วรชิต ซบท่าเรือ : เบื้องหลังดีลฟ้าผ่าที่ บีจี ต้องอ้าปากค้าง

วรชิต ซบท่าเรือ : เบื้องหลังดีลฟ้าผ่าที่ บีจี ต้องอ้าปากค้าง
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

สืบเนื่องจากโพสต์ในเพจเฟสบุ๊คของ “มาดามแป้ง” คุณ นวลพรรณ ล่ำซำ เกี่ยวกับการแย้มถึงการปิดดีลสองนักเตะจากสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ล่วงหน้ามาอยู่กับ การท่าเรือ เอฟซี ทั้งในรายของ ยิม - วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ และ มิคกี้ - ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่

นับว่าเป็นเรื่อผิดแปลกในการเสริมทัพของ สิงห์เจ้าท่า ที่ปกติแล้วแต่ละดีล จำเป็นต้องรอให้อยู่ในช่วงตลาดซื้อ-ขายนักเตะเปิดทำการ ถึงจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์แบบไม่มีพลิกโผ

PHOTO : FB (Madam Pang)

อย่างไรก็ตามคราวนี้เหมือนว่า มาดามแป้ง จะเดินเกมเร็ว รีบคุยกับผู้บริหารของ บีจี ปทุม อย่าง คุณ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ในช่วงเช้าของวันที่ 1 พฤษภาคม หวังประกาศข่าวดีเอาใจแฟนบอลในถิ่น แพต สเตเดี้ยม ฉลองวันแรงงานแห่งชาติ ด้วยการยืนยันว่า การเจรจาของทั้งคู่นั้นบรรลุข้อตกลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในดีลของ มิคกี้ อาจไม่ใช่ประเด็นที่แฟนบอล บีจี จะโฟกัสเท่าไหร่นัก เนื่องจากย้ายมาด้วยราคาประมาณ 3 ล้านบาท จากสโมสร เชียงราย ยูไนเต็ด แล้วการขายออกไปรอบนี้ น่าจะได้กำไรเพราะนักเตะฟอร์มดี แถมยังเพิ่มดีกรีการติดทีมชาติเป็นประจำ

แต่ในรายของ วรชิต ค่อนข้างน่ากังวลไม่น้อย เพราะตอนที่คว้าตัวมาจาก ชลบุรี เอฟซี ในช่วงที่ผลงานนักเตะกำลังหุงขึ้นหม้อสุดๆ โดนเรียกค่าตัวไปหนักแน่นระดับ 30 ล้านบาท ติดอันดับหนึ่งในดีลการซื้อ-ขายนักเตะไทย ที่แพงที่สุดตลอดกาลของลีก แล้วการจะขายให้ได้ทุนคืนหรือกำไรย่อมเป็นเรื่องยาก

ความจริงแล้ว บีจี ขาดทุนกับการขาย ยิม ไปยังสโมสร การท่าเรือ เอฟซี จริงหรือไม่? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกับ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ประโยชน์ของดีลนี้

หลังจากที่ ยิม ย้ายมาอยู่กับ การท่าเรือ ในช่วงเลกที่สอง ด้วยสัญญายืมตัวเบื้องต้นจนจบฤดูกาล แล้วได้ร่วมงานกับกุนซือโค้ชคู่อย่าง “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ ที่ดูแลเรื่องการวางแทคติกส์การเล่นในสนาม และ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ ที่รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษา รวมไปถึงคอยดูแลจัดการความเรียบร้อยในส่วนอื่นๆ

แม้ว่าในช่วงแรกๆ วรชิต จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริง สลับกับการเป็นตัวสำรองในบางเกม เพราะอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัวเข้ากับทีมใหม่ แต่พอเครื่องติด จูนการเล่นกับเพื่อนได้ลงตัว ผลงานในสนามของเขาก็พัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ยิงไป 6 ประตู กับบวกอีก 2 แอสซิสต์ จากการลงสนามทุกรายการ 15 นัด

ไฮไลท์การเล่นของ วรชิต ในเกมลีกนัดที่ 26

บทบาทที่เขาได้รับ คือ เพลย์เมคเกอร์หมายเลข 10 มีหน้าที่ออกบอลสวยๆ ป้อนให้กับแนวรุกคอยจบสกอร์ รวมไปถึงการสอดขึ้นไปหาจังหวะยิงประตู ที่ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว กลายเป็นว่าสามารถเบียดเจ้าของตำแหน่งตัวจริงเดิมอย่าง เซร์คิโอ ซัวเรซ มาเป็นตัวสำรองแทน

แน่นอนว่า สิงห์เจ้าท่า ได้ประโยชน์จากการเล่นในสนามของ วรชิต ในหลายด้าน ทั้งการออกบอล เชื่อมเกม เติมมิติการเล่นต่างๆ ให้แตกต่างไปจากที่เคยเป็น ยิ่งโค้ชมีคู่มือการใช้งานด้วยแล้ว สถานการณ์ของเขาจึงลงตัวกับทีมใหม่ได้ไม่ยาก

แต่ถ้าหากมองถึงประโยชน์ทางอ้อมของ การท่าเรือ ที่จะได้รับในดีลนี้ คือ โควต้าตัวต่างชาติที่จะเพิ่มขึ้นมาในฤดูกาลหน้า เพราะทาง ซัวเรซ รวมไปถึง ดาบิด โรเชล่า จะอำลาทีมไปหลังจบซีซั่นนี้ โดยทาง คุณ เจ - วรปัฐ อรุณภักดี ได้วิเคราะห์เอาไว้การไลฟ์สดกับช่อง คิดไซด์โค้ง ไว้ว่า

“พอมี วรชิต การขาด ซัวเรซ ก็ไม่ได้มีผล ถามว่า ซัวเรซ ยังดีอยู่ไหม? คุณภาพการเล่นในเกมกับ นครราชสีมา แสดงให้เห็นแล้วว่ายังดีอยู่”

“แต่พอมีตัวตายตัวแทนอย่าง วรชิต เข้ามา ทำให้ทีมสามารถไปเติมตัวต่างชาติในตำแหน่งอื่นได้”

PHOTO : PANTIP
“ผมเชื่อว่า ท่าเรือ คงจะเล็งการเติมกองหน้าต่างชาติเข้ามา ถ้าไม่มีทั้ง ซัวเรซ และขาด โรเชล่า เดี๋ยวก็ได้หามาเติม แนวรุกสักราย เซนเตอร์อีกสักรายก็พอแล้ว เพราะกองหลังไทยก็ยังคงอยู่กัน”

การได้ตัวของ วรชิต มาอยู่กับทีมแบบถาวร เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ตอบโจทย์ทั้งในด้านแทคติกส์การเล่นของทีม รวมไปถึงประโยชน์ทางอ้อมเรื่องโควต้านักเตะต่างชาติ ซึ่งสามารถช่วยให้ทีมสามารถเติมแกร่งในส่วนอื่นๆ ได้อีกในฤดูกาลหน้า

ดีลนี้เรียบร้อยแล้วจริงหรือ

อย่างที่ทราบกันดีกว่า การท่าเรือ มีแนวทางการเสริมทัพผู้เล่นที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานสโมสรเป็นหลัก ส่วนโค้ชนั้นมีหน้าที่ออกความคิดเห็นเสริมเข้าไปบ้าง บวกกับการแนะแนวทางรวมกับบอกความต้องการของพวกเขา

อาจเป็นไปได้ว่าดีลของ วรชิต ยังไม่ได้ลุล่วงเรียบร้อยในเรื่องของเอกสารการย้ายทีม แต่เป็นการตกลงกันปากเปล่า เป็นการพูดคุยกันจากความสนิทชิดเชื้อระหว่าง มาดามแป้ง และ คุณปวิณ

PHOTO : FB (Madam Pang)

แล้วพอโดนลูกตื๊อเข้า เลยลงเอยด้วยการตบปากรับคำไปแล้ว แล้วเป็นทางฝั่งผู้บริหารของ สิงห์เจ้าท่า ที่ชิงจังหวะโพสต์สู่โลกออนไลน์ เพื่อเป็นการยืนยันข้อสัญญากลายๆ ไม่ให้อีกฝั่งกลับลำในตอนท้าย

ความจริงแล้ว วรชิต นั้นยังเป็นนักเตะที่อยู่ในแผนการทำทีมของ บีจี ปทุม ในฤดูกาลหน้า พอหมดสัญญายืมตัวก็ต้องเดินทางกลับไปอยู่กับต้นสังกัดที่แท้จริง แต่พอทาง มาดามแป้ง เดินเกมรุกหนักแบบนี้ คงยากที่จะพลิกโผ ตามที่ คุณ เจ - วรปัฐ วิเคราะห์เอาไว้ตามกระบวนการขั้นตอนว่า

“สถานการณ์ของดีล วรชิต ในแง่นี้ คือ บีจี ยอมขาย ขายจากลูกตื้อ แต่ผมว่ากระบวนการยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ อย่างเรื่องของการเซ็นสัญญา”

“แต่เอาเป็นว่าถ้าทาง มาดามแป้ง กล้าโพสต์ข้อความขนาดนี้ คงไม่มีทางกลับลำกันง่ายๆ”

PHOTO : แนวหน้า

“ถ้าผมเป็นมาดาม อยากได้ ยิม จัดๆ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว ผมก็ชิงโพสต์ก่อนเลยเหมือนกัน เพื่อการรันตีให้เรื่องนี้จบลง”

ทีนี้ก็เหลือเพียงประเด็นของความคุ้มค่าของทั้งฝั่ง บีจี ปทุม ผู้ขาย และฝั่งผู้ซื้ออย่าง การท่าเรือ เอฟซี เนื่องจากค่าตัวของ วรชิต มูลค่าที่ซื้อมาเดิมนั้นแพงหูฉีก ดังนั้นความเป็นไปได้ที่จะจ่ายจำนวนเงินที่พอใจกับทั้งสองฝ่ายอยู่ที่จุดไหน?

วิเคราะห์เรื่องค่าตัว กำไร หรือ ขาดทุน

ถ้ามองกันตามความเป็นจริง คงเป็นเรื่องยากมากที่ การท่าเรือ เอฟซี จะยอมจ่ายค่าตัวของ วรชิต ระดับ 30 ล้านบาท เท่ากับตอนที่ทาง บีจี ปทุม จ่ายไปให้กับ ชลบุรี เพราะก่อนหน้านี้สถานการณ์ของนักเตะ ก็ไม่มีความแน่นอน ได้ลงสนามไม่ต่อเนื่อง ผลงานไม่ได้โดดเด่นมากนัก

กลับเป็นทาง สิงห์เจ้าท่า เสียอีก ที่หยิบยื่นโอกาสให้ในเลกที่สอง ยืมตัวมาปลุกปั้นอีกรอบ จนทางตัวของ วรชิต คืนฟอร์มการเล่นเดิมๆ เรียกความมั่นใจให้กับตัวเองได้มากขึ้น มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะไม่ต้องจ่ายในราคาเดิม เพียงแต่เอาค่าตัวไปเฉลี่ยกับดีลของ มิคกี้ ที่ย้ายมาแบบแพ็คคู่

จากความเห็นส่วนตัวของ คุณ เจ - วรปัฐ ได้วิเคราะห์เอาไว้ว่า

“ค่าตัวต่ำๆ ของ ยิม ต้องมีระดับ 20-25 ล้านบาท ถ้าให้ผมคาดการณ์นะ เดี๋ยวรอทาง การท่าเรือ แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ บางทีพอเปิดตัวชูเสื้ออาจมีการเปิดเผยตัวเลขจริงๆ ออกมาก็ได้”

“ถามว่า ท่าเรือ คุ้มค่ามั้ยกับการได้ผู้เล่นที่ควรจะต้องมีแบบ ยิม ที่เติมเต็มทีมได้พอดี มันคุ้มค่าอยู่แล้วกับการซื้อที่ไม่ได้จ่ายค่าตัวเท่ากับตัวเลขเดิม”

ไฮไลท์การเล่นของ วรชิต ในเกมลีกนัดที่ 27

“ก่อนหน้านี้ ท่าเรือ เคยเสียเงินไปกับดีลที่ไม่ควรซื้อมาก่อนหน้านี้ เกาไม่ถูกที่คันทำมาเยอะแล้ว แต่ดีลนี้ลงตัวตอบโจทย์ได้ในทุกด้าน ก็เหมาะสมแล้วที่จะจ่าย”

“มาที่ฝั่งของ บีจี ว่าขาดทุนกับดีลนี้หรือไม่? มันขาดทุนแน่อยู่แล้วในเรื่องของมูลค่า เพราะขายต่ำกว่าราคาที่ซื้อมาตอนแรก”

“แต่สิ่งที่ บีจี ตัดสินใจแบบนี้ คงเป็นเรื่องของนโยบายการทำทีมจากประธานสโมสร ที่ต้องมาแก้ปัญหาต่อจากนี้ไป เพราะผมมองว่า วรชิต เป็นนักเตะไทยไม่กี่คนที่เล่นเบอร์ 10 แล้วดีที่สุดในช่วงเวลานี้ ถ้าใช้งานเป็นจะเห็นว่าเขาทำอะไรได้บ้าง”

อย่างไรก็ตามในเมื่อ คุณ ปวิณ ประธานสโมสร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ตัดสินใจขาย วรชิต ออกไปจากทีมแล้ว ก็ต้องมีแผนการรับมือ ต้องมีตัวแทนเข้ามา เล่นในตำแหน่งหมายเลข 10 ของทีม

ทางเลือกแรก คือ การใช้นักเตะหน้าเดิมที่มีอยู่ในทีมอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ที่สามารถถอยลงต่ำมาเล่นได้, ดันทาง สารัช อยู่เย็น ขึ้นไปรับบทบาทตรงนั้นแทน หรือแม้แต่ เชาว์วัฒน์ วีระชาติ ก็เป็นตัวเลือกที่สวมบทบาทแทนได้เช่นกัน

PHOTO : บอลไทย

ส่วนอีกทางเลือกหนึ่ง คือ การซื้อตัวเข้ามาเสริมทีม เมื่อขายนักเตะออกไปจากทีม ย่อมต้องมีการซื้อตัวเข้ามาทดแทนอยู่แล้ว ดีลที่เคยเกือบจะเกิดขึ้นในเลกสองฤดูกาลนี้อย่าง วีระเทพ ป้อมพันธุ์ อาจจะถูกนำมาขบคิดกันอีกครั้ง ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้เล่นที่แทนตำแหน่งกันได้แบบตรงๆ ก็ตาม

สุดท้ายแล้ว บีจี น่าจะไม่ได้โฟกัสเรื่องการขาย วรชิต ออกไปที่ขาดทุนด้านเม็ดเงิน แต่น่าเป็นห่วงด้านกลยุทธในสนามมากกว่า ที่ยังไม่มีนักเตะในสไตล์เดียวกัน มาทดแทนได้แบบไร้รอยต่อ แต่เวลายังพอมีเหลือให้คิดถึงหนทางแก้ปัญหากันอีกยาวๆ ซึ่งแฟนบอลก็ต้องมารอลุ้นกันว่า ผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นแบบไหน?

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.youtube.com/watch?v=YYa8PTcKy7M

บทความที่เกี่ยวข้อง :

องค์ประกอบการปลุกพลังแฝง :  "ยิม" วรชิต หลังจุดติดด้วยประตู

จากเมืองทองฯ ถึง ท่าเรือฯ : รวมดาวทีมชาติไว้ในสโมสรเดียวกันได้ประโยชน์จริงหรือ?

ไม่ใช่แค่กรรมการ : เจาะแท็คติกท่าเรือ ต้นตอเสียจุดโทษเยอะ ได้จุดโทษน้อย

จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ