ถอดรหัส เร็กซ์แฮม : คนดังซื้อทีมฟุตบอล...ทำยังไงให้สำเร็จ ?

ถอดรหัส เร็กซ์แฮม : คนดังซื้อทีมฟุตบอล...ทำยังไงให้สำเร็จ ?
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

แฟนบอลที่ติดตามข่าวจากสื่อต่างประเทศ คงจะได้เห็นคลิปที่เป็นไวรัลออนไลน์ เกี่ยวกับสโมสร เร็กซ์แฮม ผ่านตากันไปบ้างในช่วงนี้ จากการที่ ไรอัน เรย์โนลด์ และ ร็อบ แม็คเอเลนนี่ย์ สองเจ้าของร่วม มีการวิดีโอคอลผ่าน สไกป์ ไปหา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องการโปรโมทเกมอุ่นเรื่องระหว่าง ปีศาจแดง กับ เร็กซ์แฮม ที่จะจัดขึ้นที่เมือง ซานดิเอโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 25 กรกฎาคมที่จะถึงนี้ แต่มีแอบหยอดแก๊กฮาๆ เรื่องการลืมเปิดไมค์ของสองเจ้าของร่วมที่มีดีกรีเป็นดาราฮอลลีวู้ด

สถานการณ์ของ เร็กซ์แฮม ที่เล่นอยู่ในศึก เนชั่นแนล ลีก ประเทศอังกฤษ ซึ่งจะนับว่าเป็นทีมนอกลีกก็ไม่ผิด ตอนนี้พวกเขาเลื่อนชั้นสู่ระบลีกของอังกฤษเรียบร้อยแล้ว ในฤดูกาลหน้าพวกเขาจะได้ไปเล่นในระดับลีกทูตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยการพัฒนาขึ้นของสโมสรนี้ มีผลจากการได้สองเจ้าของทีมเข้ามาเทคโอเวอร์ตั้งแต่ปี 2021

เรื่องราวบ้าๆ เริ่มต้นขึ้นจาก แม็คเอเลนนี่ย์ ซึ่งมีอาชีพเป็นผู้กำกับ ดารา และ นักเขียนบทภาพยนตร์ ชาวอเมริกัน กำลังทำงานเกี่ยวกับซีรี่ส์ซิตคอมเรื่องใหม่ในปี 2019 เพื่อป้อนให้กับ แอปเปิ้ลทีวี อยู่ในออฟฟิศ เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมกันทีมงานหลายชีวิต

PHOTO : IMDB - ฮัมฟรี่ย์ เคอร์ ผู้จุดประกายไอเดีย

ปรากฏว่า ฮัมฟรี่ย์ เคอร์ สามีของ เมแกน กานซ์ เพื่อนร่วมงานของเขาที่ร่วมสร้างซีรีส์อันโด่งดังชื่อว่า It’s Always Sunny. ได้บอกเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการดูฟุตบอลคู่ระหว่าง ลิเวอร์พูล ปะทะกับ บาร์เซโลน่า ว่า มันน่าตื่นเต้นมากแค่ไหนที่มีสองทีม ต้องต่อสู้กันแบบขับเคี่ยวทุกนาทีแบบฉากต่อฉาก หวังเพื่อแลกเปลี่ยนไอเดีย สร้างแรงจูงใจใหม่ๆ ให้กับ ร็อบ ได้เข้าใจความรู้สึกอันน่าระทึก

แต่กลายเป็นว่าเรื่องราวมันบานปลายไปไกลกว่านั้น ร็อบ ดันคิดว่า การมีทีมฟุตบอลเป็นของตัวเอง มันคงจะเป็น “ความเท่ระดับสุดยอด” แต่เนื่องด้วยตัวเองไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับกีฬานี้เลย เพราะเติบโตมาในสังคม อเมริกัน เกมส์ ที่มีกีฬายอดนิยม คือ เบสบอล, อเมริกันฟุตบอล และ บาสเก็ตบอล เขาจึงต้องเริ่มหาความรู้ใหม่ตั้งแต่ต้น

เขาเริ่มทำความเข้าใจใหม่ตั้งแต่ระบบของลีก ที่แตกต่างจาก อเมริกัน เกมส์ แบบสิ้นเชิง ศึกษาจากลีกชั้นนำในอังกฤษ ไล่เรียงลงไปเกี่ยวกับระบบการเลื่อนชั้นตกชั้น การซื้อตัวผู้เล่น รวมไปถึงรายละเอียดต่างๆ อีกมากมาย

พอเข้าช่วงระบาดของโรค โควิด-19 เลยพยายามหาหลักสูตรทางลัด แล้วก็ไปลงเอยกับการดูภาพยนตร์ใน เน็ตฟลิกซ์ ที่สร้างมาจากเรื่องจริงชื่อว่า “Sunderland till I died” จากคำแนะนำของ เคอร์ คนดีคนเดิมที่ปลุกไฟในตัวเขาให้ลุกโชนขึ้นมา

จากแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ที่แสดงให้เห็นถึงการต่อสู้ของทีมเล็กๆ จากลีกล่าง จนสามารถไต่เต้าขึ้นสู่ลีกสูงสุดภายในเวลา 13 เดือน พร้อมเรื่องราวประวัติศาสตร์เบื้องหลังของทีม ที่มีแฟนบอลเดนตายคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ในที่สุด ร็อบ ก็ตัดสินใจว่า ทีมฟุตบอล ที่เขาต้องการจะซื้อ ต้องมีคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกับ ซันเดอร์แลนด์ จึงพยายามใช้ทั้งแรงเงิน และ แรงงาน ตามหาสโมสรที่ตรงสเปคผ่านทางช่องทางต่างๆ มากมาย ทั้งสำนักงานให้คำแนะนำด้านกีฬา ยาวไปจนถึงใช้ฐานข้อมูลจากเกม ฟุตบอล เมเนเจอร์ ท้ายที่สุดก็ไปลงเอยกับสโมสรที่มีชื่อว่า เร็กซ์แฮม ที่มีแฟนบอลกว่า 1,300 คน เป็นกลุ่มที่เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมในปี 2011

PHOTO : Huffpost

อย่างไรก็ตาม ร็อบ นั้นต้องการมองหาหุ้นส่วนในการเป็นเจ้าของร่วม แล้วพอนึกถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงที่เขาพอรู้จักอยู่บ้าง ชื่อของ ไรอัน เรย์โนลด์ส ผู้รับบทฮีโร่ เด๊ดพูล ที่มีรายได้มหาศาลในหลากหลายแวดวงธุรกิจ ก็แวบเข้ามาเป็นตัวเลือกแรก เลยตัดสินใจส่งข้อความไปเชิญชวน

ความจริงแล้วทั้งสองคนนี้ ไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆ สักครั้งเดียว มีเพียง ไรอัน ที่ส่งข้อความไปชื่นชมผลงานการกำกับซีรีส์ของ ร็อบ ก่อนหน้านี้เท่านั้น เพราะมันทำให้เขารู้สึกเข้าถึงแก่นของอารมณ์ที่หลากหลาย จนประทับใจสุดๆ

แต่การชวนปากเปล่าแบบไม่ให้ข้อมูลของ ร็อบ ทำให้ทาง ไรอัน ต้องปฏิเสธแบบอ้อมๆ เพราะมองไม่เห็นภาพว่า จะทำให้สโมสรที่ชื่อว่า เร็กซ์แฮม นั้นโด่งดังขึ้นมาได้อย่างไร? และเพราะอะไร? แบบเป็นขั้นเป็นตอน

สุดท้ายทั้งคู่ใช้การพูดคุยแบบเปรียบเทียบถึงสมัยที่ ไรอัน เคยรับบทเป็น กรีน แลนเทิร์น แล้วได้รับกระแสตอบรับจากแฟนๆ ที่แย่เอามากๆ แล้วต้องใข้เวลากว่า 10 ปี ในการเสนอโปรเจ็คท์ทำหนังเรื่อง เด๊ดพูล ให้ผ่านเกณฑ์ของ สตูดิโอ ที่จะเข้ามาเป็นนายทุน

มันแสดงให้เห็นถึงสปิริตการต่อสู้ของคนที่ไม่ยอมแพ้ แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาไต่เต้านานแค่ไหนก็ตาม แล้วทาง ไรอัน ก็เก็ตไอเดียดังกล่าว หลังจากนั้นโปรเจ็คท์อันน่าเหลือเชื่อของทั้งคู่ก็เริ่มต้นขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมปี 2020 แล้วตั้งเป้าว่าจะขึ้นสู่ลีกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้ได้ในปี 2025

พวกเขาทั้งคู่มีวิธีการสร้าง เร็กซ์แฮม จากศูนย์ให้ไปถึงสิบที่ตั้งเป้าไว้แบบไหน? สโมสรในไทยสามารถนำโมเดลนี้ไปทำประโยชน์อะไรเพื่อพัฒนาลีกฟุตบอลบ้านเราได้บ้างหรือไม่? ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง

การใช้งบประมาณจำกัดพัฒนาเป็นขั้นตอน

ประวัติศาสตร์เบื้องหลังของ เร็กซ์แฮม นั้นไม่ธรรมดา เพราะเป็นสโมสรที่เก่าแก่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศเวลส์ รวมไปถึงเป็นทีมฟุตบอลที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเป็นอันดับที่สาม ที่มีกลุ่มแฟนรักทีมแบบเดนตายคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

ทั้งคู่ยื่นข้อเสอนขอซื้อ เร็กซ์แฮม ด้วยการลงเงินเท่าๆ กันคนละ 1.2 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ (ตีเป็นเงินไทยประมาณ 41.124 ล้านบาท) เป็นการลงเงินแบบทิ้งเปล่าๆ ขายต่อไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ หมายความว่า ต้องร่วมหัวจมท้ายกันไปถึงที่สุดนั่นเอง

กว่าจะได้รับการอนุมติจากกลุ่มแฟนบอลที่ถือหุ้นอยู่ พวกเขาก็ต้องรอถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 ขั้นตอนการเทคโอเวอร์จึงเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจำนวนเงินดังกล่าวสามารถล้างหนี้ให้กับทีมที่คงค้างอยู่ได้ทั้งหมด

ระหว่างที่ยังไม่ได้เดินทางมายังสโมสร ทั้งคู่ต้องชมไฮไลท์การแข่งขันของทีมผ่าน Youtube ซึ่งทาง ไรอัน เรย์โนลด์ส กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“ถ้าคุณต้องชมไฮไลท์การเล่นช่วงดีๆ ของทีม ผ่านทางการติดตามฟีดห่วยๆ ของ Youtube เป็นปีๆ”

“แล้วพอคุณได้เยือนที่นี่จริงๆ มันน่าทึ่งที่สนามดูใหญ่กว่าการดูผ่านจอเยอะมากๆ ซึ่งผมหมายถึงขนาดรูปร่างของมันนะ
“ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะรับรู้ได้ถึงความขลังของประวัติศาสตร์ที่ถักทอลงไปในสแตนด์ฝั่งต่างๆ ตามเสาตามคานที่มีร่องรอยการใช้งาน มันเป็นมรดกตกทอดที่ส่งผ่านกันมาตามยุคสมัย”

งานแรกของพวกเขาที่ควักเงินเพิ่มเติม คือ การลงเงิน 5หมื่นปอนด์ให้กับทีมหญิง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองคนใส่ใจทุกรายละเอียดของสโมสรไม่ต่างกัน

ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่เดือนเดียว ก็มีการนำป้ายโฆษณาแอลอีดี มาติดตั้งที่สนามเหย้า เรซคอร์ส กราวด์น ซึ่งเป็นจอที่ใช้ที่สนามเวมบลีย์ ที่ทีมเคยไปเยือนในปี 2015 มาเพิ่มแรงจูงใจและใช้งานจริง สื่อความหมายว่า อีกไม่นานจะได้ไปเยือนสนามนั้นอีก

ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในสนามให้มีความทันสมัย อะไรที่เสียก็จัดการซ่อมให้เรียบร้อย รวมไปถึงการขออนุญาติสภาเมือง ติดตั้งที่นั่งเพิ่มเติมอีก 5,500 ที่นั่งให้กับแฟนบอล ซึ่งทุกอย่างผ่านฉลุยไปด้วยดี โดยทั้งคู่กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า

“พวกเราสามารถพัฒนาทีมให้ก้าวไปข้างหน้าได้ เริ่มต้นจากการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่หมดสภาพไปแล้ว”

“พวกเราต้องขอขอบคุณคณะกรรมการที่ตัดสินผลออกมาเป็นบวก รวมไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติเรื่องที่ทางสโมสรของเราได้แนบเอกสารไป”

นอกจากนี้ยังเปิดให้คนทั่วโลกสามารถลงทะเบียนเป็นสมาชิกของ เร็กซ์แฮม ได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเป็นช่วงสั้นๆ ซึ่งตัวเลขที่ออกมาสูงถึง 18,226 คน จาก 76 ประเทศเลยทีเดียว

เซ็นสัญญากับ Tiktok ให้เข้ามาเป็นสปอนเซอร์เสื้อแข่งรายใหม่ ส่วนผู้สนับสนุนเดิมก็มีการถนอมน้ำใจให้ไปสนับสนุนกางเกงแทน รวมไปถึงการเซ็นสัญญากับ อีเอ สปอร์ต ในเกม ฟีฟ่า 22 จนมีทีม เร็กซ์แฮม ให้เลือกเล่นได้อยู่ในหมวดประเทศ Rest of the world

ปรับเปลี่ยนทีมงานสตาฟฟ์จ้าง ฟิล พาร์กินสัน มานั่งแท่นผู้จัดการทีม โดยมี สตีฟ พาร์กิ้น เป็นผู้ช่วย พร้อมดึงตัวดาวซัลโวจาก ลีก ทู อย่าง พอล มัลลิน มาเป็นกำลังสำคัญในแดนหน้า เช่นเดียวกับ โรซี่ ฮิวจ์ส ที่เข้ามาเป็นความหวังใหม่ให้กับทีมหญิง

PHOTO : YorkshireLive

เจ้าของทีมอย่าง ไรอัน เรย์โนลด์ส มีการเซอร์ไพรส์แฟนบอล ด้วยการเข้ามาเยี่ยมชมเกมการแข่งขันของทีมถึงสนามแบบไม่บอกไม่กล่าว แถมยังมีช่วงเวลาออกไปทักทายแฟนบอลของทีมอีกด้วย เพื่อสร้างสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับแฟนบอล

รวมไปถึงการเยี่ยมเยียนการซ้อมของลูกทีม หากทำผลงานได้น่าพอใจจะมีการทิปเงินเป็นโบนัสให้เล็กๆ น้อยๆ เป็นกำลังใจ แถมยังมีการออกไปเยี่ยมชมเมืองตามท้องถนนเพื่อพบปะผู้คน แจกลายเซ็นให้กับแฟนๆ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจแบบทั่วถึง

ทุกอย่างที่พวกเขาทั้งคู่วางแผนแบบเป็นขั้นเป็นตอน แทบไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่มเติมอะไรมากมาย แต่สามารถสร้างสถิติผู้ชมเข้ามาดูเกมที่สนามในระดับ เนชั่นแนล ลีก เป็นประวัติการถึง 9,813 คนเลยทีเดียว

เมื่อเทียบกับสิ่งที่ซูเปอร์สตาร์ในเมืองไทยอย่าง หม่ำ จ๊กมก หรือ คุณ เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา ที่ถูกแต่งตั้งให้เป็นประธานสโมสร ยโสธร เอฟซี สโมสรในศึก ไทย ลีก 4 โซนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นั้นมีความแตกต่างกันเรื่องความใส่ใจอยู่ไม่น้อย

แม้ว่าโมเดลเริ่มต้นจะคล้ายๆ แต่บริบทความจริงจังมันต่างกัน จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อไว้ว่า

"ในตอนแรกผู้ใหญ่ในจังหวัด ไม่รู้ว่าจะหาใครมาทำทีมฟุตบอลของจังหวัด เพราะเงื่อนไขของสโมสรนักการเมืองมาเป็นประธานสโมสรไม่ได้ และจะเลิกทำทีมฟุตบอลกันแล้ว แต่ก็กลัวว่า เด็กๆ ในจังหวัดจะไม่มีกิจกรรมทำ กลัวไม่มีทีมเชียร์"

PHOTO : ไทยรัฐออนไลน์
"ทางผู้ใหญ่ก็บอกว่า หม่ำ มึงเหมาะแล้ว มึงเหมาะที่สุดแล้ว ในจังหวัดมีมึงผู้เดียว คุยกันนาน 2 เดือน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง สุดท้ายก็มาๆ อะไรก็ได้ที่ทำให้บ้านผม ยโสธรมีชื่อเสียง ผมยอมได้อยู่แล้ว เพราะทุกวันนี้ผมโปรโมทจังหวัดทุกรายการที่ไปออกเลย"

"ส่วนตัวชอบกีฬากอล์ฟ และสนุ๊กมากกว่า ฟุตบอลยังเป็นรองๆ แต่คิดว่าไม่ยาก เพราะประธานสโมสรหลายคนก็ไม่ได้เก่งฟุตบอล เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกับมันมากขึ้น แต่ว่าตอนนี้ เพิ่งเริ่มทำ ยังไม่ค่อยถนัดนัก ต้องอาศัยผู้ช่วยมาเตรียมความพร้อมให้ ค่อยๆ ศึกษากันไป เหมือนกับการทำหนังเรื่องแรก จะมีผู้ช่วยคอยแนะนำ ซึ่งเดือนหน้าจะเริ่มเข้าไปที่สโมสร ไปทำความคุ้นเคยกับลูกหลาน"

"ผมอาจจะปรับจิตปรับใจให้เด็กมีกำลัง อยากจะให้ขี่ม้าเร็วๆ เป็นจ๊อกกี้มือหนึ่ง ก็ต้องมีแรงกระตุ้น แต่ไม่ยาก เพราะมันเป็นทักษะของผมอยู่แล้ว ให้เด็กวิ่งเร็วขึ้น ให้เด็กมีความเอาใจใส่ขึ้น มีวินัย มีกฎมีระเบียบขึ้น มันไม่ยาก เราพูดทุกวันอยู่แล้ว เหมือนเล่นตลก เล่นหนัง เพียงแต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้เจอ ผมยังไม่ว่างเลย กำลังยุ่งอยู่"

"ตอนนี้เพิ่งคุยกันคร่าวๆ ก่อน แล้วก็จะสรุปเรื่องเงินเรื่องทองเดือนหน้า ว่าปีนี้เราจะใช้เท่าไหร่ ลิมิตในใจก็คงต้องมีอยู่แล้ว จะไปทำมากไปกว่านั้นก็คงไม่ได้ ต้องมีลิมิตของเราด้วย แต่ตอนนี้ยังมองอะไรไม่ออกเพราะมันเพิ่งเริ่ม"

แนวคิดการเอาคนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง มาสร้างฐานแฟนคลับเพื่อเรียกกระแสให้กับทีมฟุตบอลในจังหวัด เป็นแนวความคิดที่น่าสนับสนุน เพียงแต่ว่า ผู้มีอำนาจในบ้านเรา ควรจะคำนึงถึงรายละเอียดต่างๆ การจัดกิจกรรมแบบต่อเนื่อง ช่วงเวลาที่ว่างในการมาให้กำลังใจทีม ความรู้ความสามารถในการบริหาร ทุกอย่างมันสำคัญหมด ไม่สามารถจะเลือกเอาจากคนที่มีชื่อเสียงที่สุดเพียงอย่างเดียวได้

ถึงแม้ว่าจะมีการจัดแข่งขันฟุตบอลนัดพิเศษระหว่าง VIP ยโสธร เอฟซี ปะทะกับ ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ แต่มันก็เป็นเพียงการสร้างกระแสช่วงสั้นๆ ไม่มีการต่อยอดใดๆ เพิ่มเติม ไม่มีแผนงานต่อไปมารองรับ หากตั้งใจจะตีเหล็กตอนร้อน กว่ามันจะขึ้นเป็นรูปเป็นร่างให้ใช้งานได้จริง มันจะขาดความต่อเนื่องไม่ได้ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่พยายามทำลงไปก็จะสูญเปล่า เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น

ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์

จากการที่ ร็อบ และ ไรอัน สองเจ้าของทีมร่วมของสโมสร เร็กซ์แฮม เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถในวงการบันเทิง พวกเขาสามารถดึงเอาความเชี่ยวชาญของตัวเอง มาช่วยโปรโมทสโมสรได้ด้วยการลงทุนไม่มาก เพราะทั้งคู่ต่างเป็นนักแสดงและผู้กำกับ

การไปออกรายการโทรทัศน์ต่างๆ เพื่อแฝงเรื่องของการโปรโมททีม เป็นยุทธวิธีเบื้องต้นที่ใช้กันแน่นอน รวมไปถึงการเชิญชวนเพื่อนๆ ในวงการให้มาเชียร์ทีมที่สนาม หรือประกาศตัวเป็นแฟนบอล ก็สามารถเพิ่มฐานแฟนคลับได้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น วิลล์ เฟอร์เรล หรือ แจ็ค ไวท์ฮอลล์ สองดาราระดับฮอลลีวู้ด

นอกจากนี้ ร็อบ และ ไรอัน ยังมีการเริ่มต้นปล่อยข่าวสร้างกระแสเรื่องการถ่ายทำภาพยนตร์ ที่สนาม เรซคอร์ส ของพวกเขาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022 เนื่องจากเห็นว่า กระแสของทีมเริ่มจุดติดแล้ว จนสุดท้ายออกมาเป็นโปรเจ็คซีรีส์สารคดี “Welcome to Wrexham” ได้สำเร็จในตอนหลัง

Trailer : Welcome to Wrexham

สารคดีดังกล่าวมีตัวชูโรง คือ เจ้าของทีมทั้งสองคนเป็นตัวดำเนินเรื่อง พูดถึงขั้นตอนการผจญภัยในการเทคโอเวอร์สโมสรนี้ บวกกับเล่าถึงประวัติศาสตร์ แนะนำทีมสตาฟฟ์และนักเตะภายในทีม เรียกได้ว่าไม่ต้องเสียเงินจ้างนักแสดงเลยก็ว่าได้ ใช้แค่งบของการถ่ายทำเท่านั้น

แถมยังสามารถขายลิขสิทธิ์ให้กับหลายบริษัทเรียกทุนคืนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Disney+, Fx, Hulu และ Itunes พอกระแสตอบรับดีก็กำลังต่อยอดสู่ซีซั่นที่สอง กลายเป็นว่า โปรเจ็คท์นี้มีสิทธิ์สูงที่จะคืนทุน เผลอๆ อาจได้กำไรด้วยซ้ำ

โดยทั้ง ร็อบ และ ไรอัน ได้กล่าวถึงโปรเจ็คท์นี้ว่า

“มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการบริหารงานตั้งแต่แรกเริ่ม พวกคุณรู้กันดีอยู่แล้วว่าเราทั้งคู่คือนักเล่าเรื่อง ซึ่งกีฬาก็ถูกจดจำด้วยการเล่าเรื่องเช่นเดียวกัน ดังนั้นซีรีสืนี้จะมีส่วนอย่างมากกับการทำทีมของเรา”

“การเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวงการกีฬามันเป็นสิ่งที่อบอุ่นหัวใจ ทุกอย่างที่เป็นบริบทภายในเรื่อง อาทิ กาที่ผู้ชมได้รู้เรื่องราวลับๆ ภายในทีม การบอกเล่าว่านักเตะคนนี้คือใคร? มีใครอยู่เบื้องหลังการทำงาน บ้าง? การลงสนามเกมแรก เกมที่ร้อย หรือนัดสุดท้าย การเล่าเรื่องราวพวกนี้มันทรงพลังมากจริงๆ”

อย่างที่ทราบกันดีว่าบุคคลากรคนบังเทินในบ้านเรา ต่างมีความรู้ความสามารถในการทำภาพยนตร์หรือซีรีส์ ป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มต่างๆ มากมาย แล้วมีการทำหนังเกี่ยวกับกีฬาออกมาแล้วหลายเรื่อง ยกตัวอย่างเช่น หมากเตะโลกตะลึง หรือ ซาไก ยูไนเต็ด เป็นต้น

การจะอาศัยคอนเนคชั่นต่างๆ สร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับสโมสรฟุตบอล หรือเล่าเรื่องราวของนักเตะในบ้านเราสักหนึ่งคนขึ้นมาแบบสารคดี คงไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ

ถ้านำเอาองค์ประกอบต่างๆ มาจัดทำกันแบบจริงๆ จังๆ ตั้งใจจะทำให้มันออกมาดี เชื่อเหลือเกินว่า มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ยากเกินความสามารถ แค่ปรับแต่งองค์ประกอบต่างๆ ให้มันเหมาะสม แล้วยิ่งดาราและผู้กำกับหลายคน มีกลุ่มที่ชื่นชอบฟุตบอลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขอแค่ริเริ่มทุกอย่างย่อมเป็นไปได้

การใช้สื่อในมือช่วยโปรโมทองค์กร

สำหรับ ไรอัน และ ร็อบ ที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงอยู่แล้ว การขยับตัวของพวกเขาแต่ละครั้ง ย่อมเรียกความสนใจจากสื่อได้ไม่ยาก ดังนั้นพวกเขาก็แค่ใช้ช่องทาง โซเชี่ยล มีเดีย ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ต่อสมบัติของพวกเขา

ยกตัวอย่างเช่นการที่ ไรอัน ทวีตข้อความผ่านทางแอคเคาท์ ทวิตเตอร์ ของตัวเองว่า

“สองวันกับการใช้ชีวิตกับฟุตบอลที่เร็กซ์แฮม เห็นผู้คนใกล้หลักสองหมื่นคนเข้ามาชมเกมที่ เร็กซ์แฮม เก็บชัยชนะได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการที่ทีมหญิงของเราคว้าถ้วยแชมป์มาครองได้”

“เหล่าผู้เล่นทีมหญิงของเราทุ่มเทเกินร้อย ร็อบ และ ตัวผมเอง คงไม่สามารถจะรู้สึกภูมิใจหรือตื้นตันไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว”

แค่เพียงทวีตข้อความสั้นๆ สื่อในอังกฤษหลายเจ้า ก็นำไปเล่นข่าวต่อเนื่องกันแบบไม่หยุดไม่หย่อน ต่อประเด็นต่างๆ มาเชื่อมโยงถึงเจ้าของทีมและสโมสร เร็กซ์แฮม ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ต่างๆ ได้แบบไม่หยุดไม่หย่อน แล้วก็ครองพื้นที่แบบไม่ตกเทรนด์มาจนถึงตอนนี้

เป็นแนวทางเดียวกับการสไกป์หาทาง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพื่อโปรโมทแมตช์กระชับมิตร แค่เติมเรื่องการแสดงลงไปให้เป็นธรรมชาติเท่านั้น แทบไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณาเลยสักนิดเดียว คลิปของพวกเขาก็กลายเป็นไวรัลกระจายไปทั่ว เรียกยอดผู้ชมทั่วโลกได้นับไม่ถ้วน

ยิ่งไปกว่านั้นการทำโครงการ ซีเอสอาร์ ช่วยเหลือชุมชนในเมือง โปรโมทร้านค้า ถ่ายทำสารคดี อุดหนุนพ่อค้า-แม่ขาย ก็ช่วยในเรื่องการสร้างความนิยมให้กับสโมสรได้อีกทางหนึ่ง

PHOTO : Wrexham Leader

รวมไปถึงการจ้างงาน เคอร์รี่ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่หญิงฝ่ายประสานงานสำหรับผู้พิการ ซึ่งเป็นผู้พิการจริงๆ เข้ามา ด้วยแนวคิดที่ว่าคงไม่มีใครเข้าใจหัวอกคนเหล่านั้นเท่ากับผู้ที่มีประสบการณ์แบบเดียวกัน ยิ่งสร้างผลบวกด้านภาพลักษณ์ให้กับ ร็อบ และ ไรอัน มากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยการมอบโอกาสให้กับผู้ด้อยโอกาสทางสังคม

เคอร์รี่ ที่ปรากฏตัวอยู่ในสารคดีของสโมสร กล่าวถึงงานของเธอเอาไว้ว่า

“ฉันช่างไร้เดียงสาเอามากๆ ในเวลานั้น เนื่องจากรู้สึกไปเองว่า เจ้าหน้าที่ประสานงานผู้พิการอาจทำหน้าที่แค่กล่าวทักทายแฟนบอลในวันที่มีเกมการแข่งขัน แล้วไม่ต้องทำอะไรมากมาย ซึ่งฉันคิดว่าถ้าแค่นั้นคงทำได้”

“มีคนเข้ารับการสัมภาษณ์งานตำแหน่งนี้ทั้งหมด 7 คน แล้วมีฉันแค่คนเดียวที่เป็นคนพิการ กลายเป็นว่าฉันได้ตำแหน่งงานนั้นไป”

“ในช่วงเวลานั้นฉันรู้สึกอารมณ์ความรู้สึกมันท่วมท้นแบบบอกไม่ถูก เพราะฉันรู้สึกว่าตัวฉันไม่มีอะไรที่จะสามารถทุ่มเทให้กับโลกแห่งการทำงานได้เลย ด้วยความสัตย์จริง”

“ฉันยอมแพ้ไปแล้วจริงๆ กับชีวิตนี้ มันผ่านมานานกว่า 6 ปีครึ่งแล้วที่ฉันเคยทำงาน ซึ่งฉันเคยเป็นอาสาสมัครมาเป็นเวลา 5 ปีครึ่ง แล้วผ่านไปหนึ่งปีฉันก็รับรู้ได้เลยว่า หน้าที่ของฉันไม่ได้มีแค่การทักทาย แต่ฉันเป็นทีมงานคนหนึ่งของสโมสรแห่งนี้”

“ฉันรักงานนี้มากจริงๆ เหมือนกับการเจอความสามารถพิเศษที่ไม่เหมือนใคร รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้ดี ฉันคงทนเห็นตัวเองไม่ได้ทำงานที่นี่ไม่ได้แล้ว”

“ฉันรู้เลยว่า มันเป็นเหมือนวิชาชีพมากกว่างานทั่วๆ ไป เพราะมีประสบการณ์ทำงานเป็นเซลส์ขายรถมาก่อน”

อีแวนส์ เปิดเผยเรื่องราวของเธอผ่านทางการสัมภาษณ์ออนไลน์
“ถ้าฉันไม่ได้ตัดสินใจมาสมัครงานที่นี่ ชีวิตของฉันคงไม่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแบบนี้ การใช้ชีวิตของตัวฉันเองดีขึ้นกว่าเดิม”

“หลังจากที่ฉันผ่านเหตุการณ์อันน่าเศร้าจนกลายมาเป็นคนพิการ ตอนนี้ฉันรู้สึกเข้าถึงชีวิตครอบครัวของคนอื่นๆ และการใช้ชีวิตของพวกเขาแล้ว”

“ฉันพูดได้เลยว่าหน้าที่ของฉัน คือ การเป็นเสียงให้กับเหล่าคนพิการ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญกับตัวฉันมาก”

หากบุคคลที่มีชื่อเสียงวงการต่างๆ ในประเทศไทย หันมาใช้ประโยชน์จากเครื่องมือของตัวเองที่มีเป็นทุนอยู่แล้วอย่างคุ้มค่า เลือกว่าจะใช้แบบไหนที่ถูกที่ควร คงสามารถช่วยนำพาวงการต่างๆ ให้ก้าวหน้าไปได้ไม่ยาก รวมไปถึงวงการฟุตบอลที่มีเหล่าผู้มีอิทธิพลทางสื่อมากมายข้องเกี่ยวอยู่

ดังนั้นการวางแผนต่างๆ การบริหารงานแบบเป็นขั้นเป็นตอน การดำเนินงานแบบมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ด้นสดกันวันต่อวัน เป็นสิ่งที่ ไรอัน และ ร็อบ สองเจ้าของทีมจากสโมสร เร็กซ์แฮม กรุยทางเป็นแบบอย่างที่ควรเลียนแบบให้แล้ว แถมยังประสบความสำเร็จแบบเกินคาดอีกด้วย

ถ้าบุคคลากรในวงการฟุตบอลไทย จะลองนำเอาแนวคิดของพวกเขามาเป็นแบบอย่าง หวังให้เกิดการพัฒนาขึ้นในบ้านเราแบบจับต้องได้ คงไม่มีใครมาตำหนิว่าเป็นพวกขี้ก็อปแน่ๆ ถ้าผลลัพธ์มันออกมาดีในบั้นปลาย

บทความที่น่าสนใจ

ใจได้ สู้สนุก : 5 แข้งไทยยู 23 ฟอร์มเยี่ยมเกมดวล ซาอุดิอาระเบีย

โจนาธาร เข็มดี : เซนเตอร์พันธุ์ห้าวดาวดวงใหม่ทัพช้างศึก

ไม่มีเกมแต่มีของ : ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท ไพ่เด็ดทีมชาติไทยชุดยู-23

จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว





แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://workpointtoday.com/%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B3-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B8%B8%E0%B8%95/

https://www.thairath.co.th/scoop/1455501

https://www.youtube.com/watch?v=RuljZCV8RZU

https://www.leaderlive.co.uk/news/23310959.wrexham-afc-two-years-ryan-reynolds-rob-mcelhenney/

https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/wrexham-ryan-reynolds-rob-mcelhenney-29560419

https://www.gq.com/story/wrexham-fc-ryan-reynolds-rob-mcelhenney

https://theathletic.com/4295067/2023/03/25/wrexham-reynolds-mcelhenney-kerry-evans/?access_token=4781369&redirected=1

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ