วิเคราะห์ปัจจัยทำไมกองหน้า “เบอร์ 9” จึงกลับมาเป็นที่นิยมในโลกฟุตบอล

วิเคราะห์ปัจจัยทำไมกองหน้า “เบอร์ 9” จึงกลับมาเป็นที่นิยมในโลกฟุตบอล
ปฐมพร จาวะลา

เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กับ เเมนเชสเตอร์ ซิตี้, กาเบรียล เชซุส กับ อาร์เซน่อล, วูท เวกฮอร์สต์ กับ เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ดาร์วิน นูนเญซ กับ ลิเวอร์พูล, แฮร์รี่ เคน กับ สเปอร์ส, อิวาน โทนี่ย์ กับ เบรนด์ฟอร์ด, อเล็กซานเดอร์ มิโตรวิช กับ ฟูเเล่ม, เเทมมี่ อับราฮัม กับ โรม่า, ดูซาน วลาโฮวิช กับ ยูเวนตุส, คาริม เบนเซม่า กับ เรอัล มาดริด, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับ บาร์เซโลน่า หรือเเม้เเต่ ธีรศิลป์ เเดงดา กับทีมชาติไทย

จากรายชื่อที่กล่าวมาข้างต้น พอจะบ่งบอกเราเป็นนัยๆถึงสิ่งหนึ่งได้ว่า เทรนด์ของกองหน้าเบอร์ 9 หรือที่เราเรียกว่าตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติ กำลังกลับมามีบทบาทในโลกของฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทีมส่วนใหญ่หันไปใช้งานผู้เล่นกองหน้าสไตล์กองหน้าตัวหลอก(False nine) หรือกองหน้ากึ่งปีก(Inside Forward) เสียมากกว่า

เเล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้หลายๆทีมหันกลับมาใช้งานผู้เล่นสไตล์นี้ ติดตามได้ที่ Think Curve - คิดไซด์โค้ง

1.หมดยุคเก่า ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่

ต้องยอมรับว่าในช่วงเกือบ 20 ปี หลังมาของวงการฟุตบอล มันคือยุคของผู้เล่นตำเเหน่งอื่นที่ไม่ใช่ตำเหน่งของกองหน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติอย่างเเท้จริง

ถ้าเราลองมองไปดูที่รายชื่อผู้ชนะรางวัลบัลลงดอร์ในเเต่ละปี จะพบว่ากองหน้าตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติที่ได้รางวัลนี้คนล่าสุดต้องย้อนกลับไปถึงปี 2004 ที่ อังเดร เชฟเชนโก้ สามารถพาเอซีมิลานเป็นเเชมป์ ยูฟ่า เเชมเปียนส์ ลีก เเละคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ไปครอบครอง

Photo : The Sun

เเละหลังจากนั้นมา มันกลายเป็นยุคของสองตำนานที่ดีที่สุดของวงการฟุตบอลคู่หนึ่งที่ขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้น ทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ เเละ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ทั้งสองคนกลายเป็นไอดอลของเด็กทั่วโลก เเฟนบอลต่างมักจะเอาสองคนมาเปรียบเทียบกันเสมอ เเละที่สำคัญทั้งสองคนไม่ได้เล่นในสไตล์กองหน้าตัวเป้า

อย่างที่เราทราบกันว่า ลิโอเนล เมสซี่ คือ จอมทัพอย่างเเท้จริง เขา คือเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดคนหนึ่งเท่าที่วงการฟุตบอลเคยมีมา เวลาได้ขยับไปเล่นตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า มักจะทำงานออกมาในรูปแบบของกองหน้าตัวหลอก(False nine)เสียมากกว่า ส่วน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงเเม้ในช่วงหลังๆเขาจะหันมาเล่นในตำเเหน่งกองหน้าตัวเป้า เเต่ตำเเหน่งที่ทำให้เขาเเจ้งเกิดเเละมักจะทำได้คือ กองหน้ากึ่งปีก(Inside Forward)

พวกเขาสองคนได้กลายเป็นไอดอลของนักฟุตบอลทั่วโลกในช่วงเวลาเกือบ 20 ปี เเละมันส่งผลโดยตรงต่อการเล่นฟุตบอลของเด็กในยุคนั้น เด็กส่วนใหญ่เติบโตมาด้วยความต้องการที่อยากเล่นฟุตบอลสองสไตล์นั้นตามไอดอลทั้งสองคนเสียมากกว่า ทำให้สไตล์ของกองหน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติถูกลืมเลือนไปสักพัก

Photo : ESPN

เเละเช่นเดียวกันกับสโมสรต่างๆ พวกเขาก็ดูทีมใหญ่ๆเป็นเเบบอย่าง ว่าหากอยากจะประสบความสำเร็จทีมต้องมีระบบการเล่นเเบบไหน เเละใช้งานผู้เล่นอย่างไร

เเต่การโชว์ผลงานที่สุดยอดในสนามกับสโมสร เรอัล มาดริด เเละก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ใน ปี 2022 ของ คาริม เบนเซม่า เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยยืนยันได้ว่าเรากำลังก้าวสู่ยุคใหม่เเละเป็นเเบบอย่างในการให้ทีมต่างๆ กลับมาสู่การใช้งานกองหน้าตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติอีกครั้ง

2.เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เอ็ฟเฟ็คต์

นอกจากการได้รางวัลบัลลงดอร์ของ คาริม เบนเซม่า เเล้ว อีกอย่างหนึ่งที่น่าจะมีผลไม่มากก็น้อย ก็คือ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เอ็ฟเฟ็คต์ ขนาดเป๊บ กวาร์ดิโอล่า ที่มักจะใช้เเผนการเล่นเเบบกองหน้าตัวหลอก เเละหมกมุ่นกับการเล่นงานพื้นที่ Half Space ยังหันมาใช้งาน กองหน้าตัวสกอร์โดยธรรมชาติ อย่าง เออร์ลิ่ง ฮาลันด์

เพราะถึงเเม้ พื้นที่ Half space จะเป็นพื้นที่อันตรายเเละป้องกันได้ยาก เเต่ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ พิสูจน์ให้ทั้งโลกเห็นเเล้วว่า ถ้าคุณมีเพชรฆาตอยู่ในทีม พื้นที่ในกรอบเขตโทษทั้งหมดสามารถเป็นพื้นที่อันตรายได้ทั้งนั้น เขาสามารถจบสกอร์ได้ทุกท่า เเละสองเท้า หรือเเม้กระทั่งลูกโหม่ง

Photo : The Athletic

การย้ายมา เเมนเชสเตอร์ ซิตี้ เเละ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมของเขามันกลายเป็นเเบบอย่างให้หลายๆทีมเริ่มกลับมาสนใจในวิธีการเล่นเเบบมีกองหน้าเบอร์ 9 โดยธรรมชาติอีกครั้ง เพราะ ในช่วงหลังๆ พื้นที่ Half space นั้น เริ่มถูกทีมต่างๆจับทางได้เเล้ว เเละเริ่มใส่ใจป้องกันพื้นที่ตรงนี้มากขึ้น

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
แบบไหน ได้หมด : เทคนิคระดับปีศาจที่ทำให้ ‘ฮาลันด์’ ยิงเข้าเหมือนเป็นของง่าย | Think Curve - คิดไซด์โค้ง
Think Curve - คิดไซด์โค้ง 20 ประตู ใน 14 นัด ของพรีเมียร์ลีก ของ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ คือ ตัวเลขที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เเละดูเหมือนว่ายิ่งลงเล่นตัวเลขก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีกเรื่อยๆ


3.Half space ถูกปิดตายมากขึ้น

อย่างที่เราทราบกันว่าก่อนหน้านี้มันเป็นยุคของกองหน้ากึ่งปีก ทีมส่วนใหญ่หันมาใช้งานผู้เล่นในลักษณะนี้มากขึ้น พวกเขามักจะสอดเเทรกขึ้นไปทำประตูได้ในพื้นที่บริเวณ Half space ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน ก็คงจะเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ นั่นเอง

ทำให้หลายๆทีมที่ต้องรับมือกับผู้เล่นเหล่านี้เริ่มคิดค้นวิธีการรับมือในการป้องกันพื้นที่ตรงนี้ให้มากขึ้น ทำให้การจะเจาะพื้นที่ตรงนี้นั้นทำได้ยากขึ้น ต้องกลับไปสู่วิธีการเล่นเเบบดั้งเดิม คือ ให้ปีกออกไปเล่นด้านกว้าง เเละใช้ความสามารถเฉพาะตัวเอาชนะในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งเเละสร้างพื้นที่ว่างขึ้นมา ส่วนพื้นที่ตรง Half space ให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นเเทน ดั่งเช่นแผนการเล่นของเเมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ อาร์เซน่อลในปัจจุบัน

เรามักจะเห็น บูกาโย่ ซาก้า มีพื้นที่ได้ดวลหนึ่งต่อหนึ่งในพื้นที่ด้านกว้างทางฝั่งขวาของสนามมากกว่า ส่วนพื้นที่ข้างในเป็นของกองหน้าเเละกองกลาง

Photo : Football365

ในเมื่อปีกไม่ได้เล่นในพื้นที่อันตรายอีกเเล้ว มันก็ทำให้หน้าที่ในการยิงประตูให้กับทีม กลับไปเป็นของกองหน้าตัวเป้าเเทน เป็นเหตุผลให้หลายๆทีมเริ่มมาใช้งานตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติในตำเเหน่งนี้มากขึ้น

เเละถ้าหากเราลองมองย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่าสูตรสำเร็จของการเป็นยอดทีมอย่างน้อย คุณต้องมีสไตรเกอร์อยู่ในทีม

4.การจะเป็นยอดทีมต้องมีตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติ

ในปัจจุบัน หมายเลข 9 บนหลังเสื้อของนักฟุตบอลมันพอจะบ่งบอกได้ว่า คุณ คือ สไตรเกอร์เบอร์หนึ่งของทีม เป็นเพราะว่าในสมัยก่อน นักฟุตบอลที่เล่นกองหน้าเก่งๆ มักจะสวมใส่เบอร์ 9 ลงสนาม ทำให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำเเหน่งนี้ไปโดยปริยาย

ย้อนกลับไปในช่วงยุค 90 มีการย้ายตัวทำลายสถิติสูงสุดกันไปมา ถึง 9 ครั้ง เเละเชื่อไหมว่า 6 จาก 9 เป็นการย้ายสโมสรของผู้เล่นในตำเเหน่งกองหน้า เเละเเต่ละทีมที่ทำได้ดีเเละประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง มักจะมีกองหน้าตัวจบสกอร์โดยธรรมชาติเป็นสไตรเกอร์ของทีมเสมอ

อลัน เชียร์เรอร์ กับ เเบล็กเบิร์น โรเวอร์ ชุดคว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีก, แอนดี้ โคล กับ เเมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดชุดคว้าทริปเปิ้ลเเชมป์ ปี 1999, ไมเคิล โอเว่น ทริปเปิ้ลเเชมป์กับลิเวอร์พูลปี 2001, โรนัลโด้ กับ ทีมชาติบราซิลชุดเเชมป์โลก 2002, เธียร์รี่ อองรี กับ อาร์เซน่อล ในยุคไร้พ่าย, อังเดร เชฟเชนโก้ กับ เอซี มิลาน ชุดเเชมป์ ยูฟ่า เเชมเปียนส์ ลีก หรือเเม้กระทั่งเลสเตอร์ชุดได้เเชมป์พรีเมียร์เเบบเซอร์ไพร์สก็ยังมี เจมี่ วาร์ดี้

Photo : Newcastle United

ผลงานของพวกเขาเป็นสิ่งที่การันตีสูตรสำเร็จง่ายๆสูตรหนึ่งได้ก็คือ การที่คุณอยากประสบความสำเร็จเเละคว้าเเชมป์อะไรสักอย่าง คุณควรจะมีสไตรเกอร์อยู่ในทีม เพราะ ในเมื่อฟุตบอลเป็นกีฬาที่ตัดสินผลเเพ้ชนะกันด้วยการทำประตู การที่มีนักฟุตบอลที่ถูกฝึกฝนการเคลื่อนที่เพื่อที่จะพุ่งเข้าไปทำประตูโดยเฉพาะก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าอยู่เเล้ว พวกเขาจะเคลื่อนที่เเละทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกฟุตบอลข้ามเส้นประตูไป ไม่ว่าจะใช้ส่วนไหนของร่างกายก็ตาม

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

“นิว เเคร์โรลล์” จริงดิ : หาต้นเหตุทำไม ดาร์วิน นูนเญซ มักยิงง่าย ๆ ไม่เข้า ?

เตรียมเห็นนรก : เหตุผลที่ เมสซี่, เอ็มบัปเป้ และ เนย์มาร์ พร้อมแบก PSG ทั้ง 3 คน

ไขข้อข้องใจ : เทน ฮาก ทำอย่างไรจึงได้ มาร์คัส เเรชฟอร์ด ร่างใหม่ที่ยิงเป็นว่าเล่น ?

แหล่งอ้างอิง

https://www.skysports.com/football/news/11661/10815938/why-premier-league-coaches-are-obsessed-with-the-half-spaces

https://www.marca.com/en/football/real-madrid/2020/05/16/5ec05533268e3eac098b45aa.html

https://www.thehighlightsapp.com/blog/strikers-in-soccer

https://www.sportskeeda.com/football/what-number-nine-forward-still-exist

แชร์บทความนี้
mask-bg
logo-black

SOCIAL MEDIA

สนใจโฆษณาติดต่อ