ไม่ใช่แค่กรรมการ : เจาะแท็คติกท่าเรือ ต้นตอเสียจุดโทษเยอะ ได้จุดโทษน้อย

ไม่ใช่แค่กรรมการ : เจาะแท็คติกท่าเรือ ต้นตอเสียจุดโทษเยอะ ได้จุดโทษน้อย
ณัฐพล อ่วมเรืองศรี

หลังจบเกมบิ๊กแมตช์ ไทย ลีก ช่วงสุดสัปดาห์เกมที่ การท่าเรือ เอฟซี พ่ายคาบ้านแบบสุดช็อคให้กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยสกอร์ 2-3 ควันหลงจากไฮไลท์จังหวะสำคัญที่เกิดขึ้นในเกม ยังไม่จางหายไปจากทั้งแฟนบอล สิงห์เจ้าท่า และผู้บริหาร “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ

ไม่รู้ว่าด้วยอารมณ์หลังเกมที่ยังเดือดดาล หรือรู้สึกคลางแคลงใจในคำตัดสินของกรรมการหรืออย่างไร? มาดามแป้ง ถีงได้มีการโพสต์เชิงระบายออกมาทางเพจส่วนตัว ที่มีเนื้อหาภาษาชวนให้ผู้พบเก็นนำไปคิดต่อได้หลายมุมมอง

แน่นอนว่าผลงานของ การท่าเรือ หลังจากหันมาใช้โค้ชแบบคนคู่อย่าง อย่าง “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์ และ “โค้ชอั๋น” สุรพงษ์ คงเทพ กำลังเข้าฝักและดีขึ้นตามลำดับ ผลงานในบอลถ้วยมองไปถึงการคว้าแชมป์ให้ได้ ส่วนผลงานในลีกขอจบในตำแหน่งไม่เกินอันดับสองหรืออันดับสาม

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี

ซึ่งถ้ามองกันตามตรงแล้วรูปเกมที่ แพท สเตเดี้ยม ช่วงเวลาหนึ่งชั่วโมงแรก สถานการณ์เข้าทางเจ้าบ้านหมดทุกอย่าง ออกนำ กิเลนผยอง สองประตู ยิ่งเกมนี้แฟนบอลเจ้าถิ่นเข้ามาชมได้ฝั่งเดียว ไม่ว่าใครก็มองว่า โอกาสที่จะเก็บสามแต้มเป็นไปได้สูง

อย่างไรก็ตามเมื่อมาเสียประตูตีไข่แตกและลูกจุดโทษ จนทีมเยือนไล่ตามตีเสมอเป็น 2-2 โมเมนตั้มของเกม ก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ กลายเป็นลูกทีมของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่พลิกนรก คว้าสามแต้มมาครองได้แบบเหลือเชื่อ

ยิ่งพอเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จังหวะกังขาที่กองหลังของทีมเยือน ไปหวด แฮมิลตัน ล้มลงในเขตโทษ แล้วผู้ตัดสินเลือกที่จะไม่ให้จุดโทษกับเจ้าบ้าน ไม่มีการเดินไปเช็คภาพจากจอ VAR ด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจไปกันใหญ่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว

จากดาวรุ่ง T3 : ธีรศักดิ์ เผยพิมาย วันเดอร์คิดท่าเรือฯ ผู้แจ้งเกิดสำเร็จเพียง 1 เดียว | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ดาวยิงวัย 20 ปี กลายเป็นผู้อยู่รอด ท่ามกลางดงแข้งที่เต็มไปด้วย เสือ สิงห์ กระทิง แรด ในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ต้น สามารถสู้จนเอาตัวรอดมาได้จนถึงตอนนี้ คืออะไร? เป้าหมายต่อไปของเจ้าตัวนั้นวางไว้แบบไหน? ร่วมหาคำตอบได้ใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง

แต่การเสียผลประโยชน์จากคำตัดสินของกรรมการ คือ สาเหตุที่ทำให้ การท่าเรือ พ่ายแพ้ ทำแต้มหล่นจริงหรือ? ร่วมหาคำตอบไปพร้อมๆ กันใน Think Curve - คิดไซด์โค้ง

ย้อนสถิติการได้-เสีย ลูกจุดโทษของ การท่าเรือ

เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันนัดดังกล่าวที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ มาดามแป้ง ที่แม้จะผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็ยังไม่ลืมที่จะพาตัวเอง, สตาฟฟ์โค้ช และ ทัพนักเตะ ไปขอบคุณแฟนบอล สิงห์เจ้าท่า ที่เข้ามาชมเกมในสนาม

แล้วหลังจบเกมดังกล่าวไม่นาน มาดามแป้ง ได้โพสต์ข้อความระบายความในใจออกมาทางเพจของตัวเองว่า

"ยินดีกับ ทีมเมืองทองนะคะ ทั้งสองทีมเล่นกันอย่างเต็มที่ในเกมส์ ครึ่งแรกท่าเรือดี ครึ่งหลังเมืองทองดีมาก"

"สำหรับคนทำทีมฟุตบอล และรัก บอลไทยเข้าเลือด แบบพวกเรา 90 นาที พวกเราเล่นกันเต็มที่ เพราะต้องการชนะ และ ฟุตบอลก็มี 3 หน้าเสมอ คือ ชนะ แพ้ และ เสมอ พวกเรามีน้ำใจนักกีฬา ยอมรับในผลหลังเกมส์"

"แต่ กรรมการ ก็ มีส่วนสำคัญ ที่จะช่วยให้ คนทำทีม และแฟนบอล เข้าใจว่าได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเที่ยงธรรม เพราะ ทุกวันนี้ ความยุติธรรมคือ สิ่งที่แป้งเชื่อว่า จะช่วยพยุงให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีความมั่นใจและพร้อมที่จะตั้งใจทำให้วงการฟุตบอลไทยมีพัฒนาการและเกิด กำลังใจแก่ ผู้ที่รักฟุตบอลไทยนะคะ"

"แป้งเขียนจากหัวใจ ไม่ได้จะประท้วงอะไร นานๆ ทีนะคะ อยากขอให้ คนรักบอลอย่าง แป้งด้วย ปล.ฤดูกาลนี้ ท่าเรือเสียจุดโทษถึง 6 ครั้ง เยอะที่สุดในลีค และ ได้จุดโทษเพียง 1 ครั้ง น้อยที่สุดในลีค #ก็ตามนั้นแหละค่ะ กราบจากใจ...มาดามแป้ง"

PHOTO : Facebook Madam Pang - มาดามแป้ง - นวลพรรณ ล่ำซำ

หากย้อนนำคำพูดดังกล่าวไปเช็คกับสถิติย้อนหลังในซีซั่นนี้พบว่า การท่าเรือ เอฟซี ได้จุดโทษน้อยที่สุดในลีกจริงๆ เพียงหนึ่งครั้ง เทียบเท่ากับอีกสามทีมร่วมลีก คือ นครราชสีมา, โปลิศ เทโร และ ราชบุรี เอฟซี

แต่สถิติการเสียจุดโทษนั้น ไม่ได้มากที่สุดในลีกตามที่ว่า เพราะเสียไปเพียงแค่ 5 ครั้ง ยังเป็นรอง ราชบุรี, ลำปาง และ เชียงราย ยูไนเต็ด ที่พลาดเสียจุดโทษไปแล้ว 6 ครั้ง

ซึ่งจังหวะที่ทาง เอเลียส ดอเลาะ พลาดไปเกี่ยวขา ปรเมศย์ อาจวิไล ล้มลงไปในเขตโทษนั้น ต้องยอมรับว่ามีการปะทะกันจริง ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ตัดสินว่าจะให้หรือไม่ให้ลูกจุดโทษ

แล้วเมื่อมีการปรึกษากับทีมงาน VAR รวมไปถึงการเดินไปดูภาพช้าจังหวะนั้นด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจอีกครั้ง แล้วคำตัดสินสุดท้ายออกมาเป็นฝั่ง การท่าเรือ ที่โชคร้าย ก็ต้องยอมรับไปโดยปริยาย

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี 

อันที่จริงจังหวะนั้นมันจะไม่เกิดขึ้นเลยหากระบบการเล่นของ การท่าเรือ มีมิดฟิลด์ตัวตัดเกม ที่กล้าเสี่ยงแลกใบเหลืองกับการหยุดไม่ให้บอล ทะลุมาถึงพื้นที่อันตรายของแดนตัวเองได้เร็ว ซึ่งมันก็ต้องขึ้นอยู่กับประเด็นสำคัญอย่างเรื่องของ แท็คติก อย่างเลี่ยงไม่ได้

การวางแท็คติกของโค้ช

แผนการเล่นประจำของ การท่าเรือ ในยุคของโค้ชคู่ จะยืนตำแหน่งคล้ายกับระบบ 4-3-3 ฟูลแบ็คสองข้างเติมขึ้นมาสนับสนุนทางริมเส้นตลอด เหมือนเป้าหมาย คือ การไปให้ถึงสุดเส้น จนบางครั้งอาจลงไปประจำการในเกมรับไม่ทัน

ส่วนแผงกองกลางจะใช้มิดฟิลด์ที่เป็นเชิงรุกสองราย แล้วมีกองกลางตัวรับคอยสกรีนบอล เพื่อดักตัดบอลระหว่างทาง หรือ ตัดเกมเพียงแค่คนเดียว ก่อนจะไปถึงเซนเตอร์คู่ที่เป็นปราการด่านสุดท้าย ก่อนที่คู่แข่งจะหลุดไปดวลกับนายทวาร

วิธีการเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร การเล่นแบบนี้เป็นวิธีการที่ทีมระดับโลกส่วนใหญ่ทำกันทั้งนั้น สำหรับวิธีวางมิดฟิลด์ตัวรับคนเดียว เช่น แมนฯ ซิตี้ มี โรดรี้, ลิเวอร์พูล มี ฟาบินโญ่, แมนฯ ยูไนเต็ด มี คาเซมิโร

แต่ที่ทีมเหล่านี้ไม่เสียประตูง่าย ๆ เสียจุดโทษบ่อย ๆ  แบบโดนสวนพรวดเดียวถึงประตูก็คือวิธีการเล่นของพวกเขาที่จะใช้ความขยันของนักเตะเป็นหลัก โดยทุกคนในทีมจะต้องช่วยเล่นเกมรับ ช่วยกันแย่งบอล เริ่มตั้งแต่กองหน้าตัวเป้าที่จะช่วยวิ่งบีบคู่แข่งแทบทุกจังหวะ ซึ่งเมื่อทุกคนช่วยกันวิ่งก็จะสามารถลดภาระของมิดฟิลด์ตัวรับได้มากขึ้น ไม่ต้องเหนื่อยที่จะพยายามไล่ตัดบอลหรือชะลอเกมอยู่คนเดียว ว่าง่าย ๆ ก็คือทีมระดับแถวหน้าของโลกจะใช้วิธีประเภท “เสียตรงไหน แย่งคืนตรงนั้น” ซึ่งถ้าแย่งคืนได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสการสร้างเกมรุกให้ฝั่งตัวเองเป็นเงาตามตัวด้วย

ซึ่งแท็คติกดังกล่าวคือแท็คติกแบบโมเดิร์นฟุตบอลของเเท้…  

กล่าวคือเมื่อตัดบอลได้เเล้ว ก็จะนำบอลกลับมาเล่นเกมรุกทันที และจะใช้ผู้เล่นเกมรุกมากเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่น แมนฯ ซิตี้ ที่แผนตามหน้าสื่อคือ 4-3-3 แต่ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายได้บอล วิธีการเล่นจะกลับมาเป็นแบบ 2-5-3 หรือที่เรียกว่าการ “โอเวอร์โหลด(Overload)” ซึ่งก็คือการเพิ่มตัวรุกให้มากขึ้น ทำให้ทีมบุกเจาะได้ทุกทิศทุกทาง ทีมตั้งรับจะต้องเล่นขยันขยับ ปัดป้อง สกัดแบบไม่ได้หายใจหายคอ… แน่นอนว่าวิธีการดังกล่าวนั้นสามารถทำให้แนวรับของคู่แข่งมีโอกาสก่อความผิดพลาดจากความโกลาหลนี้ได้มากขึ้น

กลับมาที่การท่าเรืออีกครั้ง แนวทางการขึ้นเกมรุกของพวกเขา มีแต่รูปแบบซ้ำๆ เดิมๆ จากที่สังเกตุจากการลงเล่นเกมล่าสุด เน้นการโจมตีจากริมเส้น หาจังหวะครอสบอลเข้าไปในเขตโทษ เพื่อหวังให้กองหน้าตัวเป้าอย่าง แฮมิลตัน โฉบเข้าโหม่งหรือชาร์จบอลระยะเผาขน

ซึ่งถ้าถามว่า ทำไม การท่าเรือ ถึงไม่ได้จุดโทษเยอะเหมือนกับทีมอื่นๆ? ก็มีสาเหตุมาจากตัวริมเส้นของทีมทั้งสองฝั่ง ไม่ได้เน้นลากตะลุยเข้าไปในกรอบเขตโทษนั่นเอง เต็มที่พอได้ระยะส่องประตู ก็ลองเรดาห์สับไกด้วยตัวเองแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น บดินทร์ ผาลา ที่มีท่าไม้ตายเป็นการลากตัดจากริมเส้นฝั่งซ้าย เข้ามาปั่นด้วยขวาข้างถนัด ส่วนในรายของ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ ขนาดอยู่ในกรอบยังหาเหลี่ยม หามุม ในการครอสบอลเลย น้อยครั้งมากที่จะลากเลื้อยเพื่อหวังโดนทำฟาล์ว หรือหาจังหวะสับไกเองในช่วงหลัง

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี 

ถ้าจังหวะการขึ้นเกมชุดนั้นได้จบก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้จบ บอลไม่ตาย แล้วโดนสวนก็เตรียมรอรับงานใหญ่กันได้เลย เพราะว่าผู้เล่นแดนบนของ การท่าเรือ นั้นไม่ได้เล่นเกมเพรสซิ่ง ปล่อยให้คู่แข่งมีเวลาคิดเวลาทำนาน ซึ่งไม่รู้ว่าเกี่ยวกับสภาพความฟิตหรือไม่?

แฮมิลตัน อาจเป็นกองหน้ารูปร่างสูงใหญ่ ได้เปรียบในเรื่องของการชน การปะทะกับแนวรับคู่แข่ง แต่จะคาดหวังให้เขาช่วยไล่บอลในเกมรับนั้นยาก รวมไปถึงกองหน้ากึ่งปีกทั้งสองฝั่งด้วยเช่นกัน

ถัดมาถึงการเล่นเกมรับในแผงกองกลาง เนเกบา เป็นตัวทีเด็ดในแนวรุก ที่มีจังหวะลากเลื้อยเจาะเกมป้องกันคู่แข่งที่อันตราย รวมไปถึงจังหวะการสอดขึ้นไปลุ้นทำประตู อย่างไรก็ตามเขาก็ถือว่ายังใหม่กับทีม ๆ นี้ ซึ่งแน่นอนว่าการจะเล่นเกมแบบเพรสซิ่งได้ มันต้องไปด้วยกันทั้งทีม หากมีใครวิ่งผิดที่ผิดทางเพียงคนเดียว โซนการเพรสซิ่งก็จะหมดค่า คู่แข่งที่มีทักษะบอลดี ส่งบอลเก่ง ขยับตัวเยอะ ก็จะสามารถตีโซนเพรสซิ่งได้อย่างง่ายดาย … ดังนั้นแม้ เนเกบา จะพยายามช่วยวิ่งไล่เยอะในเกมกับ เมืองทองฯ ล่าสุด แต่หลายครั้งเขาก็โดดเดี่ยวจนเกินไป ไม่ส่งผลให้ทีมแย่งบอลได้มากนัก

คู่ขาของเขาที่เล่นร่วมกันอย่าง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ อย่างที่เคยมีโค้ชหลายคนวิเคราะห์เอาไว้แล้วว่า ยิม ไม่ใช่คนที่เล่นเกมรับไม่ได้ แต่ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเขา ไม่ส่งแรงกระตุ้นให้เขา หรือแม้แต่เข้าบอลพร้อมๆ กัน ก็อย่าไปฝากความหวังไว้กับเขาเลยในเรื่องการเล่นเกมป้องกัน เนื่องจากประโยชน์ของเขา คือ การเล่นเกมรุกแบบเต็มสูบ

เมื่อแดนบนไม่มีคนช่วยชะลอบอล ภาระหนักย่อมไปตกอยู่กับ กองกลางตัวรับเพียงคนเดียว ก่อนที่จะหลุดทะลุไปถึงพื้นที่สุดท้าย แล้วผู้ที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่นั้่นก็คือ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ มิดฟิลด์ตัวรับสายเชิง ที่มีจุดเด่นเรื่องการอ่านเกมดักทางบอล ไม่ใช่เรื่องของการเข้าปะทะที่หนักหน่วง

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี 

ซึ่งถ้าพูดกันเรื่องสภาพร่างกายของ ตั้ม หลังจากหายเจ็บกลับมา ต้องบอกกันตามตรงเลยว่า ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วจริงๆ ความเร็วในการตามเทมโป้ของเกมให้ทัน การเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่จะดักบอล ล้วนช้ากว่าตอนที่เขาเคยฟอร์มพีคอย่างน้อยหนึ่งก้าวเสมอ

สถานการณ์จังหวะที่โดนคู่แข่งเล่นเกมสวนกลับเร็ว มันไม่ต่างกับการวัดใจ หากตัวของ ตั้ม ดักบอลถูกช่อง ตัดบอลได้กลางทาง ภารกิจในการช่วยทีมของเขาก็สำเร็จไปด้วยดี แต่ถ้าผ่านเขาไปได้แล้ว แฟนบอลก็ต้องไปฝากความหวังไว้กับแผงหลัง ที่ยังขาดเรื่องของ.... ความเข้าใจในเกมรับ

การประสานงานที่เข้าขารู้ใจ

ถ้าย้อนกลับไปดูเรื่องการจัดตัวผู้เล่นลงสนามเป็นตัวจริงของ การท่าเรือ เอฟซี จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า คู่เซนเตอร์ ก่อนหน้านี้ 4 นัด ยังควานหาคู่ที่ลงตัวที่สุดไม่เจอ

หนึ่งคนที่เป็นตัวยืนแน่ๆ ย่อมเป็น เอเลียส ดอเลาะ ที่ผลงานกำลังพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีม ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งโควต้าต้องมาลุ้นกันระหว่าง แอร์ตัน ติราบาสซี่, วรวุฒิ นามเวช หรือ ดาบิด โรเชล่า

พอถูกเปลี่ยนคู่ขาบ่อยๆ เข้า ดอเลาะ ก็ไม่ต่างกับนักเตะทั่วไป ที่จำเป็นต้องหาจังหวะการเล่นที่ลงตัวกับคู่ขาแต่ละคน ก่อนที่จะมาลงตัวที่ ติราบาสซี่ ที่ยืนคู่กันมาแล้ว 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ

PHOTO : การท่าเรือ เอฟซี 

แม้ว่าการเล่นของทั้งคู่ จะสอดประสานกันได้ดีที่สุดในสายตาของโค้ช แต่จุดบอดที่เห็นได้ชัดเจนเอามากๆ คือ เรื่องของความเร็ว เนื่องจากเป็นกองหลังที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ยืนปักหลักเป็นหอคอย จังหวะการกลับตัวย่อมช้ากว่าแนวรุกเป็นธรรมดา

สามประตูที่เสียไปในเกมล่าสุด เมืองทอง เล่นงานด้วยการจ่ายทะลุตัดหลังแบ็คแทบทั้งสิ้น แล้วก็ได้ผลทุกครั้ง แทบไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน นอกจากจ่ายทะลุช่องแล้วให้กองหน้าวิ่งแข่งไปเอาบอล แล้วก็ถึงก่อนตลอด

จังหวะการเสียลูกจุดโทษของ ดอเลาะ ก็มีผลมาจากความเชื่องช้าและไม่ละเอียดของเจ้าตัว ที่ดันคิดไวแล้วแต่ร่างกายตอบสนองไม่ทันการ เลยออกมาเป็นการเกี่ยวขา ปรเมศย์ เข้าเต็มๆ จนเป็นที่มาของการโดนไล่ตีเสมอในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน

ลูกสุดท้ายยิ่งเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นของ การท่าเรือ แทบไม่ได้เข้าไปวิ่งไล่กดดันคู่แข่งเลย เน้นการยืนโซนรับตามตำแหน่งแล้วคิดว่าจะเอาอยู่ พอโดนเจาะตามช่องไปก็ลงเอยแบบที่เห็น เหมือนไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากสองลูกที่เสียไปก่อนหน้านี้

PHOTO : Muangthong United FC

สรุปรวมทุกปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น การตัดสินของกรรมการ อาจเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่ง ที่ส่งผลให้สโมสร การท่าเรือ พลาดท่าเสียที พ่ายคารังไปในเกมนี้ อะไรที่มันเกิดขึ้นแล้วไม่สามารถเปลี่ยงแปลงได้ ก็จำเป็นต้องก้าวผ่านไปว่าเป็นแค่การแข่งขันนัดเดียว

สิ่งที่ทางทีมงาน การท่าเรือ ควรจะกลับไปโฟกัส คือ เรื่องของการวางแผนการเล่น เก็บจุดดีเอาไว้ แก้จุดบอดที่ทำให้ทีมเสียประตูแบบง่ายๆ ค่อยหาสิ่งที่ลงตัวกันไปในเกมที่เหลืออยู่

แต่ถ้าสตาฟฟ์ในทีมยังคงข้องใจเรื่องการตัดสินของกรรมการที่ไม่เป็นธรรม พวกเขามีสิทธิ์จะส่งเรื่องไปยังกรรมการของ ไทย ลีก เพื่อพิจารณาลงโทษผู้ตัดสินเกมดังกล่าวได้อยู่ ซึ่งถ้าติดขัดตรงส่วนไหน ลองถามทีมงานของ เมืองทอง ดูก็ได้ เนื่องจากเพิ่งจะร้องเรียนแล้วผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้

เรื่องที่เกี่ยวข้อง :

องค์ประกอบการปลุกพลังแฝง : "ยิม" วรชิต หลังจุดติดด้วยประตูสุดสวย

กี่นาทีก็มีความหมาย : สุภโชค กับโอกาสน้อยนิดที่วัดกันด้วยทัศนคติล้วน ๆ

Inside Forward : ตำแหน่งตัวรุกโมเดิร์นฟุตบอลที่ทำให้ ศุภณัฏฐ์ ฮ็อตปรอทแตก

แหล่งข้อมูลอ้างอิง :

https://www.statsperform.com/opta-analytics/

https://www.facebook.com/MadamPangID

https://www.youtube.com/watch?v=rmRcuy3wthM

https://www.transfermarkt.com/port-fc/startseite/verein/27092

แชร์บทความนี้

ข่าวและบทความล่าสุด

mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ