สู้ได้เยี่ยม… แต่ยังขาด ? : จุดอ่อนทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่โดน ซีเรีย และ ยูเออี เปิดแผล

สู้ได้เยี่ยม… แต่ยังขาด ? : จุดอ่อนทีมชาติไทยชุดใหญ่ที่โดน ซีเรีย และ ยูเออี เปิดแผล
วิสูตร ดำหริ

จบลงไปแล้วสำหรับฟุตบอลอุ่นเครื่องตามปฏิทินฟีฟ่า เดย์ จาก 2 เกมที่ลงเล่นทีมชาติไทย ต้องแพ้ให้กับ ซีเรีย 1-3 และ ยูเออี 0-2

หากมองจากสกอร์อาจจะดูแล้วห่าง แต่ถ้าในรูปเกมทีมชาติไทยสามารถเล่นได้ดีทั้ง 2 เกมที่พบกับ 2 ชาติจากอาหรับ มีเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ และนี่คือสิ่งที่เราเห็นจากทั้งสองเกม

ติดตามที่นี่

1. รูปแบบการเข้าทำ

รูปแบบการเข้าทำนั้นสำคัญมากสำหรับฟุตบอลสมัยใหม่ เพราะต่อให้คุณจะมีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวดีแค่ไหน แต่ในวันที่คู่แข่งตั้งรับ 2 ชั้นในกรอบเขตโทษตัวเอง สิ่งที่จะทำให้ผ่าแนวรับเข้าไปได้คือรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลาย การเคลื่อนที่เกมรุกที่มาจากการซักซ้อมโดยเฉพาะ หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็คงจะคล้าย ๆ กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงปี 2018-19  ที่สามารถโจมตีแนวรับคู่แข่งจากทุกทิศทาง และทุกรูปแบบ

วันไหนที่ตัวรุกเลี้ยงกินตัวเข้าไปยิงไม่ได้ พวกเขายังมีวิธีเล่นแบบใช้ตัวสอดเข้ามาในกรอบเขตโทษเพื่อทำหน้าที่ตัวจบสกอร์แทน วันไหนที่ตัวสอดโดนจับได้ พวกเขาก็ยังมีลูกครอสแบบเออร์ลี่ครอสที่แม่นยำ และต่อให้ไม่มีวิธีไหนเจาะได้ พวกเขาก็จะมีลูกตั้งเตะที่ได้ประตูจากจุดนี้ประจำ ไม่ว่าจะเป็นการยิงโดยตรง หรือการโยนโหม่งในลักษณะของลูกเตะมุม

ทีมชาติไทยชุดนี้รูปแบบการเข้าทำยังน้อยเกินไป และการเจอกับทีมที่เขาอ่านเรามาว่าเราจะมาบุกใส่อย่าง ซีเรีย และ ยูเออี ก็จะเห็นได้ว่าพวกเขาเน้นการตั้งรับลึกและวัดด้วยบอลยาวในจังหวะที่นักเตะของเราเทขึ้นไปเล่นเกมรุก ซึ่งนั่นก็เป็นการแก้ทางของคู่แข่ง ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างโอกาสของพวกเขา ซึ่งไม่จำเป็นต้องครองบอลกดดันอะไรเยอะ แต่ก็สร้างโอกาสการยิงประตูแบบ xG ได้พอ ๆ กับทีมชาติไทยเลยด้วยซ้ำ

2. ความเฉียบคม

ไม่มีอะไรจะอันตรายไปกว่าการพยายามยิงประตูแล้วไม่สามารถยิงได้อีกเเล้ว สิ่งนี้นอกจากจะเป็นการทำให้คู่แข่งยังอยู่ในเกมแล้ว มันยิ่งบั่นทอนสภาพจิตใจฝ่ายที่พยายามยิงประตูอีกด้วย เพราะเมื่อยิงเท่าไหร่ก็ไม่เข้า ความกดดันก็จะสะสมไปเรื่อย ๆ จนเกิดความไม่มั่นใจในโอกาสครั้งต่อ ๆ ไป

โดยในเกมกับ ซีเรีย และ ยูเออี ทีมชาติไทยเองก็มีโอกาสต่อเกมได้เข้าไปยิงประตูอยู่หลายคน แต่ไม่สามารถทำได้เลย ซึ่งปลายทางก็อย่างที่เราเห็น เมื่อเราไม่เฉียบขาดกับทีมระดับเอเชีย มันย่อมมีราคาต้องจ่าย ทั้ง ซีเรีย และ ยูเออี ไม่ได้มีรูปแบบการเข้าทำที่เป๊ะ ๆ และสวยงามเหมือนกับชาติแถวหน้าของเอเชีย แต่ถึงจะไร้ความสวยงามพวกเขาก็ยังมีประสิทธิภาพเข้ามาทดแทน ซึ่งพวกเขาเอาอยู่ เมื่อเจอคู่แข่งอย่างไทยที่ประสบการณ์ในเกมระดับสูงมีไม่มากนัก จนสุดท้ายก็ชนะได้ด้วยความเฉียบคมทั้ง ๆ ที่รูปเกมเป็นรองทีมชาติไทยทั้งคู่

3. เตรียมแผนสำรองไว้บ้าง

การพยายามเล่นเกมบุกเป็นเรื่องที่ดีของทีมชาติไทยชุดนี้ แต่บ่อยครั้งที่การบุกของเรากลายเป็นดาบสองคมทำร้ายตัวเอง เพราะเราใช้นักเตะในเกมรุกเยอะ แบ็ค 2 คนขึ้นไปเล่นร่วมกับปีก กองกลาง 2 คน ขึ้นไปเยือนดักสูงเพื่อช่วยกันเล่นเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง (เสียบอลเมื่อไหร่ พยายามแย่งคืนทันที) ซึ่งวิธีการเล่นเล่นแบบ เคาน์เตอร์ เพรสซิ่ง นั้นเป็นศาสตร์ที่ใช้กันทั้งโลกในโลกของโมเดิร์นฟุตบอล

อย่างไรก็ตามการจะเล่น เคาน์เตอร์ เพรสซิ่ง ให้ดีนั้นจำเป็นจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ แรง สมาธิ รวมถึงแผนรองรับในเวลาที่พยายามแย่งเเล้วแย่งคืนกลับมาไม่ได้ ขอยกตัวอย่างคำพูดของ ราล์ฟ รังนิก อดีตกุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เป็นคนแรก ๆ ที่ใช้ปรัชญาเคาน์เตอร์เพรสซิ่ง (เกเก้นเพรส ในภาษาเยอรมัน) โดย รังนิก ที่ปัจจุบันคุมทีมชาติออสเตรีย บอกว่า เขาจะให้นักเตะของเขาพยายามรุมแย่งบอลกลับมาให้ได้ทันทีหากทีมเสียการครอบครองบอลในเเดนคู่แข่ง แต่เขาจะมีเวลาให้ราว 6 วินาที ถ้าใน 6 วินาทีนี้แย่งคืนไม่ได้ เขาจะให้นักเตะเลือกถอยกลับมาปักหลักเพื่อเล่นเกมรับ เพราะการพยายามยิ่งไล่แล้วยิ่งหาไม่เจอ หากคู่แข่งตีโซนเพรสซิ่งแตกเมื่อไหร่ จังหวะที่คู่แข่งจะได้บอลสวนกลับแบบสถานการณ์ตัวรุก รุมนักเตะเกมรับมีโอกาสเกิดขึ้น ซึ่งจังหวะแบบนี้มีโอกาสเสียประตููสูงมาก

4. การรับมือกับลูกตั้งเตะและลูกกลางอากาศ

ถือเป็นปัญหาของทีมชาติมาทุกยุคเลยก็ว่าได้ในการเจอกับทีมที่มีคุณภาพนักเตะและอันดับโลกสูงกว่า หลายครั้งเกมเราไม่เป็นรอง สร้างโอกาสบุกได้ และป้องกันแบบโอเพ่นเพลย์ได้ดี แต่เมื่อตัดกลับมาที่จังหวะเซ็ตพีซ เรามักจะเห็นการปล่อยให้คู่แข่งเหล่านี้ขึ้นเล่นแบบง่าย ๆ กระโดดโขกเดี่ยว ๆ อยู่เป็นประจำ

ในอดีตเราอาจจะกล่าวอ้างเรื่องนักเตะของเราตัวเล็ก หรือเสียเปรียบด้านสรีระ ทว่าในยุคนี้มีโค้ชลูกตั้งเตะโดยเฉพาะ เพื่อช่วยกลบจุดอ่อนด้านร่างกาย ยกตัวอย่างง่าย ๆ นักเตะที่ตัวสูงแค่ 170 ต้น ๆ อย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ และ ลุค ชอว์ ยังเป็นนักเตะที่เคลียร์บอลจากจังหวะเซ็ตพีซให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้บ่อย ๆ เหตุผลก็เพราะว่าพวกเขามีการซักซ้อม มีการศึกษาคู่แข่ง มีการเลือกตำแหน่งการยืนการประกบตัวให้เหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อซ้อมกันบ่อย ๆ โอกาสเสียประตูจากลูกตั้งเตะก็จะน้อยลง แน่นอนว่ามันไม่มีวิธีไหนกันได้ 100% แต่การเตรียมพร้อม จะทำให้คุณสามารถลดจุดอ่อนที่เคยมีได้ไม่มากก็น้อย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใจได้ สู้สนุก : 5 แข้งไทยยู 23 ฟอร์มเยี่ยมเกมดวล ซาอุดิอาระเบีย

โจนาธาร เข็มดี : เซนเตอร์พันธุ์ห้าวดาวดวงใหม่ทัพช้างศึก

ไม่มีเกมแต่มีของ : ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ไพ่เด็ดทีมชาติไทยชุดยู-23

จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว

แชร์บทความนี้
ฟุตบอล, อนิเมะ, กาแฟ
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ