U22 ใครว่าแย่ ? : ซีเกมส์กัมพูชาที่เหลี่ยมทุกดอกแล้วบอกเพื่อนกัน
เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกเพื่อนกัน คงเป็นประโยคฮิตในสังคม ที่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบกับสถานการณ์ศึก ซีเกมส์ 2023 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศกัมพูชา ระหว่างวันที่ 5-17 พฤษภาคมปีนี้ ได้แบบไม่ผิดเพี้ยนเท่าไหร่นัก หลังประเทศที่รับหน้าเสื่อจัดการแข่งขัน เริ่มแสดงเล่ห์เหลี่ยม เอื้อประโยชน์อิงเข้ากับชาติตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากเจ้าภาพ ขะแมร์ จะพยายามปรับเปลี่ยนจำนวนชนิดกีฬา และ จำนวนเหรียญทองให้ชิงชัย ล่าสุด ฟุตบอลชาย หนึ่งในกีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุด ถูกปรับเปลี่ยนกฏเพิ่มเติมแบบสดๆ ร้อนๆ ให้ใช้นักเตะอายุไม่เกิน 22 ปีลงทำการแข่งขัน โดยตัดโควต้านักเตะอายุเกินออกไป
กฏกติกาที่ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยอำนาจของเจ้าภาพครั้งนี้ ส่งผลอย่างไรต่อการแข่งขันในทิศทางใดบ้าง? ร่วมวิเคราะห์หาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง
เจ้าภาพหวังใช้อำนาจอิงประโยชน์ให้ตัวเอง
แน่นอนว่าชาติเจ้าภาพอย่าง กัมพูชา ย่อมหวังใช้อำนาจในการเป็นผู้จัดการแข่งขัน กำหนดทิศทางทุกอย่าง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองได้รับผลลัพธ์ที่ดีสูงสุด มีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งชาติอื่นๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนกฏกติกา บรรจุชนิดกีฬา ได้ตามชอบใจ
ความจริงแล้วความคิดเริ่มแรกของชาติอาเซียน ที่เข้าร่วมแข่งขัน หวังใช้เวทีการแข่งขันซีเกมส์ เพื่อยกระดับและพัฒนาความสามารถด้านกีฬา ให้สู้กับชาติมหาอำนาจจากทวีปอื่นๆ ได้ โดยจะอ้างอิงประเภทกีฬาที่ทำการแข่งขันจาก โอลิมปิก เกมส์
แต่หลังๆ มานี้ดูเหมือนว่า ชาติเจ้าภาพทุกชาติ พยายามจะมองแค่ภาพความสำเร็จแบบฉาบฉวย ในการเป็นเจ้าเหรียญทอง ทำให้คนในชาติภาคภูมิใจช่วงสั้นๆ แต่กลับไม่ได้มองถึงการต่อยอดระยะยาว เพื่อไปแข่งขันแบบจริงจังบนเวทีสากล
สำหรับผู้ที่ติดตามการแข่งขัน ซีเกมส์ ที่เป็นการแข่งระดับภูมิภาคเป็นประจำ จะเห็นความแปลกๆ ขัดตาในการบรรจุชนิดกีฬาต่างๆ ลงไป ยกตัวอย่างเช่น เวียดนาม ที่เคยนำกีฬาพื้นบ้านอย่าง เดาะลูกขนไก่ มาชิงเหรียญทอง ซึ่งถ้ามองกันตามตรงแล้ว ชาติไหนจะไปสู้พวกเขาได้ เพราะแทบไม่เคยรู้จักกีฬาประเภทนี้มาก่อน
ล่าสุดทาง กัมพูชา เจ้าภาพจัดการแข่งขันรอบนี้ ก็ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้ชาติตัวเองเรื่อยๆ ประเด็นที่เป็นข้อพิพาทก่อนหน้านี้ เริ่มจากการเปลี่ยนชื่อการแข่งขัน “มวยไทย” ให้กลายเป็น “กุน ขแมร์” หวังกวนประสาท ไทย ตรงๆ แล้วก็ได้ผล เพราะชาติเราจะไม่ส่งนักกีฬาไปแข่งขัน ย่อมทำให้พวกเขามีลุ้นเหรียญมากขึ้น เนื่องจากกำจัดตัวเต็งไปแล้วหนึ่งชาติ
ยิ่งไปกว่านั้นกีฬาแบบใช้สมองอย่าง หมากรุกสากล ก็ถูกถอดออกไปเช่นกัน แล้วเลือกจะนำกีฬาพื้นบ้านที่แข่งขันกันในประเทศอย่าง หมากรุกเขมร บรรจุลงไปแทน เล่นเอาชาติที่เตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่ง งงงวยไปตามๆ กัน
พอมาถึงกีฬายอดฮิตอย่าง ฟุตบอล ไม่มีทางที่ กัมพูชา จะไม่หาทางปรับเปลี่ยนกฏกติกา หวังให้พวกเขาได้ประโยชน์ช่วยให้มีลุ้นเหรียญรางวัลมากขึ้น หลังปรับเปลี่ยนอายุของนักเตะให้อยู่ที่เกณฑ์ห้ามเกิน 22 ปี แล้วไม่มีโควต้านักเตะอายุเกิน เนื่องมาจากสาเหตุที่ว่า
กัมพูชา มีขุมกำลังที่พร้อมในช่วงอายุดังกล่าว
การวางแผนของชาติเจ้าภาพ กัมพูชา นั้นเดาทางได้ไม่ยากเท่าไหร่ เพราะมองจากโปรแกรมการแข่งขันที่อยู่ในโซนเดียวกัน รายการใหญ่ๆ ประจำปีจะมี ซีเกมส์ 2023 และ ฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 รอบคัดเลือก ที่จะแข่งขันระหว่างวันที่ 4-12 กันยายน ปลายปีนี้ เพื่อชิงตั๋วไปเล่นฟุตบอลโอลิมปิก
พวกเขาจึงเตรียมทีมเอาไว้ล่วงหน้า ด้วยการเฟ้นหาขุมกำลังที่อยู่ในช่วงวัยที่เหมาะสม มาปรับแต่งจูนทีมจนกว่าจะเกิดความลงตัว ซึ่งรายการที่พวกเขาใช้เป็นเวทีประลองฝีเท้าล่าสุด คือ เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็กทริก คัพ 2022 ที่แชมป์ตกเป็นของ ทีมชาติไทย ของเรานั่นเอง
ผลงานของ กัมพูชา แม้ว่าจะตกรอบไปตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป เอ ที่ต้องมาชนกับของแข็งอย่าง ไทย และ อินโดนีเซีย แต่พวกเขาก็ดูจะสร้างภาพรวมได้น่าประทับใจในระดับหนึ่ง จากการจบในอันดับสามของกลุ่ม เก็บชัยชนะไปได้ 2 เกม ในการเจอกับ ฟิลิปปินส์ และ บรูไน มีประตูได้เสียจบลงที่การบวกสองลูก
พอไปดูข้อมูลรายละเอียดของนักเตะแกนหลัก ที่ถูกส่งชื่อมาทำการแข่งขันรายการดังกล่าว จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า แทบทุกตำแหน่งจะมีผู้เล่นอายุไม่เกิน 22 ปี ลงสนามเป็นตัวจริงทั้งสิ้น
แนวรับก็มี ตีส์ สมบัติ ยืนประจำการในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ค ส่วนแนวรุกก็มีตัวจี๊ดอย่าง ลิม พิโสธ และ เรือง บุนเฮง ที่เหมายิงกันไปคนละสองประตูในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว ซึ่งมองได้ไม่ยากว่า กัมพูชา เตรียมปูทางให้สองคนนี้ เป็นแกนหลักนำทีมในอนาคตต่อไป ภายใต้การคุมทัพของ ริว ฮิโรเสะ กุนซือสัญชาติญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตามหากมองย้อนกลับมาถึงแผนงานของ ทีมชาติไทย ของเรา นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปีก่อนแล้วว่า
“สมาคมมีแผนงานและต้องการดำเนินงานตามแผนที่วางเอาไว้ และพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของทีมงานผู้ฝึกสอนและนักเตะระดับเยาวชนให้มีความต่อเนื่องมากที่สุด”
“ซึ่งในทุกทัวร์นาเมนต์ของรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ทีมชาติไทย จะใช้นักเตะที่เกิดหลังวันที่ 1 มกราคม 2544 หรือปี 2001ทั้งหมด และจะไม่ใช้นักเตะโควต้าอายุเกิน ในการแข่งขันฟุตบอล ซีเกมส์ และ เอเชี่ยน เกมส์ ขอให้เป็นนโยบาย และจุดยืนที่ชัดเจนของทีมชาติรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี”
“ปัจจุบันสมาคมและทีมงานผู้ฝึกสอน มีนักเตะอยู่ในลิสต์แล้วส่วนหนึ่ง จะมีการสเกาท์และติดตามผลงานของนักเตะในการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ไม่ปิดโอกาสนักเตะที่ทำผลงานได้ดี แล้วมีอายุอยู่ในเกณฑ์นี้”
“นอกจากนี้สมาคมยังมีแผนที่จะจัดการประชุม ร่วมกับผู้ฝึกสอนใน ไทย ลีก เพื่อหารือเกี่ยวกับด้านเทคนิค และขอความร่วมมือในการปล่อยตัวนักเตะเข้าร่วมแคมป์ฝึกซ้อมทีมชาติตามโปรแกรม ฟีฟ่า เดย์ และทัวร์นาเมนต์ต่างๆ”
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
Nutthapol Oumruangsri
“สำหรับนักเตะที่มีศักยภาพและอายุคาบเกี่ยวกับทีมชาติชุดใหญ่และชุดยู-23 หลังจากหารือกับ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ จะมีการพิจารณาถึงความเหมาะสม และความสำคัญของแต่ละรายการอีกครั้ง เพื่อประโยชน์สูงสุด”
“แผนงานนี้จะเป็นการเตรียมทีมในระยะยาวตามแนวทางของสมาคม ที่วางเป้าหมายไว้ในการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโอลิมปิก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในปี 2567 หรือปี 2024”
แม้ว่าดูจากฉากหน้าแล้ว การเตรียมความพร้อมต่างๆ ของ ทีมชาติไทยชุดเล็ก จะดูเป็นไปในทิศทางที่ดี แต่สถานการณ์ที่ยังน่ากังวลเอามากๆ ย่อมเป็นเรื่องของโปรแกรม ไทย ลีก ที่จะมีช่วงคาบเกี่ยวสามนัดสุดท้าย อันเป็นช่วงสำคัญในการตัดสินชะตาของแต่ละสโมสร ที่ต้องไปวัดใจกันอีกทีว่าจะออกมาหน้าไหนในเรื่องความร่วมมือ
ผลพลอยได้ของ ทีมชาติไทยชุดเล็ก
อย่างน้อยที่สุดแผนงานที่ทางสมาคมวางไว้ล่วงหน้าสำหรับปี 2023-24 ดูจะเข้าท่าเข้าทางมากทีเดียว ในการใช้ขุนพลหน้าเดิมๆ ในช่วงอายุที่ไม่เกินเกณฑ์ ลงสู้ศึกในการแข่งขันรายการสำคัญต่างๆ แบบยาวๆ ไล่มาตั้งแต่ ซีเกมส์ ยาวไปจน คัดเลือกตัวแทนโอลิมปิก เกมส์
ซึ่งถ้าไม่มีคำสั่งหรือประกาศิตพลิกโผ ผู้ฝึกสอนที่จะได้รับมอบหมายให้ทำทีมจะยังเป็น “โค้ชหระ” อิสระ ศรีทะโร ที่กำลังเตรียมทีมไปลุยศึก โดฮา คัพ 2023 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศกาตาร์ ระหว่างวันที่ 22-30 มีนาคม อันเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องสำคัญ ก่อนจะไปลุยศึกมหกรรมกีฬาซีเกมส์
แล้วดูท่าว่าหลังจากการประชุมครั้งล่าสุด ที่จัดขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแผนงานการเตรียมตัวของ ทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี จะเป็นไปในทิศทางที่เป็นบวก เห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ของ โค้ชหระ ว่า
"ก่อนอื่นผมต้องขอกล่าวขอบคุณทุกท่านที่พร้อมให้การสนับสนุนทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในการเดินทางไปแข่งขันฟุตบอลรายการโดฮา คัพ ที่ กาตาร์ ในช่วงเดือนมีนาคมนี้"
"นอกจากนี้ต้องขอขอบคุณทุกสโมสร ที่ให้ความร่วมมือในการอนุญาตให้นักกีฬาเข้าร่วมการฝึกซ้อมช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทางเราพร้อมที่จะดูแลนักกีฬาให้ดีที่สุด สำหรับทุกการเก็บตัวและการฝึกซ้อมในทุก ๆ ครั้ง เช่นเดียวกับการไปร่วมแข่งขันฟุตบอลโดฮา คัพ ซึ่งเมื่อเราได้รายชื่อจากโค้ชแล้ว จะประสานงานไปยังทุกสโมสรอีกครั้ง"
"การประชุมในครั้งนี้ ได้นำเอาข้อมูลนักกีฬาทั้งหมดมาสรุป หลังจากที่ผ่านมา ผมและทีมงานสตาฟฟ์โค้ช ได้ติดตามฟอร์มการเล่นและผลงานของนักกีฬา อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะมีการประสานงานกับต้นสังกัดในการขอตัวมาฝึกซ้อมและทำการแข่งขัน"
"นอกจากนี้ทางทีมก็ได้วางแผนการเดินทาง รวมถึงที่พักอาศัยต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงการแข่งขัน แน่นอนว่า การแข่งขันรายการโดฮา คัพ ถือเป็นรายการที่ดี ในการเตรียมทีมให้พร้อมมากขึ้นก่อนการแข่งขันฟุตบอล ซีเกมส์ ที่จะเริ่มขึ้นในช่วงเดือนเมษายนนี้"
"ทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับนักกีฬา โดยเฉพาะการได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ระดับนานาชาติ หลังหลายคนยังมีโอกาสไม่มากนักสำหรับเกมนานาชาติ ซึ่งมันจะทำให้พวกยกระดับและพัฒนาระดับฝีเท้าให้พร้อมสำหรับการแข่งขันรายการสำคัญ ๆ"
ปัจจุบันศึก โดฮา คัพ 2023 มีชาติที่ตอบรับเข้าร่วมการแข่งขันแน่นอนแล้ว 8 ชาติ ประกอบไปด้วย ไทย, เกาหลีใต้, กาตาร์, เวียดนาม, ซาอุดิอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อุซเบกิสถาน และ โครเอเชีย ทางดาน จอร์แดน, ซีเรีย และ ทาจิกิสถาน กำลังอยู่ในช่วงพิจารณาอและจะให้คำตอบอย่างเป็นทางการภายหลัง
มองจากโปรแกรมที่ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ ทีมสตาฟฟ์ผู้กี่ยวข้องในทุกภาคส่วน วางแผนงานเอาไว้ ถือว่ามีการเตรียมความพร้อมที่ดีเรื่องของการใช้ขุมกำลังที่เหมาะสม ตรงตามช่วงวัยแบบพอดิบพอดี ถึงแม้ว่าการแข่งขัน ซีเกมส์ ชาติเจ้าภาพอย่าง กัมพูชา จะพยายามเล่นแง่ เราก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
เผลอๆ จะเป็นประโยชน์ให้กับทัพ ช้างศึกชุดเล็ก เสียอีก ที่จะได้ใช้ตัวผู้เล่นหน้าเดิมๆ เป็นแกนหลักเล่นร่วมกันแบบยาวๆ ไล่มาตั้งแต่ โดฮา คัพ ต่อเนื่องไปที่ ซีเกมส์ ปิดท้ายที่ และ ฟุตบอล ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย 2024 ที่เป็นการแย่งชิงตั๋วไปเล่น โอลิมปิก
ผลพลอยได้ของทีมชาติชุดนี้ ย่อมเป็นเรื่องของความคุ้นเคย ความเข้าขารู้ใจ เข้าใจเรื่องระบบการเล่น แนวทางการทำทีม เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ทีมฟุตบอลทีมไหน ได้ร่วมเล่นร่วมซ้อมกันไปนานๆ ทุกอย่างมันจะเชื่อมเข้าหากันได้เอง จากการปรับทัศนคติต่างๆ เข้าหากัน ในระหว่างที่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น
อย่างไรก็ตามต่อให้แผนงานเตรียมทีมมาดีแค่ไหน ผลลัพธ์สุดท้ายก็ย่อมเป็นตัวตัดสินว่า ผลงานผ่านเกณฑ์หรือไม่อยู่ดี? ถ้าเกิด ทีมชาติไทย พลาดแชมป์ซีเกมส์ รับรองเลยว่า โค้ชคีย์บอร์ด และ แฟนบอลไทยตามโซเชี่ยล จะออกมาถล่มยับแน่นอน
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่ไม่น้อย ราวกับกลุ่มคนพวกนี้เป็นโรคไบโพล่าร์สองบุคลิก ปากบอกว่า อยากให้ฟุตบอลทีมชาติไทย พัฒนาไปไกลเกินกว่าคำว่า “เจ้าอาเซียน” ให้ส่งน้องๆ ไปเก็บประสบการณ์ เพื่อวางแนวทางให้เด็กๆ แกร่งขึ้น จนก้าวมาเป็นตัวหลักต่อไปได้ในอนาคต
แต่ถ้าเกิดผลงานของน้องๆ ที่เป็นตัวแทนทีมชาติไปแข่งขัน จบลงที่ไม่ได้เหรียญทองกลับมา พวกเขากลับยอมรับความเสี่ยงในการเดิมพันนั้นไม่เคยได้เลยว่า การจะได้อะไรกลับมา ต้องมีการแลกด้วยบางอย่างทั้งสิ้น ความผิดหวังตอนนี้อาจจะเป็นการปูทาง เพื่อต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในอนาคตข้างหน้าก็ได้ เพราะไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้งนั้น
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ศุภณัฏฐ์ นำทัพ : 6 วันเดอร์คิดเอเชียที่ติดอันดับโลกปี 2019 ทุกวันนี้เป็นอย่างไร ?
จากนอร์เวย์ สู่ ลิเวอร์พูล : ย้อนตำนานครั้งสุดท้ายที่ทีมชาติไทยลุยยุโรป
จอร์เจีย & เอสโตเนีย : ทุกเรื่องที่คุณรู้ก่อนการเยือนยุโรปครั้งแรกในรอบ 58 ปี ของทีมชาติไทย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง :
https://www.mainstand.co.th/th/news/1/article/7399
https://www.youtube.com/watch?v=vlFA-X0nkTs
https://en.wikipedia.org/wiki/Thailand_national_under-23_football_team
https://www.transfermarkt.com/kambodscha-u23/startseite/verein/38229
ข่าวและบทความล่าสุด
MOST POPULAR
เผยภาพวัยเด็กนายด่านอินโดฯ U23 เขียนความฝันอยากไปโอลิมปิค
5 ตัวเลือกเฮดโค้ช ‘ทีมชาติไทย ยู-23’ จากคำบอกใบ้เป็นใครได้บ้าง?
เผยอีกบทบาทของ ‘กัปตันเนิร์ส’ เป็นตำรวจสืบสวน-เคยร่วมทีมบอดี้การ์ดนายกรัฐมนตรี
ชิน แท ยง ระบายหลังพา U23 อินโดฯล้มโสมขาว ลั่นเวลานี้มองถึงชิงฯ
ผู้ช่วยโค้ช U23 เกาหลีใต้รับสู้อินโดฯไม่ได้ ก่อนชวดตั๋ว อลป. ในรอบ 40 ปี
