โอกาสแข้งพรสวรรค์ : อะไรทำให้ ‘เบน เดวิส’ ถูกเลือกมาแทน ‘เจ-ชนาธิป’ ในคิงส์ คัพ ?

โอกาสแข้งพรสวรรค์ : อะไรทำให้ ‘เบน เดวิส’ ถูกเลือกมาแทน ‘เจ-ชนาธิป’ ในคิงส์ คัพ ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

ศึก คิงส์ คัพ ครั้งที่ 49 ที่จะแข่งขันกันในวันที่ 7-10 กันยายน ณ จังหวัดเชียงใหม่ สำหรับแฟนบอลบางกลุ่มแล้ว อาจดูเหมือนเป็นรายการที่ไม่ได้สำคัญเท่ากับ ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก หรือ ชิงแชมป์เอเชีย แต่ทางหากลองไปนั่งแท่นตำแหน่งเดียวกับ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทัพช้างศึกคนปัจจุบัน คงต้องมองต่างไปอีกแบบ

การเข้ามาของ มาซาทาดะ อิชิอิ อดีตเฮดโค้ชของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งพาทีมคว้าสามแชมป์มาหมาดๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว ที่ถูกแต่งตั้งเข้ามารับหน้าที่ประธานเทคนิคทีมชาติไทยชุดใหญ่ สื่อความหมายโดยนัยแบบที่ใครก็รู้กันว่า เมื่อไหร่ที่ มาโน่ พลาดทำผลงานการคุมทีมได้ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ตัวแทนนั้นมีรอจ่อเสียบอยู่แล้ว โดยแทบไม่ต้องหันไปหาที่ไหนไกล

PHOTO : ฟุตบอลทีมชาติไทย

ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่ทาง มาโน่ จะพยายามเรียกขุนพลชุดที่ดีที่สุด เข้ามาลุยศึกชิงแชมป์ถ้วยพระราชทานรอบนี้ ดาวเตะที่ค้าแข้งอยู่ต่างประเทศอย่าง สุภโชค สารชาติ ต้องถูกตามตัวมาช่วย ส่วนตัวหลักรายอื่นๆ ที่เป็นขาประจำก็มากันครบครัน

อย่างไรก็ตามหนึ่งในนักเตะคนสำคัญที่ต้องถอนตัวออกไปแบบน่าเสียดาย คือ เพลย์เมคเกอร์เบอร์หนึ่งของทัพช้างศึกอย่าง ‘เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์’ ที่เพิ่งจะเบิกประตูแรกให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้หมาดๆ ในเกมที่บุกเอาชนะ อุทัยธานี เอฟซี 2-0 แต่กลับประสบปัญหาอาการบาดเจ็บหนักติดตัวมา แล้วไม่สามารถฟื้นตัวได้ทันเวลา

PHOTO : ฟุตบอลทีมชาติไทย

โดยตัวแทนที่ถูกเรียกมานั้นเป็นทาง เบน เดวิส ดาวเตะลูกครึ่งที่กำลังทำผลงานได้ดีกับต้นสังกัดใหม่ ชลบุรี เอฟซี ซึ่งความคิดเห็นของแฟนบอลก็มีทั้งส่วนที่สนับสนุน และ กลุ่มที่ยังสงสัยในความสามารถเพราะยังไม่มีผลงานที่จับต้องได้แบบเป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อนำไปเทียบกับคนอื่นๆ อาจมีตัวเลือกที่สูสีหรือดูดีกว่า

เหตุผลที่ มาโน่ เลือกวางใจให้ เบน แนวรุกพรสวรรค์สูงที่หายหน้าหายตาไปจากทีมชาติช่วงหนึ่ง กลับมาเป็นความหวังอีกครั้งเป็นเพราะปัจจัยใด? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

พรสวรรค์ที่หาตัวจับยาก

เบนจามิน เดวิส เป็นลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่ไปเติบโตที่ประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ คุณพ่อของเขาเปิดอคาเดมี่ฟุตบอลชื่อว่า JSSL Singapore อยู่ที่แดนลอดช่อง ซึ่งตัวของลูกชายก็ได้มีโอกาสฝึกฝนทักษะลูกหนังแบบเคี่ยวกรำตั้งแต่อายุยังน้อย พออายุครบได้ 9 ปีก็ได้สัญชาติสิงคโปร์ตามกฎหมาย

หลังจากนั้นชีวิตของ เบน ที่มีพรสวรรค์ทางด้านฟุตบอลเป็นทุน ก็ได้ย้ายไปเข้าศูนย์ฝึกแห่งใหม่ในสิงคโปร์อย่าง JCOE (Junior Centre of Excellence) ที่คัดเลือกเฉพาะดาวรุ่งที่มีพัฒนาการระดับท็อปของประเทศ เข้าไปฝึกฝนศาสตร์เกมลูกหนังเท่านั้น

PHOTO : Mashable SEA

พออายุย่างเข้า 16 ปี คุณพ่อของเขาก็ตัดสินใจส่ง เบน ไปคัดตัวกับสโมสร ฟูแล่ม ที่ประเทศอังกฤษ แล้วปรากฎว่าเขาติดหนึ่งใน 10 ได้รับการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะเยาวชนระยะเวลาสองปี พอได้โชว์ฝีเท้าลงเล่นให้กับทีมสำรองของ เจ้าสัวน้อย แล้วผลงานน่าประทับใจ สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ กุนซือของทีมก็ตัดสินใจมอบสัญญาอาชีพเวลาสองปี ให้กับเจ้าหนูรายนี้ในที่สุด

PHOTO : Eurosport

อย่างไรก็ตามปัญหาด้านการเมืองเรื่องการรับใช้ชาติด้วยการเป็นทหารของ เบน เมื่ออายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ ทำให้เขาต้องเลือกสละสัญชาติสิงคโปร์ทิ้งไป เพราะเหตุผลที่ต้องการเดินตามความฝัน ลุ้นเป็นนักเตะอาชีพในแดนผู้ดี แม้ว่าจะเคยถูกเรียกตัวไปเล่นให้กับทีมชาติสิงคโปร์ยู-16 และ ยู-19 รวมไปถึงเข้าแคมป์ทีมชาติชุดใหญ่ก็ตาม

สุดท้ายแล้วกลายเป็นทีมชาติไทยที่ได้รับ ‘ส้มหล่น’ จากเชื้อสายทางฝั่งแม่ของ เบน ได้ตัวเขามาเสริมในขุมกำลังทีมชาติด้วยโปรไฟล์ที่ไม่ธรรมดา พร้อมกับมีการเรียกตัวมาเล่นให้กับช้างศึกยู-23 อยู่หลายรายการ ซึ่งเขาก็แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในเรื่องของจินตนาการฟุตบอลที่เหนือชั้น ราวกับเป็นศิลปินวาดลวดลายบนฟลอร์หญ้า

แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เบน จะไม่ได้ไปต่อกับ ฟูแล่ม แล้วถูกปล่อยตัวไปให้กับ อ็อกซ์ฟอร์ด สโมสรในระดับ ลีกวัน แต่ทางกุนซือของทีมในเวลานั้นอย่าง คาร์ล โรบินสัน ก็ชื่นชมคุณภาพฝีเท้าของ เบน ตามที่กล่าวไว้ว่า

"เบน มีความสามารถมาก มีพรสวรรค์ด้านเทคนิคมาก และเขาก็มีความทะเยอทะยานในระดับทีมชาติ ซึ่งหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยได้เช่นกัน เขาต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ เพื่อโอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ และนี่จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา"
PHOTO : Twitter

แต่แล้วด้วยสไตล์การเล่นของ อ็อกซ์ฟอร์ด ที่เน้นแท็คติกแบบบอล ไดเร็คท์ โยนยาวถึงหน้าประตูไว เน้นใช้ผู้เล่นที่มีแรงปะทะและพละกำลังสูง กลายเป็นตัวเลือกที่ไม่เข้ากับ เบน เท่าไหร่นัก เลยไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามเท่าที่ควร ดังนั้นเขาจึงเลือกย้ายมาเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ การท่าเรือ เอฟซี เมื่อฤดูกาลก่อน

ความคาดหวังของ เบน ที่จะได้รับโอกาสให้ลงสนามโชว์ผลงานกับ สิงห์เจ้าท่า กลับไม่เป็นไปตามที่คาด เพราะการย้ายมาเล่นในประเทศใหม่ ลีกฟุตบอลใหม่ ปัจจัยรอบตัวมีแต่ความแตกต่างไม่คุ้นเคย ทำให้เขาไม่ได้ลงสนามต่อเนื่องมากนัก

PHOTO : ไทยรัฐออนไลน์

การได้รับโอกาสให้เป็นตัวจริงช่วงแรกในสถานการณ์ที่ เบน ยังไม่พร้อม ปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ผลงานก็ไม่ได้โดดเด่น พอปรับมาเป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกมก็ยังไม่ดีขึ้น จนแฟนบอลเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า อนาคตของเขาอาจดับไวกว่าที่ควร

อย่างไรก็ตาม ชลบุรี เอฟซี เป็นสโมสรที่กล้าเสี่ยงกับ เบน แล้วตัดสินใจดึงตัวเขาเข้ามาเป็นขุมกำลังหลักในฤดูกาลนี้ ภายใต้การทำทีมของ มาโกโตะ เทกุระโมริ อดีตกุนซือทีมชาติญี่ปุ่น รุ่นอายุต่ำกว่า 23 ปี ซึ่งจากข้อมูลที่สอบถามมา ‘เบน เดวิส’ เป็นนักเตะที่ทาง เทกุซัง รีเควสท์เองอีกด้วย

ถีงแม้ผลงานในช่วงแรกของ ฉลามชล ในเกม ไทย ลีก สามนัดแรกจะยังไม่สามารถเอาชนะทีมใดได้เลย แต่การที่ เทกุ เลือกไว้ใจและมอบโอกาสให้ เบน ลงเป็นตัวจริงทุกเกม แฟนบอลที่รับชมผลงานของเขา ย่อมต้องยอมรับว่าดาวเตะรายนี้มีพรสวรรค์สูงจริง

ลีลาการเล่นของ เบน ในฤดูกาลนี้

ไม่ว่าจะเป็นการถูกจับไปยืนเพลย์เมคเกอร์ตรงกลาง ก็สามารถจ่ายบอลในจังหวะที่แนวรับคาดไม่ถึง หรือถ้าสลับตำแหน่งแบบอิสระออกไปโจมตีทางริมเส้น เบน สามารถใช้ทักษะเรื่องของการลากเลื้อยกินตัว ทะลวงฝ่าแนวรับเข้าสู่พื้นที่อันตรายได้แบบไม่ยาก ขาดแค่จังหวะสุดท้ายที่ยังเชื่อมกับเพื่อนร่วมทีมได้ไม่ลงตัวเท่านั้น

ยิ่งฟุตบอลของ ชลบุรี เป็นแนวทางการเล่นต่อบอลสั้น ให้บอลเท้าสู่เท้าแม่นยำ และให้อิสระในการทำเกมบุกกับแนวรุกได้ใช้จินตานาการอย่างเต็มที่ เบน เดวิส เลยเฉิดฉายกับต้นสังกัดใหม่สุดๆ อาจยังมีจุดบกพร่องเรื่องการตื่นตัวในการเล่นเกมรับอยู่บ้าง ซึ่งต้องใช้เวลาปรับแก้กันต่อไป

เมื่อเทียบแนวทางการเล่นของ เบน เดวิส กับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ จะเห็นได้ว่าเพลย์เมคเกอร์สองรายนี้ มีจุดเด่นที่ึคล้ายคลึงกัน จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เขาจะแซงหน้าดาวเตะรายอื่นๆ คว้าตั๋วเข้าแคมป์ทีมชาติชุดใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งก็ต้องให้เครดิตต้นสังกัดเรื่องการให้ความร่วมมือกับทีมชาติ ที่ไม่เคยอิดออดหรือปฏิเสธด้วยเช่นกัน

แนวทางการเล่นที่ลงตัวกับแท็คติก

ทีมชาติไทยในยุคของ มาโน่ ชัดเจนว่าเป็นบอลที่เน้นเรื่องของการครองบอล ครองเกม และทำเกมรุกกดดันคู่ต่อสู้ตลอด 90 นาที ทิศทางการเล่นคล้ายๆ กับ โพเซสชั่น ฟุตบอล ซึ่งอาจยังไม่ถูกใจแฟนบอลชาวไทยแบบเต็มร้อย เพราะบางทีดูมากจังหวะไปในการเข้าทำ

อย่างไรก็ตามการได้ตัว เบน เข้ามาทดแทนการขาดหายไปของ เจ-ชนาธิป มีโอกาสที่จะเติมมิติใหม่ให้กับการทำเกมรุกของทีมก็เป็นได้ เพราะในช่วงหลังต้องยอมรับว่า เจ ก็เล่นไม่ออกในบางเกม มักจะโผล่มาโชว์ผลงานได้ดีในนัดสำคัญๆ หรือเกมชี้ชะตา

PHOTO : ฟุตบอลทีมชาติไทย

เมื่อแท็คติกของ มาโน่ เน้นไปที่การครองบอลเป็นหลัก การมีนักเตะที่ครอบครองบอลได้ดีอย่าง เบน เข้ามาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติม ทำให้ทีมแทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นมากนัก ยิ่งเรื่องทักษะความสามารถเฉพาะตัวงนั้นหายห่วง เลยเหลือแค่ปรับจูนทัศนคติและการเล่นให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้ก็เพียงพอ ยิ่งมีเวลาจำกัดยิ่งต้องเลือกที่จุดเด่นด้านนี้ก่อน

สำหรับทัวร์นาเมนต์ที่เตะกันไม่กี่เกมแล้วตัดสินแชมป์เลย การมีนักเตะที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องหวังพึ่งเพื่อนมากนัก ย่อมเป็นผลดีในการงัดไม้เด็ดที่คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงออกมาเล่นงานคู่แข่ง ตรงกับสิ่งที่ มาโน่ ต้องการพอดี แล้วเคยกล่าวชื่นชม เบน มาก่อนหน้านี้ว่า



"หนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้น่าประทับใจที่สุดในทัวร์นาเมนต์สั้นๆ อย่างซีเกมส์ก็คือ เบน นี่แหละ เขามีเทคนิดที่ยอดเยี่ยม เขามีความคล่องตัว การพาบอลไปข้างหน้าที่ไม่เหมือนนักเตะไทย และเมื่อเขาได้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ถูกต้องเขาจะอันตรายมาก"

เมื่อตัวเฮดโค้ชมองเห็นภาพว่าคู่มือการใช้งานของ เบน ควรจะกำหนดไว้ในทิศทางไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด แล้วตัวนักเตะเองก็ชื่นชอบกับการเล่นฟุตบอลแบบมีอิสระ สวยงาม ต่อเกมแบบเท้าสู่เท้า ครองบอลกดดันใส่คู่แข่ง ดูเหมือนว่า ทุกปัจจัยในการร่วมงานของสองคนนี้จะตรงกันพอดี

ยิ่งแท็คติกส์ของ มาโน่ มีลูกหาบในแดนกลางอย่าง สารัช อยู่เย็น, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ คอยทำหน้าที่ในการเล่นเกมรับ สนับสนุนให้กับเพลย์เมคเกอร์ได้ปล่อยของได้เต็มที่ ยิ่งน่าเสี่ยงทดลองใช้งาน เบน เดวิส ที่ยังเล่นเกมป้องกันได้ไม่ดีเข้าไปใหญ่ เหมือนมีคนคอยกลบจุดบอดให้อยู่ด้านหลัง

PHOTO : Chonburi Football Club

ซึ่งไม่ว่าผลงานของ เบน จะออกมาผ่านเกณฑ์หรือไม่? สิ่งที่ทีมชาติไทยจะได้ประโยชน์แน่ๆ คือ การลองใช้ผู้เล่นคนอื่นทดแทนยามขาด ชนาธิป เป็นแผนสำรอง แล้วเมื่อทัวร์นาเมนต์นี้เป็นเหมือนสนามสอบสำคัญของ มาโน่ การันตีได้เลยว่า โค้ชรายนี้คงต้องเน้นเรื่องผลการแข่งขันเป็นพิเศษ เนื่องจากรู้ตัวดีว่าอาจไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้วในรายการข้างหน้า

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.transfermarkt.com/ben-davis/leistungsdatendetails/spieler/532374/plus/0?saison=2023&verein=12533&liga=&wettbewerb=THA1&pos=&trainer_id=

https://pantip.com/topic/39275915

https://www.thairath.co.th/sport/thaifootball/thaipremierleague/2463894

https://www.khobsanam.com/news/news-thaifootball/172443

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ประทุม ชูทอง : นักสู้มืออาชีพแห่งโลกบอลเดินสาย
เปิดใจ ‘เบ็ค-สมเกียรติ คุณมี’ : ทำไมตัวท็อป ‘ฟ็อกซ์ฮันท์’ ถึงเลือกเส้นทางบอลเดินสาย ?
‘ผักบุ้ง PBDS’ : หญิงแกร่งแห่งวงการฟุตบอลเดินสาย
‘ใหญ่ นิลวงษ์ ’: โค้ชจอมเลื่อนชั้นแห่ง T3 ที่คุมทีมเดินสายที่ชนะ 100%
สโมสร ‘แตงโม’ : ตำนานแชมป์เงินล้านบอลเดินสายสองปีติดทีมเดียวในประเทศไทย
ศราวุฒิ มาสุข : กับชีวิตใหม่ในเส้นทางฟุตบอลเดินสาย

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ