตบอลสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องของการแข่งขันอย่างเดียวเท่านั้น มีปัจจัยมากมายมาเกี่ยวข้อง ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทีมชาติไทยจึงไม่ตอบรับการแข่งขันรายการที CAFA 2023 ที่น่าตื่นเต้นนี้นั่นเอง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง :
ย้อนหาคำตอบปรัชญาฟุตบอลของ ฟรอนตาเล่ จริง ๆ สไตล์ไหนทำไมขัดชนาธิป ?
เคียวโกะ ฟูรุฮาชิ : กองหน้าตัวเป้าที่สูงแค่ 170 ซม. กับวิธีการเล่นที่แข้งไทยควรศึกษา
คอมเม้นต์แฟนญี่ปุ่นถึง ‘สุภโชค’ ดีไม่ดี ? หลังประเดิมตัวจริงคอนซาโดเลนัดแรก
แหล่งอ้างอิง
https://www.agussportandevents.com/friendly-matchmaker
https://en.wikipedia.org/wiki/Kirin_Cup_Soccer
https://www.quora.com/How-does-a-national-team-manager-plan-a-friendly-match
MOST POPULAR
![ส.บอล เผยหลักเกณฑ์พิจารณาเลือก สงขลา จัดคิงส์คัพ ครั้งที่ 50](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/5555.jpg)
ส.บอล เผยหลักเกณฑ์พิจารณาเลือก สงขลา จัดคิงส์คัพ ครั้งที่ 50
![ชลบุรี ตั้ง ชาญณรงค์ กัปตันคนใหม่ ดัน ลูกชายโค้ชโม้ ขึ้นทีมชุดใหญ่](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/3.jpg)
ชลบุรี ตั้ง ชาญณรงค์ กัปตันคนใหม่ ดัน ลูกชายโค้ชโม้ ขึ้นทีมชุดใหญ่
![ครั้งหนึ่งที่ ‘อาแจ็กซ์’ ยอดทีมลีกดัตช์ ยังคุม ‘ซิฟโควิช’ กองหน้าป้ายแดง แบงค็อก ไม่อยู่!](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/450678666_1164495511433052_7793432500838497271_n.png)
ครั้งหนึ่งที่ ‘อาแจ็กซ์’ ยอดทีมลีกดัตช์ ยังคุม ‘ซิฟโควิช’ กองหน้าป้ายแดง แบงค็อก ไม่อยู่!
![สเปอร์ส ปิดดีลคว้า ยาง มิน-ฮยอก เด็กเทพเคลีกวัย 18 ปี](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/632.jpg)
สเปอร์ส ปิดดีลคว้า ยาง มิน-ฮยอก เด็กเทพเคลีกวัย 18 ปี
![ผู้บริหารดอร์ทมุนด์ จำทริปไทยไม่ลืม ซ้อนพี่วินไปสนามแข่งบีจี](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/33-3.jpg)
ผู้บริหารดอร์ทมุนด์ จำทริปไทยไม่ลืม ซ้อนพี่วินไปสนามแข่งบีจี
!['มาร์เซโล่ ยาโล่' อดีตเด็กปั้น เรอัล มาดริด สู่กำแพงแนวรับ ปราสาทสายฟ้า](https://digitalpress.fra1.cdn.digitaloceanspaces.com/b7uv0cn/2024/07/450945051_404639868735709_2851106175122578273_n.png)