'วินเนอร์-ชโนทัย' : ฮีโร่ทัพช้างศึกยู-17 รอรับไม้ต่อ ศุภณัฏฐ์ ในค่าย บุรีรัมย์

By ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

3 พ.ค. 2024 , 11:40น.

ต้องยอมรับว่าผลงานของ ทีมชาติไทย ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลอย่างมาก แม้จะตกรอบอดไปฟุตบอลโลก แต่ก็แสดงให้เห็นทิศทางที่ดี ในฐานะแชมป์กลุ่ม เอ ชนะรวดเหนือ สปป.ลาว, มาเลเซีย และ เยเมน ก่อนจะไปแพ้ เกาหลีใต้ 1-4

หนึ่งในผู้เล่นที่เป็นคีย์แมนในแนวรุก แล้วถูกจับตามองจากสื่อและแฟนบอลโดยทั่ว ย่อมหนีไม่พ้น ‘วินเนอร์-ชโนทัย คงเหม็ง’ แนวรุกที่เป็นผลผลิตจากอคาเดมี่ของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่วาดลวดลายในสนามได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำสถิติยิงไป 2 ประตู กับ 2 แอสซิสต์

หากไม่มีประตูชัยของดาวยิงรายนี้ในเกมแรกกับ สปป.ลาว ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ โมเมนตั้มของทีมและสภาพจิตใจ อาจไม่พุ่งสูงถึงขนาดนี้ เพราะการแข่งขันฟุตบอลแบบทัวร์นาเมนต์ หากเครื่องรวนแต่เริ่มแรก โอกาสจะแพ็คกระเป๋ากลับบ้านนั้นมีสูง

กว่าเขาจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ วินเนอร์ ต้องต่อสู้ฝ่าด่านหินๆ มาไม่น้อย ก่อนจะได้รับเลือกเป็นขุนพลทีมชาติ รวมไปถึงการเข้าเป็นกลุ่มลูกเจี๊ยบสายฟ้า เด็กปั้นของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ถูกวางตัวไว้สานต่อความสำเร็จของรุ่นพี่

เส้นทางลูกหนังของเขามีจุดเริ่มจากอะไร ไอดอลต้นแบบในการเล่นฟุตบอลของเขาคือใคร ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

เริ่มต้นล่าฝัน

หากแฟนบอลสังเกตถึงการเล่นของ ชโนทัย ที่มีความตื่นกระหายตลอดทุกช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม ราวกับแพสชั่นของเขาไม่เคยมอดหมด พยายามทำทุกวิถีทางให้ทีมสามารถคว้าชัยชนะมาให้ได้ อิทธิพลเหล่านี้ได้รับมาจากไอดอลฟุตบอลระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต้นแบบของเขาในวัยเด็ก

ความเป็นตัวของตัวเอง, ความพยายามอย่างสุดกำลัง, ความมุ่งมั่นที่จะเก่งกว่าเมื่อวาน และความตั้งใจพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ คือ สิ่งที่ทาง วินเนอร์ รับสารมาจาก ซีอาร์เซเว่น ที่เป็นผู้เล่นที่ไม่เคยยอมแพ้ และไม่เคยหยุดนิ่งในการเล่นฟุตบอลให้เก่งขึ้นทุกวัน

ครอบครัวของเขาถือว่าอยู่ในระดับชนชั้นกลาง ไม่ได้ลำบากยากเข็นเหมือนกับนักเตะที่ต้องสู้ชีวิตคนอื่นๆ การมีคุณพ่อที่ประกอบอาชีพรับราชการตำรวจ มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง เลยสามารถส่งเสริมให้ลูกชายทำตามในสิ่งที่รักได้อย่างเต็มที่

ชโนทัย เริ่มฝึกฟุตบอลตั้งแต่ 6 ขวบ กับอคาเดมี่ย่านตลิ่งชันอย่าง ‘เดอะ คอนเนอร์’ ที่ถ่ายทอดพื้นฐานการเล่นในสไตล์ฟุตซอล เน้นไปที่ทักษะความสามารถเฉพาะตัว บวกกับเบสิคที่แน่นปึ้ก รวมไปถึง พญาไท อคาเดมี่ อีกหนึ่งโรงเรียนลูกหนังของเขา ใช้เวลาเคี่ยวกรำถึง 3 ปี จนได้เป็นตัวแทนของ โรงเรียน ราชวินิต ประถมศึกษา

หากย้อนกลับไปดูบทสัมภาษณ์ของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับสื่ออย่าง ไทยพีบีเอส จะเห็นว่าแนวทางเรื่องความคิดของเขา ตรงกับทัศนคติของ ชโนทัย ไม่น้อย ตามที่เคยกล่าวไว้ว่า

“ผมทำฟุตบอลมา 12 ปี ในอาเซียนหรือในเอเชีย เด็กไทยเรื่องของพรสวรรค์ไม่ได้เป็นรองใครเลย แต่เรื่องของพรแสวงสอบตกหมด สิ่งที่บุรีรัมย์เลี้ยงเด็ก สอนเด็กมา มันต่างกัน เราทำให้เป็นอาชีพ หมายความว่าชีวิตของเขาต้องฝากไว้กับสิ่งที่เขารักที่สุดแล้ว”

“เขาต้องอดทน มุ่งมั่น มีวินัย ตั้งใจ และต้องสู้ อยู่ในกรอบในกฎระเบียบ ทุกอย่างทั้ง กิน อยู่ หลับ นอน และเรียน ต้องอยู่ในคอนโทรลหมด พอเด็กไทยไม่มีความอดทน แพ้ต่อสิ่งเย้ายวน มันก็ไปต่อไม่ได้”

“ฟุตบอลไทย เป้าหมายผมไม่ได้คิดถึงบอลโลกหรอก คิดแค่ว่าสามปีต่อจากนี้ ให้เด็กชุดยู-17 ที่จะไปเล่นยู-20 ในปี 2025 ขึ้นไปเป็นท็อป 10 ของเอเชียให้ได้ เท่านี้ผมก็มองว่าผมทำได้เยอะแล้ว”

เมื่ออายุได้ 9 ขวบ ชโนทัย ที่มีฝันในการเป็นนักเตะอาชีพ ก็ตัดสินใจไปคัดเลือกเข้าอคาเดมี่ของ ปราสาทสายฟ้า พร้อมกับเพื่อนซี้แถวบ้านอย่าง เวฟ-ดุษฎี บูรณะจุฑานนท์ ซึ่งกว่าจะได้ไปจริงก็เข้าสู่รอบสองที่เปิดให้แก้ตัวแล้ว เนื่องจากไปไม่ทันรอบแรกเพราะติดภารกิจการสอบ

สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็ผ่านการคัดเลือก จากเยาวชนหลักเป็นพันๆ คน แล้วกลายร่างเป็นเหล่า ลูกเจี๊ยบสายฟ้า ล่าฝันต่อไปได้สำเร็จ แถมยังดูเป็นเหมือนเรื่องบังเอิญไม่น้อย ที่ทั้งสองคนกำลังดำเนินไปตามแผนที่ประธานสโมสรอย่าง ลุงเน วางแปลนเอาไว้ เป็นขุนพลทีมชาติไทยยู-17 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศรายการชิงแชมป์เอเชียได้อีกด้วย

ก้าวต่อไปตามรอยรุ่นพี่

ก่อนที่ ชโนทัย จะกลายมาเป็นคีย์แมนของทัพช้างศึก ยู-17 เส้นทางการค้าแข้งของเขา ต้องผ่านด่านการฝึกอบรมในอคาเดมี่ของ บุรีรัมย์ ไม่ต่างกับรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จไปแล้ว หรือเพื่อนร่วมรุ่นรายอื่นๆ ด้วยการลงเล่นในเวทีระดับ ยูธ ลีก หรือลีกเยาวชน

แต่เนื่องด้วยปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้โปรแกรมการแข่งขัน หรือ การจัดการต่างๆ มีความกระท่อนกระแท่นมากกว่า หากเทียบกับสถานการณ์ปกติทั่วไป ซึ่งถ้าหากย้อนไปดูเรื่องสถิติของเขาในหลายช่วงวัย จะเห็นว่า วินเนอร์ เป็นคนที่มีชื่อขึ้นอยู่บนสกอร์บอร์ดเป็นประจำ

โดยรายการสำคัญที่ทำให้ฝีเท้าของเขา ไปเตะตาสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติ คือ ไทย-เดนมาร์ก ยู-15 ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ ที่แม้ว่าจะไปไม่ถึงฝั่งฝันในการคว้าแชมป์ แต่ผลงานส่วนตัวของเขาที่กดไป 5 ประตู ก็ดีพอจะเปิดประตูสู่ทีมชาติได้สำเร็จ

แน่นอนว่ารุ่นพี่ที่เป็นเด็กสร้างของ ปราสาทสายฟ้า แท้ๆ ที่เป็นไอดอลของเหล่าลูกเจี๊ยบสายฟ้า รุ่นที่พัฒนาต่อๆ กันมา คงหนีไม่พ้น เช็ค-สุภโชค สารชาติ ที่ย้ายไปเล่นในศึก เจ ลีก กับสโมสร คอนซาโดเล่ ซัปโปโร แล้วเพิ่งลงเป็นตัวจริงในลีกเกมแรกไปหมาดๆ หลังต้องต่อสู้อดทนมานานแสนนาน

รวมไปถึง แบงค์-ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่มีโปรแกรมบินไปประเทศอังกฤษ เพื่อเตรียมเซ็นสัญญาเป็นนักเตะในสังกัดของสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ตามการคาดการณ์ของสื่อหลายเจ้าในประเทศไทย ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรพลิกโผ

พอมาสังเกตสไตล์การเล่นของ วินเนอร์ ยามลงสนามแล้วนั้น มีหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับ แบงค์ อยู่ไม่น้อย ทั้งการฉีกตัวเองออกมาหาพื้นที่ว่างด้านข้าง จังหวะการกระชากใช้ความเร็ว ซึ่งในภายหลังเจ้าตัวก็ออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับตามตรงว่าตัวของเขามีนักเตะไทยเป็นต้นแบบในการเล่นถึงสองคน

“นักเตะที่เป็นไอดอลของผมในประเทศไทยก็มี ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ธีรศิลป์ แดงดา ผมพยายามใช้จุดเด่นของตัวเองอย่างเช่นการวิ่งช่องและความเร็วที่มีอยู่ช่วยทีมให้ได้”

“ผมอยากพัฒนาเรื่องการจบสกอร์ ความฟิต และ ความแข็งแกร่งของร่างกายให้ดียิ่งขึ้น ฝากแฟนบอลทีมชาติไทยให้เอาใจช่วยพวกเราด้วย”

ก้าวแรกของเขากับการเป็นขุนพลทีมชาติ ถือว่า วินเนอร์ มีจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยมทีเดียว

แม้จะไม่สามารถผ่านเกาหลีใต้ไปได้ แต่เรื่องทักษะการเล่นทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอลของเขาอาจจะทำให้ทางต้นสังกัดอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ดันเขาขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศในการเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ในอนาคตอันใกล้ก็เป็นได้

ฮีโร่นอกสนาม

ชโนทัย รู้ดีว่าการมีความฝันนั้นสำคัญกับเยาวชนรุ่นหลังขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงพร้อมมอบน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ส่งมอบไปถึงน้องๆ ผู้ด้อยโอกาส ด้วยการส่งต่อรองเท้าผ้าใบให้กับน้องๆ ที่อยู่ในจังหวัดชัยนาท เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอล

หวังสร้างฝันและเป้าหมายให้กับเด็กๆ กลุ่มนี้ ได้พัฒนาฝีเท้าของตนเอง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ แล้วปูทางในการไปคัดเลือกกับสโมสรในพื้นที่ต่อไป ซึ่งถ้ามีใครทำตามฝันได้สำเร็จ ก็จะมีสิทธิ์กลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมชาติไทยในอนาคตได้อีกด้วย

เชื่อว่าทัศคติอันยอดเยี่ยมของ วินเนอร์ รวมไปถึงความมุ่งมั่นและพยายามแบบไม่มีหยุดยั้ง จะเป็นประโยชน์ในเส้นทางการค้าแข้งของเขาได้แน่นอน แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน เทียบชั้นรุ่นพี่ๆ ได้หรือไม่ ต้องรองให้กาลเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.facebook.com/108football

https://www.youtube.com/watch?v=2NZolRIT3xg
https://www.youtube.com/watch?v=1YO-xBlWQL0&t=1s
https://www.youtube.com/watch?v=V5NKKJiOdJU

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ยุคนั้นมีใครบ้าง : ตามหาเเข้งไทยยู-17 ที่ไปเล่นบอลโลก 1999

Outside In : ฟุตบอลโลก U17 1999 ทัวร์นาเมนต์ล่าสุดที่ไทยไปโชว์ฝีเท้าในระดับโลก

“ถ้าเขามีผู้เล่นชุดที่ดีที่สุด” : มุมมอง ‘โค้ชอ๊อตโต้’ ถึง ‘มาโน่’ ช่วงแฟนบอลเริ่มเสียงแตก

“โค้ชอ๊อตโต้” : กุนซือวัย 26 ปีผู้คืนชีพ ชัยนาท เอฟซี ด้วย “เข็มทิศแห่งอนาคต”

เทพนิยายภูธร : ‘สโมสร ดอนมูล’ ตำนานทีมระดับตำบลผู้พิชิตแชมป์ เอฟเอ คัพ

เมื่อครั้งหนึ่ง “อิชิอิ” เคยทำงานในโรงอาหาร หลังคว้ารองแชมป์สโมสรโลก

คล้ายตรงไหนบ้าง? : ศุภณัฏฐ์ นักเตะเงา โลซาโน่ ในสายตาสื่อต่างประเทศ

เวียดนามกร้าวก่อนซีเกมส์ : "4 ปีก่อน ทรุสซิเย่ร์ ก็เคยพาทีมเวียดนามยู 19 เอาชนะไทยมาแล้ว

เก่งในสนามไม่พอ : สาเหตุใด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ถึงครองความยิ่งใหญ่ได้แบบยั่งยืน ?

บุรีรัมย์ ยังห่างแค่ไหน ? 10 สถิติไร้พ่ายนานที่สุดในโลก ณ ตอนนี้